พบผลลัพธ์ทั้งหมด 38 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ห้างหุ้นส่วนสามัญที่เลิกแล้ว โอนหุ้นได้โดยไม่ต้องยินยอม ผู้รับโอนมีสิทธิฟ้องคดีอาญาได้
ห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิได้จดทะเบียน เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนมีมติให้เลิก ความเป็นหุ้นส่วนก็สิ้นสุดลง จะนำมาตรา 1249 - 1040 มาใช้บังคับมิได้ และผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมโอนหุ้นของตนได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากหุ้นส่วนคนอื่น ผู้รับโอนหุ้นมาย่อมเป็นผู้เสียหายในทางอาญาได้
คดีอาญาที่อยู่ในชั้นพิจารณาอำนาจฟ้อง แม้ศาลจะเห็นว่าฟ้องบางข้อไม่ผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง แต่ยังมีขอ้หาฐานอื่นอยู่ด้วย และคดีจะต้องพิจารณาพิพากษาต่อไป ศาลไม่ควรด่วนวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิด
ทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจากตัวความให้ใช้สิทธิอุทธรณ์, ฎีกาได้ ย่อมมีอำนาจลงชื่อในอุทธรณ์แทนตัวความได้
(อ้างฎีกา 1243/2492)
คดีอาญาที่อยู่ในชั้นพิจารณาอำนาจฟ้อง แม้ศาลจะเห็นว่าฟ้องบางข้อไม่ผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง แต่ยังมีขอ้หาฐานอื่นอยู่ด้วย และคดีจะต้องพิจารณาพิพากษาต่อไป ศาลไม่ควรด่วนวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิด
ทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจากตัวความให้ใช้สิทธิอุทธรณ์, ฎีกาได้ ย่อมมีอำนาจลงชื่อในอุทธรณ์แทนตัวความได้
(อ้างฎีกา 1243/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ห้างหุ้นส่วนสามัญที่เลิกแล้ว ผู้รับโอนหุ้นมีสิทธิฟ้องคดีอาญาได้
ห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิได้จดทะเบียน เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนมีมติให้เลิกความเป็นหุ้นส่วนก็สิ้นสุดลง จะนำมาตรา1249-1040 มาใช้บังคับมิได้ และผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมโอนหุ้นของตนได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากหุ้นส่วนคนอื่นผู้รับโอนหุ้นมาย่อมเป็นผู้เสียหายในทางอาญาได้
คดีอาญาที่อยู่ในชั้นพิจารณาอำนาจฟ้อง แม้ศาลจะเห็นว่าฟ้องบางข้อไม่ผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง แต่ยังมีข้อหาฐานอื่นอยู่ด้วย และคดีจะต้องพิจารณาพิพากษาต่อไปศาลไม่ควรด่วนวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิด
ทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจากตัวความให้ใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ย่อมมีอำนาจลงชื่อในอุทธรณ์แทนตัวความได้
(อ้างฎีกา 1243/2492)
คดีอาญาที่อยู่ในชั้นพิจารณาอำนาจฟ้อง แม้ศาลจะเห็นว่าฟ้องบางข้อไม่ผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง แต่ยังมีข้อหาฐานอื่นอยู่ด้วย และคดีจะต้องพิจารณาพิพากษาต่อไปศาลไม่ควรด่วนวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิด
ทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจากตัวความให้ใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ย่อมมีอำนาจลงชื่อในอุทธรณ์แทนตัวความได้
(อ้างฎีกา 1243/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลอกลวงให้ถอนฟ้องและการผิดคำรับรอง ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงหรือแจ้งความเท็จ
การที่จำเลยหลอกลวงให้เขาถอนคำร้องทุกข์และถอนฟ้องนั้น ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง และที่จำเลยรับต่อศาลว่าจะคืนจะแบ่งทรัพย์มรดกให้เขาแล้ว ไม่ปฏิบัติตาม ไม่ผิดฐานแจ้งความเท็จ เป็นแต่เพียงผิดคำรับรองไว้
คำฟ้องในคดีอาญาไม่ใช่หนังสือสำคัญตาม กฎหมายลักษณะอาญา
คำฟ้องในคดีอาญาไม่ใช่หนังสือสำคัญตาม กฎหมายลักษณะอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลอกลวงให้ถอนฟ้อง และผิดคำรับรอง ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงหรือแจ้งความเท็จ
การที่จำเลยหลอกลวงให้เขาถอนคำร้องทุกข์และถอนฟ้องนั้น ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง และที่จำเลยรับต่อศาลว่าจะคืนจะแบ่งทรัพย์มฤดกให้เขาแล้ว ไม่ปฏิบัติตาม ไม่ผิดฐานแจ้งความเท็จ เป็นแต่เพียงผิดคำรับรองไว้
คำฟ้องในคดีอาญาไม่ใช่หนังสือสำคัญตาม ก.ม.ลักษณะอาญา.
คำฟ้องในคดีอาญาไม่ใช่หนังสือสำคัญตาม ก.ม.ลักษณะอาญา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ: ข้อความไม่ตรงกับฟ้องและรายงานโดยสุจริต ไม่เข้าข่ายความผิด
ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรายงานไปว่า "นางสาวสมคิดไปเที่ยวกับผู้ชายในที่เปล่าเปลี่ยวสองต่อสอง" อันเป็นความเท็จและทำให้นางสาวสมคิดเสียหาย แต่ความจริงจำเลยรายงานว่า "ฯลฯ (นางสาวสมคิด) ไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ และการไปมาซึ่งนับว่าเปล่าเปลี่ยว ก็ไปกันกับหญิงกับชายซึ่งไม่มีญาติผู้ใหญ่ไปเป็นเพื่อน ฯลฯ" ซึ่งไม่ตรงกับคำฟ้อง ทั้งข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยรายงานไปโดยสุจริต จึงไม่มีผิดฐานแจ้งความเท็จหรือเบิกความเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ – รายงานความจริงโดยสุจริต ไม่เข้าข่ายความผิด
ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรายงานไปว่า "นางสาวสมคิดไปเที่ยวกับผู้ชายในที่เปล่าเปลี่ยวสองต่อสอง" อันเป็นความเท็จและทำให้นางสาวสมคิดเสียหาย แต่ความจริงจำเลยรายงานว่า"ฯลฯ(นางสาวสมคิด) ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ และการไปมาซึ่งนับว่าเปล่าเปลี่ยวก็ไปกันกับหญิงกับชายซึ่งไม่มีญาติผู้ใหญ่ไปเป็นเพื่อน ฯลฯ" ซึ่งไม่ตรงกับคำฟ้อง ทั้งข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยรายงานไปโดยสุจริต จึงไม่มีผิดฐานแจ้งความเท็จหรือเบิกความเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีแพ่งเท็จไม่เป็นความผิดทางอาญาตาม ม.158, 159 หากไม่มีการขอลงโทษอาญา
ฟ้องกล่าวโทษหรือฟ้องว่าเกิดการกระทำผิดขึ้นตามความในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 158,159 นั้นเป็นเรื่องฟ้องว่ากระทำความผิดในทางอาญา
ฟ้องคดีแพ่ง แม้จะกล่าวว่าเป็นเรื่องยักยอก แม้จะเป็นเท็จก็ไม่มีผิดฐานฟ้องเท็จ ตาม มาตรา158-159
ฟ้องคดีแพ่ง แม้จะกล่าวว่าเป็นเรื่องยักยอก แม้จะเป็นเท็จก็ไม่มีผิดฐานฟ้องเท็จ ตาม มาตรา158-159
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องร้องฐานร้องเรียนเท็จ/เบิกความเท็จ ต้องระบุข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง
ในคดีหาว่าร้องเรียนเท็จและเบิกความเท็จนั้น ในฟ้องต้องระบุมาด้วยว่าความจริงเป็นอย่างไร มิฉะนั้นเป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฐานปลอมแปลงเอกสารเพื่อยืดอายุความ ศาลวินิจฉัยว่าฟ้องชัดเจน แม้ไม่ได้ระบุวันเวลาที่ปลอมแปลง
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า โจทก์ได้ทำสัญญากู้เงินจำเลยเมื่อ พ.ศ.2471 ครั้นจำเลยนำสัญญามาฟ้องกลับปลอม (แก้) เป็น พ.ศ.2473 เพื่อให้อายุความยืดออกไป ดังนี้เป็นฟ้องที่ชัดเจนพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ไม่จำต้องกล่าวว่าจำเลยทำปลอมขึ้นเมื่อวัน เดือน ปี ใดและที่ไหน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องปลอมแปลงสัญญาเพื่อยืดอายุความ ไม่ต้องระบุวันเวลาที่ปลอมแปลง
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า. โจทก์ได้ทำสัญญากู้เงินจำเลยเมื่อพ.ศ.2471. ครั้นจำเลยนำสัญญามาฟ้องกลับปลอม(แก้)เป็นพ.ศ.2473. เพื่อให้อายุความยืดออกไป. ดังนี้เป็นฟ้องที่ชัดเจนพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว. ไม่จำต้องกล่าวว่าจำเลยทำปลอมขึ้นเมื่อวัน เดือน ปี ใดและที่ไหน.