คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 299

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 41 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1192/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีพยายามชิงทรัพย์ และการลงโทษฐานความผิดหลายกระทง
ในคดีความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ แม้โจทก์มิได้กล่าวว่าพยายามชิงทรัพย์อะไรบ้าง แต่ในฟ้องก็พอเข้าใจว่าจำเลยขู่เข็ญให้บอกที่เก็บทรัพย์ที่อยู่ในกุฏิเพียงเท่านี้ ยังไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1977/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเอาทรัพย์ที่ควรได้ ไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์
การที่จำเลยสมคบกันใช้อาวุธและวาจาขู่เข็ญให้เจ้าทรัพย์จ่ายเงินค่าสลากกินรวบซึ่งจำเลยถูกสลากและเจ้าทรัพย์เป็นเจ้ามือนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยมุ่งหมายจะเอาทรัพย์ที่จำเลยเข้าใจว่าจำเลยควรจะได้ ไม่มีเถยจิตจะลักทรัพย์ ไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์โดยขู่เข็ญด้วยอาวุธ ผู้เสียหายไม่ขัดขวาง ถือเป็นเหตุชิงทรัพย์ได้ แม้ไม่ได้ขอในฟ้อง
พวกจำเลยคนหนึ่งได้ชักวัตถุมีด้ามจากพุง ทำกริยาชักเข้าชักออกซึ่งผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นมีดมีความกลัว แล้วพวกของจำเลยได้กระชากปากกาจากกระเป๋าเสื้อของผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายมิได้ขัดขวางอย่างใดดังนี้ย่อมถือได้ว่าการกระทำของจำเลยกับพวกเป็นการขู่เข็ญจะทำร้าย เพื่อจะเอาทรัพย์หรือให้ผู้เสียหายส่งทรัพย์ให้และพวกของจำเลยได้ดึงปากกาที่กระเป๋าของผู้เสียหายไป จึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การกระทำเป็นกรรมเดียวกัน แม้เปลี่ยนฐานความผิด
การกระทำของจำเลยเป็นกรรมและวาระเดียวกัน เมื่ออัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษและศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกาย คดีถึงที่สุดแล้วผู้เสียหายจะมาฟ้องจำเลยหาว่าชิงทรัพย์ โดยใช้กำลังทำร้ายร่างกายอีกไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา39(4)(อ้างฎีกาที่ 168/2489)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1029/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานใช้อำนาจในทางทุจริตเรียกรับเงิน, สมคบกระทำผิด, ความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยเป็นตำรวจประจำการได้สมคบกับพวกแกล้งกล่าวหาว่าเขาทำผิดกฎหมาย แล้วนำตัวเขาไปเพื่อจะดำเนินคดี ระหว่างทางเขายอมให้เงิน 60 บาทแก่พวกจำเลยตามคำเรียกร้องของจำเลยกับพวก แล้วจำเลยก็ปล่อยเขากลับบ้านได้ ดังนี้จะถือว่าจำเลยกับพวกใช้กำลังทำร้ายหรือขู่เข็ญจะทำร้ายอันจะปรับบทเป็นความผิด ฐานชิงทรัพย์ไม่ได้ แต่อาจเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 136 ได้
ฟ้องบรรยายว่า จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่ง สมคบกันใช้วาจาขู่เข็ญผู้เสียหายว่า จะจับกุมเพราะไม่เสียภาษีและไม่ออกใบรับเงินปิดอากรแสตมป์โดยประสงค์จะเรียกร้องบังคับเอาเงินเป็นผลประโยชน์รายได้ อันมิควรจะได้ตามกฎหมายผู้เสียหายได้ถูกจับกุมไป ระหว่างทางมีความกลัวจึงให้เงินแก่พวกจำเลย เพื่อให้จำเลยปล่อยตัวฯลฯ จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีฯลฯ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 136,298 ดังนี้ พอถือได้ว่าเป็นฟ้องที่มีข้อหาในฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตด้วย ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 136 ได้
สำหรับผู้ที่มิได้เป็นเจ้าพนักงานนั้น ถ้าได้สมคบกับเจ้าพนักงานกระทำผิดตามมาตรา 136 แล้ว ก็มีโทษตามมาตรา 136 ได้ แต่ผิดเพียงฐานสมรู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1469/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบกันชิงทรัพย์: การกระทำเพื่อช่วยเหลือการหลบหนีและความรุนแรงเป็นองค์ประกอบสำคัญ
จำเลยที่ 1 เป็นคนเดินแซกเข้าไปลักปากกาจากกระเป๋าเสื้อเจ้าทรัพย์พาหนีไป จำเลยที่ 2 เดินเข้ามาชนกระแทกไหล่เจ้าทรัพย์เซไป แล้วเดินตามไปด้วยกันและถูกจับพร้อมกันในขณะที่เดินไปด้วยกันดังนี้ เพียงพอที่จะชี้ได้ว่า การที่จำเลยที่ 2 ใช้กำลังกายกระแทกไหล่เจ้าทรัพย์ให้เซไปก็เพื่อหน่วงเหนี่ยวการติดตามของเจ้าทรัพย์ให้ช้ลงโดยประสงค์ให้เป็นความสดวกในการที่จำเลยที่ 1 จะพาทรัพย์ที่ลักไปจากเจ้าทรัพย์หนีไปให้พ้นและเพื่อให้จำเลยที่ 1 รอดพ้นอาญาสำหรับความผิดที่ได้กระทำลง และการใช้กำลังกายกระแทกไหล่ เป็นการใช้กำลังทำร้ายอย่างหนึ่ง จำเลยทั้งสองที่สมคบกันในการนี้ จึงต้องมีผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1469/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบชิงทรัพย์: การกระทำร่วมกันเพื่อช่วยเหลือการลักทรัพย์ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยที่ 1 เป็นคนเดินแทรกเข้าไปลักปากกาจากกระเป๋าเสื้อเจ้าทรัพย์พาหนีไป จำเลยที่ 2 เดินเข้ามาชนกระแทกไหล่เจ้าทรัพย์เซไป แล้วเดินตามไปด้วยกันและถูกจับพร้อมกันในขณะที่เดินไปด้วยกัน ดังนี้ เพียงพอที่จะชี้ได้ว่า การที่จำเลยที่ 2 ใช้กำลังกายกระแทกไหล่เจ้าทรัพย์ให้เซไปก็เพื่อหน่วงเหนี่ยวการติดตามของเจ้าทรัพย์ให้ช้าลงโดยประสงค์ให้เป็นความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 จะพาทรัพย์ที่ลักไปจากเจ้าทรัพย์หนีไปให้พ้น และเพื่อให้จำเลยที่ 1 รอดพ้นอาญาสำหรับความผิดที่ได้กระทำลง และการใช้กำลังกายกระแทกไหล่ เป็นการใช้กำลังทำร้ายอย่างหนึ่ง จำเลยทั้งสองที่สมคบกันในการนี้ จึงต้องมีผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1421/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายเพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามหลังลักทรัพย์เข้าข่ายความผิดชิงทรัพย์
ลักบุหรี่ที่เขาวางขายไว้ที่ร้ายแผงลอยไป 1 ซองแล้วเดินเรื่อย ๆ ไป เจ้าทรัพย์กับพวกติดตามในขณะนั้นชั่วระยะทางเพียงเล็กน้อยก็ทัน จำเลยจึงใช้มือชกต่อยพวกเจ้าทรัพย์ ดังนี้ แสดงให้เห็นว่าทำร้ายเพื่อระงับการติดตามของคนเหล่านั้นโดยหวังผลที่จะพาบุหรี่ที่ลักมานั้นไป และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นผิดอาญาสำหรับความผิดฐานลักทรัพย์ ที่ได้กระทำลง ย่อมเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1421/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายเพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามหลังลักทรัพย์เข้าข่ายชิงทรัพย์
ลักบุหรี่ที่เขาวางขายไว้ที่ร้านแผงลอยไป 1 ซองแล้วเดินเรื่อยๆ ไป เจ้าทรัพย์กับพวกติดตามในขณะนั้นชั่วระยะทางเพียงเล็กน้อยก็ทัน จำเลยจึงใช้มือชกต่อยพวกเจ้าทรัพย์ ดังนี้ แสดงให้เห็นว่าทำร้ายเพื่อระงับการติดตามของคนเหล่านั้นโดยหวังผลที่จะพาบุหรี่ที่ลักมานั้นไป และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นผิดอาญาสำหรับความผิดฐานลักทรัพย์ ที่ได้กระทำลง ย่อมเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งความรับผิดชอบในความผิดฐานชิงทรัพย์และลักทรัพย์ เมื่อการกระทำเกิดขึ้นต่างเวลากัน
คนร้าย 2 คนสมคบกันไปลักทรัพย์เขาเมื่อลักได้แล้วพาทรัพย์หนี คนหนึ่งพาทรัพย์ออกพ้นจากบ้านเจ้าทรัพย์ ไปแล้ว อีกคนหนึ่งถูกพวกเจ้าพนักงานสกัดหน้าไว้ในบริเวณบ้านคนร้ายคนที่ถูกสกัดหน้า จึงทำร้ายคนที่สกัดหน้า มีบาดเจ็บสาหัส ดังนี้ แสดงว่ากระทำร้ายเพื่อจะหลบหนี อันนับได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อตัวคนร้ายคนนั้นเองโดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับการสมคบกันมาลักทรัพย์แต่แรก คนร้ายคนที่ทำร้าย จึงมีผิดฐานชิงทรัพย์แต่ผู้เดียวส่วนคนร้ายคนที่พาทรัพย์พ้นบ้านไปแล้วนั้น คงมีผิดเพียงฐานลักทรัพย์เท่านั้น
of 5