คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 224

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 108 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเอกสารสิทธิด้วยการลบข้อความชำระหนี้ และการแสดงพยานหลักฐานเท็จต่อศาล มีความผิดตามกฎหมายอาญา
(1) เมื่อปรากฏว่า สัญญากู้เงินซึ่งเป็นเอกสารสิทธินั้น มีเรื่องที่แท้จริงรวมกันอยู่ 2 เรื่อง คือ มีหนังสือสัญญากู้เงิน 1 มีบันทึกการชำระหนี้เงินกู้รายนี้บางส่วน 1 แต่จำเลยได้ลบบันทึกนั้นออกก็เพื่อให้โจทก์หรือศาลหลงเชื่อว่า เอกสารสิทธิมีหนังสือสัญญากู้เงินเพียงเรื่องเดียวซึ่งแสดงว่าไม่เคยผ่อนชำระหนี้กันเลย การกระทำเช่นนี้เป็นการตัดทอนหรือแก้ไขด้วยประการใด ๆ ในเอกสาที่แท้จริง เป็นผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264
(2) แม้จำเลยจะยังมิได้นำสืบ แต่ได้แสดงพยานหลักฐานเท็จต่อศาลแล้ว โดยส่งเอกสาร(หมาย จ.1) ซึ่งเดิมมีอยู่ 2 หลักฐาน แต่จำเลยส่งแสดงว่ามีหลักฐานเดียวย่อมเป็นการแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาลตามมาตรา 180 แล้ว
(3) การปลอมเอกสารซึ่งอยู่ในความยึดถือของจำเลยนั้น ย่อมมีโอกาสทำได้ในที่ลับ เป็นการยากที่จะมีประจักษ์พยาน ฉะนั้น พยานประพฤติเหตุบ่งว่าจำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารไม่ผิดตัว ก็ฟังลงโทษจำเลยได้
(4) เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้นำพยานสืบแก้ฟ้องโจทก์แล้ว ยังอ้างผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมเพื่อตรวจพิสูจน์เอกสารที่โจทก์อ้างไว้ว่ามีรอยลอยอากรแสตมป์ และมีรอยลบข้อความบางประการออกหรือไม่ ซึ่งข้อความที่จะนำสืบพยานผู้เชี่ยวชาญนี้ พยานจำเลยไม่ได้เบิกความมาก่อนเลย และโจทก์ก็ไม่รู้ว่าจำเลยจะนำสืบประเด็นเช่นนี้ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจให้โจทก์นำสืบแก้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 89 วรรค 3
หมายเหตุ หมายเลข(1) วินิจฉัย โดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2508

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมแปลงเอกสารสิทธิเพื่อใช้ในการฟ้องร้อง และการแสดงหลักฐานเท็จต่อศาล
(1)เมื่อปรากฏว่า สัญญากู้เงินซึ่งเป็นเอกสารสิทธินั้นมีเรื่องที่แท้จริงรวมกันอยู่ 2 เรื่อง คือมีหนังสือสัญญากู้เงิน 1 มีบันทึกการชำระหนี้เงินกู้รายนี้บางส่วน 1 แต่จำเลยได้ลบบันทึกดังกล่าวออกเสียเอกสารสิทธินั้นก็จะมีหนังสือสัญญาอันเป็นเอกสารที่แท้จริงเหลืออยู่เพียงเรื่องเดียว การที่จำเลยลบบันทึกนั้นออกก็เพื่อให้โจทก์หรือศาลหลงเชื่อว่าเอกสารสิทธิมีหนังสือสัญญากู้เงินเพียงเรื่องเดียวซึ่งแสดงว่าไม่เคยผ่อนชำระหนี้กันเลยการกระทำเช่นนี้เป็นการตัดทอนหรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง เป็นผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264
(2)แม้จำเลยจะยังมิได้นำสืบ แต่ได้แสดงพยานหลักฐานเท็จต่อศาลแล้ว โดยส่งเอกสาร (หมาย จ.1) ซึ่งเดิมมีอยู่ 2 หลักฐาน แต่จำเลยส่งแสดงว่ามีหลักฐานเดียวย่อมเป็นการแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาลตามมาตรา 180 แล้ว
(3)การปลอมเอกสารซึ่งอยู่ในความยึดถือของจำเลยนั้นย่อมมีโอกาสทำได้ในที่ลับ เป็นการยากที่จะมีประจักษ์พยาน ฉะนั้น พยานประพฤติเหตุบ่งว่าจำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารไม่ผิดตัว ก็ฟังลงโทษจำเลยได้
(4)เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้นำพยานสืบแก้ฟ้องโจทก์แล้วยังอ้างผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมเพื่อตรวจพิสูจน์เอกสารที่โจทก์อ้างไว้ว่ามีรอยลอกอากรแสตมป์ และมีรอยลบข้อความบางประการออกหรือไม่ซึ่งข้อความที่จะนำสืบพยานผู้เชี่ยวชาญนี้พยานจำเลยไม่ได้เบิกความมาก่อนเลยและโจทก์ก็ไม่รู้ว่าจำเลยจะนำสืบประเด็นเช่นนี้ ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจให้โจทก์นำสืบแก้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 89 วรรค 3
หมายเหตุ หมายเลข (1) วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2508

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1991/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดทำเครื่องหมายผู้ขับขี่ล้อเลื่อน: กฎหมายไม่ได้จำกัดสิทธิเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ
เกี่ยวกับเครื่องหมายสำหรับผู้ขับขี่ล้อเลื่อนรับจ้างนั้นเมื่อกฎหมายมิได้กำหนดว่าเจ้าพนักงานต้องเป็นผู้จัดทำเองผู้อื่นใดจะทำมิได้ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 13 แห่ง พระราชบัญญัติล้อเลื่อน พ.ศ.2478 ที่เกี่ยวกับเครื่องหมายติดกับตัวล้อเลื่อนแล้ว ดังนั้นการที่จำเลยจัดทำเครื่องหมายดังกล่าวขึ้นจึงไม่เป็นผิดแต่อย่างใดเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1991/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดทำเครื่องหมายผู้ขับขี่ล้อเลื่อนรับจ้างโดยไม่ขัดกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายไม่ได้จำกัดสิทธิผู้จัดทำ
เกี่ยวกับเครื่องหมายสำหรับผู้ขับขี่ล้อเลื่อนรับจ้างนั้น เมื่อกฎหมายมิได้กำหนดว่า เจ้าพนักงานต้องเป็นผู้จัดทำเอง ผู้อื่นใดจะทำมิได้ดังที่ บัญญัติไว้ในมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.ล้อเลื่อน พ.ศ.2478 ที่เกี่ยวกับเครื่องหมายติดกับตัวล้อเลื่อนแล้ว ดังนั้นการที่จำเลยจัดทำเครื่องหมายดังกล่าวขึ้นจึงไม่เป็นผิดแต่อย่างใดเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751-765/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริตหน้าที่ เรียกรับเงินเกินกว่าที่กำหนด และทำหลักฐานเท็จ
ปลัดอำเภอออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยไม่มีอำนาจ และรู้อยู่ว่าขัดขืนต่อคำสั่งระเบียบปฏิบัติ โดยเห็นแก่เงินที่เรียกร้องจากคนต่างด้าวเกินกว่าที่ควรต้องเสีย เอาส่วนเกินเป็นประโยชน์ของตนและแสร้งทำหลักฐานว่า ได้มีการสอบสวนดำเนินคดีทางอาญาแล้ว
ยังไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือ เพราะจำเลยทำขึ้นในนามของจำเลยเอง ไม่ใช่ทำปลอมในนามของนายอำเภอหรือคนอื่น
มีผิดเพียงตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.230 และ 138 วรรค 2 แต่อยู่ในระหว่างหัวต่อตามประมวล ก.ม.อาญา ม.3 ให้ใช้ ประมวล ก.ม.อาญา ม.161 ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยแทน ก.ม.ลักษณะอาญา ม.230, และ ม.149 แทน ก.ม.ลักษณะอาญา ม.138 วรรค 2.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751-765/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริตเรียกรับเงินจากต่างด้าว และทำหลักฐานเท็จ
ปลัดอำเภอออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยไม่มีอำนาจและรู้อยู่ว่าขัดขืนต่อคำสั่งระเบียบปฏิบัติ โดยเห็นแก่เงินที่เรียกร้องจากคนต่างด้าวเกินกว่าที่ควรต้องเสีย เอาส่วนเกินเป็นประโยชน์ของตนและแสร้งทำหลักฐานว่าได้มีการสอบสวนดำเนินคดีทางอาญาแล้ว
ยังไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือเพราะจำเลยทำขึ้นในนามของจำเลยเอง ไม่ใช่ทำปลอมในนามของนายอำเภอหรือคนอื่น
มีผิดเพียงตาม กฎหมายลักษณะอาญา ม.230 และ138วรรคสองแต่อยู่ในระหว่างหัวต่อตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา3 ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา161 ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยแทนกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 230 และ มาตรา149 แทน กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา138 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทะเบียนยานพาหนะไม่ใช่หนังสือสำคัญทางกฎหมายอาญา การปลอมแปลงจึงไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 225
ในทะเบียนยานพาหนะล้อเลื่อนเป็นเพียงหนังสือราชการเท่านั้นมีไว้เพื่อความสะดวกในการควบคุมของเจ้าพนักงานและพนักงานเจ้าหน้าที่ หาได้มุ่งหมายให้เป็นสำคัญแก่การตั้งเปลี่ยนแก้ หรือเลิกล้างโอนกรรมสิทธิหรือหนี้สินแต่ประการใดไม่ จึงไม่ใช่หนังสือสำคัญตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 6(20)
เมื่อจำเลยปลอมใบทะเบียนยานพาหนะล้อเลื่อนจะลงโทษตาม มาตรา 225 ไม่ได้
ปัญหาเรื่องการรอการลงโทษจำเลยหรือไม่นี้เกี่ยวกับดุลพินิจของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง คู่ความจะฎีกาไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมของผู้เสียหายจากการทำลายตราไม้ที่ได้รับอนุญาตทำไม้
อัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 4 สมคบกันถากทำลายตราประจำต้นไม้ของนายจงกลซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ แล้วสมคบกันตีตราเลขหมายอื่นเป็นเลขของนายพิจิตรจำเลยขึ้นใหม่โดยทางการมิได้อนุญาต เพื่อประสงค์จะให้ไม้ของนายจงกลตกเป็นของนายพิจิตรจำเลย โดยจำเลยหวังผลประโยชน์จากนายพิจิตร
ดังนี้นายจงกลย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียหายมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโจทก์ได้ เพราะเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำไม้ที่ตีตราไว้ให้แล้วซึ่งนายจงกลมีสิทธิที่จะเข้ายึดถือครอบครองเป็นเจ้าของในภายหลัง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2499)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม, พยานผู้เชี่ยวชาญ, และหนังสือสำคัญทางราชการ: การพิจารณาความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
จำเลยตัดฟ้องว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม (อ้างว่าข้อ 1.ค. กล่าวว่าจำเลยทั้งสองได้บังอาจสมคบกันใช้อุบายหลอกลวงกล่าวเท็จแก่นายเจริญ ซึ่งแสดงว่าได้ใช้อุบายหลอกลวงกล่าวเท็จทั้งสองคนแต่ในข้อเดียวกันก็กล่าวว่าจำเลยที่ 2 แต่คนเดียวเป็นผู้กล่าวว่ากองทัพอากาศได้ใช้ให้จำเลยมาเก็บเงินฟ้องเช่นนี้เป็นสองแง่สองคมทำให้จำเลยเสียเปรียบและหลงข้อต่อสู้) แต่เมื่ออ่านฟ้องแล้วได้ความว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทั้ง 2 สมคบกันทำใบเสร็จปลอมขึ้นหรือมิฉะนั้นก็สมคบกันใช้หนังสือปลอมโดยจำเลยที่ 1 ใช้ให้จำเลยที่ 2 นำใบเสร็จปลอมไปเก็บเงินจำเลยเข้าใจได้ดีไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบหรือหลงข้อต่อสู้จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อพยานมาเบิกความยังศาลโดยถูกโจทก์อ้างในฐานเป็นผู้ชำนาญการตรวจลายมือ (ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 243 วรรคแรก) ศาลมิได้สั่งให้พยานทำความเห็นเป็นหนังสือดังนี้พยานจึงไม่อยู่ในบังคับต้องส่งสำเนาเอกสารการตรวจลายมือให้จำเลยก่อน 3 วันตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 243 วรรคสอง
เมื่อโจทก์ไม่ได้สืบให้เห็นว่าหนังสือข่าวทหารอากาศเป็นส่วนราชการในกองทัพอากาศอย่างไรรายรับรายจ่ายของหนังสือนี้ก็ไม่ปรากฏว่าใช้จ่ายในเงินของราชการหรือไม่ ประการใดดังนี้แม้กองทัพอากาศจะเป็นเจ้าของและรองเสนาธิการทหารอากาศเป็นบรรณาธิการก็ดีก็ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นหนังสือราชการของกองทัพอากาศจำเลยปลอมใบเสร็จรับเงินหนังสือข่าวดังกล่าวจึงมีความผิดตาม มาตรา 224 ไม่ใช่ 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมแปลงเอกสารและฉ้อโกง: การพิสูจน์การร้องทุกข์ของผู้เสียหายเป็นสาระสำคัญในการลงโทษ
อัยการโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดหลายบทหลายกระทงคือปลอมหนังสือและฉ้อโกงนายเจียมพลฯ บรรจง ผู้เสียหาย ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ให้พนักงานดำเนินคดีแล้ว
แม้ศาลล่างทั้งสองฟังว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องและพิพากษาลงโทษจำเลยตาม มาตรา 224,227,304 ฯลฯ กับให้คืนเงินจำเลย
ในชั้นฎีกาเมื่อคดีนี้ฟังได้ว่าไม่มีการร้องทุกข์ก็ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 304 ไม่ได้ จึงชอบที่จะพิพากษาแก้เฉพาะที่เกี่ยวกับมาตรา 304 และเรื่องการใช้เงิน
of 11