พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,694 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้รับจำนองสุจริตและการบังคับจำนอง แม้กรรมสิทธิที่ดินพิพาทจะยังไม่จดทะเบียน
ได้ความว่าโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นบุตรนอก ก.ม.ของโจทก์ที่ 1 เกิดกับผู้ตายเจ้ามรดก แต่ผู้ตายเจ้ามรดกได้รับรองและแสดงออกโดยให้ใช้นามสกุลและการศึกษาถือว่าเจ้ามรดกได้รับรองว่าโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นบุตรของตนแล้ว โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย และมีอำนาจฟ้องคดีได้โดยไม่จำเป็นต้องขอคำสั่งศาลเสียก่อน
ผู้ตายได้รับจำนองที่ดินพิพาทนี้โดยทางทะเบียนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนส่วนจำเลยที่ 3 ได้กรรมสิทธิที่ดินพิพาททางครอบครองแต่มิได้จดทะเบียนเช่นนี้จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอก (คือ ฝ่ายผู้รับจำนอง) ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตไม่ได้ตาม ป.พ.พ.ม.1299 แม้ถึงหากจะฟังว่าจำเลยที่ 1,2 เอาความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่าโฉนดหายจนได้รับใบแทนโฉนดมาแล้วเอาไปจำนองก็ดี เมื่อผู้รับจำนองมิได้รู้เห็นในเรื่องนี้ด้วยหากแต่รับจำนองไว้โดยสุจริตเช่นนี้ไม่ทำให้สิทธิของผู้รับจำนองดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไป ฝ่ายผู้รับจำนองยังมีสิทธิฟ้องบังคับจำนองโดยยึดที่ดินจำนองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ได้
ผู้ตายได้รับจำนองที่ดินพิพาทนี้โดยทางทะเบียนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนส่วนจำเลยที่ 3 ได้กรรมสิทธิที่ดินพิพาททางครอบครองแต่มิได้จดทะเบียนเช่นนี้จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอก (คือ ฝ่ายผู้รับจำนอง) ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตไม่ได้ตาม ป.พ.พ.ม.1299 แม้ถึงหากจะฟังว่าจำเลยที่ 1,2 เอาความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่าโฉนดหายจนได้รับใบแทนโฉนดมาแล้วเอาไปจำนองก็ดี เมื่อผู้รับจำนองมิได้รู้เห็นในเรื่องนี้ด้วยหากแต่รับจำนองไว้โดยสุจริตเช่นนี้ไม่ทำให้สิทธิของผู้รับจำนองดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไป ฝ่ายผู้รับจำนองยังมีสิทธิฟ้องบังคับจำนองโดยยึดที่ดินจำนองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานต้องเป็นผู้มีอำนาจทำเอกสารเอง การมอบหมายให้ผู้อื่นทำแทนไม่ถือเป็นความผิดตาม ม.๒๓๐
เสมียนมหาดไทยประจำอำเภอเขียนหรือทำใบแทนใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแล้วให้นายทะเบียนลงนามตามตำแหน่งหน้าที่นั้น ไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีตำแหน่งหน้าที่ทำใบแทนใบสำคัญนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานต้องเป็นผู้ลงนามเอง แม้มีผู้ช่วยทำเอกสาร การลงนามแทนจึงไม่ถือเป็นการกระทำของเจ้าพนักงาน
เสมียนมหาดไทยประจำอำเภอเขียนหรือทำใบแทนใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแล้วให้นายทะเบียนลงนามตามตำแหน่งหน้าที่นั้น ไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีตำแหน่งหน้าที่ทำใบแทนใบสำคัญนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากโทสะ: การทำร้ายร่างกายด้วยพร้าจากความหึงหวงและการพิจารณาเจตนาของผู้กระทำ
หญิงฟันสามีทางข้างหลังด้วยพร้าใหญ่ถูกที่คอเป็นแผลลึก6 ซ.ม. แต่ฟันเพราะสามีคลอเคลียเมียน้อยต่อหน้าเกิดโทสะจึงคว้าพร้าฟันลงไปทันที เป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่พยายามฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2038/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองขอบหนองและการเจตนายึดถือเพื่อตน: สิทธิเจ้าของหนองและการทำนาของผู้อื่น
พฤติการณ์อย่างไรเรียกว่าครอบครอบและอย่างไรเรียกว่าเจตนายึดถือทรัพย์สินเพื่อตน
เป็นเจ้าของหนองน้ำใช้สิทธิทำการจับปลาแต่ในฤดูจับปลาเพียง 3 เดือนในปีหนึ่ง ส่วนนอกฤดูจับปลาปล่อยผู้อื่นเข้าทำนาตามขอบหนองทุก ๆ ปี ดังนี้ถือว่าเจ้าของหนองใช้สิทธิครอบครอบขอบหนองนั้น ไม่จำต้องคัดค้านห้ามปรามผู้เข้ามาทำนาและจะถือว่าเจ้าของหนองทอดทิ้งหนองไม่ได้.
เป็นเจ้าของหนองน้ำใช้สิทธิทำการจับปลาแต่ในฤดูจับปลาเพียง 3 เดือนในปีหนึ่ง ส่วนนอกฤดูจับปลาปล่อยผู้อื่นเข้าทำนาตามขอบหนองทุก ๆ ปี ดังนี้ถือว่าเจ้าของหนองใช้สิทธิครอบครอบขอบหนองนั้น ไม่จำต้องคัดค้านห้ามปรามผู้เข้ามาทำนาและจะถือว่าเจ้าของหนองทอดทิ้งหนองไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2038/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินขอบหนองและการใช้สิทธิประโยชน์โดยเจ้าของ ไม่ถือเป็นการทอดทิ้ง หรือเจตนายึดถือ
พฤติการณ์อย่างไรเรียกว่าครอบครองและอย่างไรเรียกว่าเจตนายึดถือทรัพย์สินเพื่อตน
เป็นเจ้าของหนองน้ำใช้สิทธิทำการจับปลาแต่ในฤดูจับปลาเพียง 3 เดือนในปีหนึ่ง ส่วนนอกฤดูจับปลาปล่อยผู้อื่นเข้าทำนาตามขอบหนองทุกๆ ปี ดังนี้ถือว่าเจ้าของหนองใช้สิทธิครอบครองขอบหนองนั้น ไม่จำต้องคัดค้านห้ามปรามผู้เข้ามาทำนา และจะถือว่าเจ้าของหนองทอดทิ้งหนองไม่ได้
เป็นเจ้าของหนองน้ำใช้สิทธิทำการจับปลาแต่ในฤดูจับปลาเพียง 3 เดือนในปีหนึ่ง ส่วนนอกฤดูจับปลาปล่อยผู้อื่นเข้าทำนาตามขอบหนองทุกๆ ปี ดังนี้ถือว่าเจ้าของหนองใช้สิทธิครอบครองขอบหนองนั้น ไม่จำต้องคัดค้านห้ามปรามผู้เข้ามาทำนา และจะถือว่าเจ้าของหนองทอดทิ้งหนองไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2013/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานต่อ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว: หน้าที่ vs. การกระทำผิด
คำว่า "การกระทำผิดของเจ้าพนักงานอื่นใด" ตาม พ.ร.บ. สำรวจและห้ามกักกันข้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2489 ม.15 (1) นั้นจะต้องเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติการในหน้าที่ แต่ปรากฎในคดีนี้ว่าจำเลยเป็นเพียงเจ้าพนักงานตำรวจมีหน้าที่แต่เฉพาะขับรถยนต์ของทางราชการเท่านั้นการที่จำเลยสมคบกับพวกขนย้ายข้าวออกนอกเขตห้ามขนย้ายทางทะเลและพยายามนำออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตจึงมิใช่เป็นการกระทำที่เกี่ยวกับการปฏิบัติการหรือละเว้นไม่ปฏิบัติการในหน้าที่ของจำเลยแต่ประการใด ความผิดของจำเลยจึงไม่ต้องด้วย ม.15 (1) แห่ง พ.ร.บ. สำรวจและห้ามกักกันข้าวที่แก้ไขดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2013/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานตามพ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว ต้องเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่
คำว่า"การกระทำผิดของเจ้าพนักงานอื่นใด" ตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2489 มาตรา 15(1) นั้นจะต้องเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติการในหน้าที่ แต่ปรากฏในคดีนี้ว่าจำเลยเป็นเพียงเจ้าพนักงานตำรวจมีหน้าที่แต่เฉพาะขับรถยนต์ของทางราชการเท่านั้น การที่จำเลยสมคบกับพวกขนย้ายข้าวออกนอกเขตห้ามขนย้ายทางทะเลและพยายามนำออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงมิใช่เป็นการกระทำที่เกี่ยวกับการปฏิบัติการหรือละเว้นการปฏิบัติการในหน้าที่ของจำเลยแต่ประการใด ความผิดของจำเลยจึงไม่ต้องด้วย มาตรา 15(1) แห่ง พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวที่แก้ไขดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1960/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งเปลี่ยนชื่อต่ออำเภอ: ถือว่าแจ้งแล้วหากอำเภอทราบเรื่องทั้งหมด
การที่อำเภอท้องที่ที่ผู้แจ้งขึ้นทะเบียนทหารและจำเลยที่แจ้งให้ผู้นั้นทราบว่าทางราชการอนุญาตให้เปลี่ยนชื่อเป็นแห่งเดียวกันและรับรู้เรื่องอยู่โดยตลอดแล้ว ก็ชอบที่จะดำเนินการแก้หนังสือสำคัญประจำตัวกับบัญชีหรือทะเบียนทหารได้เองอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ผู้นั้นไปย้อนแจ้งการเปลี่ยนชื่ออีก ย่อมถือได้เสมือนหนึ่งว่าผู้นั้นได้นำหลักฐานการเปลี่ยนชื่อไปแจ้งแก่นายอำเภอท้องที่ทราบอยู่ในตัวแล้ว ผู้นั้นจึงหาควรมีผิดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1960/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งเปลี่ยนชื่อต่ออำเภอ: ถือว่าแจ้งแล้วหากอำเภอทราบเรื่องตลอด
การที่อำเภอท้องที่ที่ผู้แจ้งขึ้นทะเบียนทหารและจำเลยที่แจ้งให้ผู้นั้นทราบว่าทางราชการอนุญาตให้เปลี่ยนชื่อเป็นแห่งเดียวกันและรับรู้เรื่องอยู่โดยตลอดแล้ว ก็ชอบที่จะดำเนินการแก้หนังสือสำคัญประจำตัวกับบัญชีหรือทะเบียนทหารได้เองอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ผู้นั้นไปย้อนแจ้งการเปลี่ยนชื่ออีก ย่อมถือได้เสมือนหนึ่งว่าผู้นั้นได้นำหลักฐานการเปลี่ยนชื่อไปแจ้งแก่นายอำเภอท้องที่ทราบอยู่ในตัวแล้ว ผู้นั้นจึงหาควรมีผิดไม่.