คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
มนูกิจวิมลอรรถ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,694 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ถูกทำร้ายก่อน ศาลพิจารณาบาดแผลและพฤติการณ์
ผู้ตายเป็นคนมุทะลุดุร้ายเคยทุบตีรังแกจำเลยเสมอ ตอนหัวค่ำของวันเกิดเหตุผู้ตายเอาไม้คานตีจำเลย โดยจำเลยไม่ได้ต่อสู้มีรอยฟกช้ำหลายแห่ง จำเลยวิ่งหนีไป ผู้ตายวิ่งตามไปขู่ว่าไม่กลับจะต้องตายจำเลยกลัวก็ยอมกลับ ราว 2 ทุ่มผู้ตายเอามีดมาลับและพูดกับจำเลยว่ามึงมองดูฟ้าเสียเถอะต่อไปมึงจะไม่ได้ดูแล้ว ลับมีดแล้วผู้ตายก็เข้าไปนอน ราว 2 ยามบุตรคนเล็กร้องจำเลยกลัวและผู้ตายก็ตื่นจำเลยอุ้มให้บุตรกินนม ขณะนั้นผู้ตายล้วงเอามีดออกจากใต้ที่นอน จำเลยจึงวางบุตรลงแล้วเข้าแย่งมีดจากผู้ตาย เมื่อแย่งได้ก็ใช้ฟันผู้ตายหลายทีจนผู้ตายเงียบไป ผู้ตายถูกฟันมีแผล 8 แห่งและมีแผลที่สันหลังด้วย.เห็นได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายมากมายจนไม่มีโอกาสที่จะทำอะไรจำเลย หรือจำเลยมีทางที่จะหลีกเลี่ยงไปให้พ้นอันตรายได้ก็หาหลีกหนีไปไม่และทั้งๆ ที่ผู้ตายไม่มีอาวุธอะไรจะทำร้ายจำเลยๆ ก็ยังฟันผู้ตายซ้ำเติมอีกโดยไม่ยับยั้งใจ ฟันเพื่อให้ผู้ตายตายเลยเช่นนี้ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุในคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาบาดแผลและเหตุการณ์ประกอบ
ผู้ตายเป็นคนมุทะลุดุร้ายเคยทุบตีรังแกจำเลยเสมอ ตอนหัวค่ำของวันเกิดเหตุผู้ตายเอาไม้คานตีจำเลยโดยจำเลยไม่ได้ต่อสู้มีรอยฟกช้ำหลายแห่ง จำเลยวิ่งหนีไป ผู้ตายวิ่งตามไปขู่ว่าไม่กลับจะต้องตายจำเลยกลัวก็ยอมกลับ ราว 2 ทุ่มผู้ตายเอามีดมาสับและพูดกับจำเลยว่ามึงมองดูฟ้าเสียเถอะต่อไปมึงจะไม่ได้ดูแล้ว ลับมีดแล้วผู้ตายก็เข้าไปนอนราว 2 ยามบุตรคนเล็กร้องจำเลยและผู้ตายก็ตื่นจำเลยอุ้มให้บุตรกินนม ขณะนั้นผู้ตายล้วงเอามีดออกจากใต้ที่นอน จำเลยจึงวางบุตรลงแล้วเข้าแย่งมีดจากผู้ตาย เมื่อแย่งได้ก็ใช้ฟันผู้ตายหลายทีจนผู้ตายเงียบไป ผู้ตายถูกฟันมีแผล 8 แห่งและมีแผลที่สันหลังด้วยเห็นได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายมากมายจนไม่มีโอาสที่จะทำอะไรจำเลยหรือจำเลยมีทางที่จะหลีกเลี่ยงไปให้พ้นอันตรายได้ก็หาหลีกหนีไปไม่และทั้ง ๆ ที่ผู้ตายไม่มีอาวุธอะไรจะทำร้ายจำเลย ๆ ก็ยังฟันผู้ตายซ้ำเติมอีกโดยไม่ยับยั้งใจ ฟันเพื่อให้ผู้ตายตายเลยเช่นนี้ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1872/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมโดยอายุความ: การใช้ทางเดินต่อเนื่องเกิน 10 ปีสร้างภาระจำยอมได้ แม้ไม่ได้ขออนุญาต
ทางที่ชาวนาข้างเคียงต่างนำเกวียนผ่านเมื่อสิ้นฤดูเก็บเกี่ยวมากว่า 10 ปีทางนี้ย่อมตกอยู่ในภาระจำยอมโดยอายุความ ซึ่งผู้เป็นเจ้าของจำต้องยอมให้เกวียนผ่านเมื่อสิ้นฤดูเก็บเกี่ยว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1872/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมโดยอายุความ: สิทธิใช้ทางในที่ดินของผู้อื่นต่อเนื่องกว่า 10 ปี
ทางที่ชาวนาข้างเคียงต่างนำเกวียนผ่านเมื่อสิ้นฤดูเก็บเกี่ยวมากว่า 10 ปีทางนี้ย่อมตกอยู่ในภาวะจำยอมโดยอายุความ ซึ่งผู้เป็นเจ้าของจำต้องยอมให้เกวียนผ่านเมื่อสิ้นฤดูเก็บเกี่ยว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าโดยพยาบาทมาดหมาย แม้สำคัญตัวผิด ศาลลงโทษฐานฆ่าโดยเจตนา
จำเลยมีสาเหตุอาฆาตมาก่อนแล้วจึงได้มาลอบยิง ยิงนัดแรกถูกผู้เสียหายแต่ไม่ถึงแก่ความตาย อีก 10 นาทีจำเลยจึงได้หวนกลับมายิงอีก กระสุนปืนถูกผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยจำเลยสำคัญตัวผิด เช่นนี้ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าโดยพยาบาทและการสำคัญผิดตัว ศาลฎีกายืนโทษประหารชีวิตลดโทษ
จำเลยมีสาเหตุอาฆาตมาก่อนแล้วจึงได้มาลอบยิง ยิงนัดแรกถูกผู้เสียหายแต่ไม่ถึงแก่ความตาย อีก 10นาทีจำเลยจึงได้ หวนกลับมายิงอีก กระสุนปืนถูกผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยจำเลยสำคัญตัวผิด เช่นนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อระหว่างคดีอาญา ศาลฎีกาพิพากษาให้นับโทษต่อได้หากคำร้องถึงศาลตั้งแต่ชั้นต้น แม้มีการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษา
โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นในระหว่างที่พิจารณาคดี ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่ง ภายหลังยื่นคำร้องเพิ่มเติมอีกว่า คดีที่ขอให้นับโทษต่อนั้น ศาลยกฟ้องเสียแล้ว จึงขอให้นับโทษต่อคดีใหม่อีกคดีหนึ่งต่อมาอีกปรากฏว่า คดีที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องนั้นศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษ โจทก์จึงกลับมาร้องขอใหม่ขอให้ศาลอุทธรณ์นับโทษจำเลยต่อจากคดีแรกอีก แต่คำร้องดังกล่าวติดอยู่ในสำนวนอีกสำนวนหนึ่งมิได้ส่งไปยังศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงมิได้กล่าวถึงคำร้องขอให้นับโทษต่อ ดังนี้ เมื่อโจทก์ฎีกาขอให้นับโทษต่อ ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้นับโทษต่อได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1783/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สัญชาติไทยและการมีอำนาจฟ้องร้องกรณีคำสั่งให้ออกจากราชอาณาจักร
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์เกิดในประเทศไทยมีสัญชาติเป็นไทยให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้โจทก์ออกไปนอกราชอาณาจักรไทย จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวเกิดในประเทศจีนเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยมิได้รับอนุญาต ประเด็นจึงมีว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทยโดยเกิดในประเทศไทยจริงหรือไม่ ส่วนข้อที่จำเลยอ้างว่าโจทก์เคยรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวย่อมขาดจากสัญชาติไทยตาม พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 2) 2496 นั้น เป็นกรณีที่เกิดขึ้นเนื่องจากมี ก.ม.ซึ่งเพิ่งออกใช้ภายหลังฟ้องจะเท็จจริงประการใดจึงยังไม่เป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้
คณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมืองซึ่งเป็นคณะบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งโดย พ.ร.บ. คนเข้าเมืองไม่ใช่บุคคลอันสังกัดขึ้นอยู่กับกรมตำรวจก็ตามมีหน้าที่เพียงพิจารณาและลงมติเกี่ยวกับเรื่องร้องขอพิสูจน์สัญชาติเท่านั้น ส่วนการที่มีหนังสือหรือคำสั่งแจ้งให้โจทก์ทราบเพื่อให้โจทก์ออกไปนอกราชอาณาจักรนั้นเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองอันสังกัดอยู่กับกรมตำรวจ โจทก์ย่อมฟ้องกรมตำรวจได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1783/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญชาติไทยโดยการเกิดในประเทศ และอำนาจฟ้องกรมตำรวจกรณีคำสั่งให้ออกนอกราชอาณาจักร
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์เกิดในประเทศไทยมีสัญชาติเป็นไทยให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้โจทก์ออกไปนอกราชอาณาจักรไทยจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวเกิดในประเทศจีนเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยมิได้รับอนุญาต ประเด็นจึงมีว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทยโดยเกิดในประเทศไทยจริงหรือไม่ ส่วนข้อที่จำเลยอ้างว่าโจทก์เคยรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวย่อมขาดจากสัญชาติไทยตาม พระราชบัญญัติสัญชาติ(ฉบับที่ 2)2496 นั้นเป็นกรณีที่เกิดขึ้นเนื่องจากมี กฎหมายซึ่งเพิ่งออกใช้ภายหลังฟ้องจะเท็จจริงประการใดจึงยังไม่เป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้
คณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมืองซึ่งเป็นคณะบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งโดยพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองไม่ใช่บุคคลอันสังกัดขึ้นอยู่กับกรมตำรวจก็ตาม มีหน้าที่เพียงพิจารณาและลงมติเกี่ยวกับเรื่องร้องขอพิสูจน์สัญชาติเท่านั้น ส่วนการที่มีหนังสือหรือคำสั่งแจ้งให้โจทก์ทราบเพื่อให้โจทก์ออกไปนอกราชอาณาจักรนั้นเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองอันสังกัดอยู่กับกรมตำรวจ โจทก์ย่อมฟ้องกรมตำรวจได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1779/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าพนักงาน และการลงโทษผู้สมรู้ตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย
เมื่อได้ความว่าจำเลยสมรู้ให้เจ้าพนักงานกระทำผิดตาม ม.136 แล้ว แม้จำเลยจะเป็นราษฎรก็ตามก็ย่อมมีความผิดฐานเป็นผู้สมรู้ในความผิดที่เจ้าพนักงานกระทำนั้น
ผู้สมรู้ก็เป็นกระทำผิดเมื่อความผิดนั้น ๆ ต้องตามบทมาตราใน พ.ร.บ. กักกัน ฯ ก็ลงโทษกักกันผู้สมรู้นั้นได้ พ.ร.บ. กักกันฯ มิได้ประสงค์ให้ลงโทษแต่เฉพาะตัวการไม่.
of 170