คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
มนูกิจวิมลอรรถ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,694 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1708/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำหรือไม่: คดีชำระหนี้ด้วยข้าวเปลือกต่างจากคดีเดิมที่ฟ้องเรียกเงินตรา
โจทก์ผู้กู้ฟ้องว่าได้ส่งข้าวเปลือกชำระแทนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยให้แก่จำเลยซึ่งเป็นผู้ให้กู้ตามที่ได้ตกลงกับจำเลยแล้ว บัดนี้จำเลยกลับทำผิดสัญญาไม่คิดราคาข้าวเปลือกชำระเงินกู้รายนั้นให้ จึงขอให้ศาลหักราคาข้าวเปลือกชำระหนี้หรือคืนข้าวเปลือกให้โจทก์ ดังนี้ถือว่าประเด็นมีว่าจำเลยได้ผิดสัญญาไม่คิดราคาข้าวเปลือกชำระหนี้ให้จริงหรือไม่ ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์อีกคดีหนึ่งหาว่าโจทก์ผิดสัญญากู้เงินไม่ชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งมีประเด็นว่าโจทก์ได้ชำระหนี้ให้จำเลยด้วยเงินตราแล้วหรือยัง ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ จึงไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1679/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดโทษปรับรายปีสำหรับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบสำคัญประจำตัว และขอบเขตการลงโทษภายในอายุความ
ความผิดฐานเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว อันเป็นผิดตาม พระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว 2493 มาตรา 5,20 นั้น ศาลจะลงโทษได้ในปีสุดท้าย(ซึ่งอยู่ในอายุความ)ปีเดียว คือปรับไม่เกิน 500 บาทเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1661/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความประมาทของผู้ขับขี่ การกระทำผิดตาม ม.43 ไม่เชื่อมโยงโดยตรงกับอุบัติเหตุ
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานขับรถชนคนตายโดยประมาทนั้น แม้คดีจะได้ความว่าจำเลยขับขี่รถยนต์โดยไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่ได้ ซึ่งตาม ก.ม.อาญา ม.43 ถือว่าผู้ฝ่าฝืน ก.ม.เช่นนี้กระทำการโดยประมาทก็ตาม แต่การที่จะลงโทษจำเลยฐานทำให้คนตายโดยประมาทตามฟ้องนั้น คดีจะต้องได้ความด้วยว่าเนื่องจากจำเลยกระทำฝ่าฝืน ก.ม.นี้เป็นเหตุให้รถยนต์ชนผู้ตายถึงแก่ความตาย
เมื่อคดีนี้ได้ความว่าจำเลยขับรถเป็นขณะเกิดเหตุจำเลยขับรถโดยเรียบร้อย แขนลีบที่กล่าวในฟ้องว่าใช้การไม่ได้ก็ได้ความว่าไม่ถึงกับใช้แขนนั้นไม่ได้เสียทีเดียว ทั้งเป็นความผิดของผู้ตายเอง การตายมิได้เกิดขึ้นเพราะความประมาทของจำเลย ดังนี้ลงโทษจำเลยตาม ม.252 ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1661/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความประมาทของผู้ขับขี่เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แม้ขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาตต้องพิสูจน์เหตุผลเชิงประจักษ์
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานขับรถชนคนตายโดยประมาทนั้น แม้คดีจะได้ความว่าจำเลยขับขี่รถยนต์โดยไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่ได้ ซึ่งตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 43ถือว่าผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเช่นนี้กระทำโดยประมาทก็ตาม แต่การที่จะลงโทษจำเลยฐานทำให้คนตายโดยประมาทตามฟ้องนั้น คดีจะต้องได้ความด้วยว่าเนื่องจากจำเลยกระทำฝ่าฝืนกฎหมายนี้เป็นเหตุให้รถยนต์ชนผู้ตายถึงแก่ความตาย
เมื่อคดีได้ความว่าจำเลยขับรถเป็น ขณะเกิดเหตุจำเลยขับรถโดยเรียบร้อย แขนลีบที่กล่าวในฟ้องว่าใช้การไม่ได้ก็ได้ความว่าไม่ถึงกับใช้แขนนั้นไม่ได้เสียทีเดียว ทั้งเป็นความผิดของผู้ตายเอง การตายมิได้เกิดขึ้นเพราะความประมาทของจำเลย ดังนี้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 252 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1655/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับข้อพิพาทด้วยการประนีประนอมยอมความและการสิ้นสุดคดีอาญา
อัยการโจทก์และผู้เสียหายโจทก์ร่วมฟ้องว่าจำเลยบุกรุกขอให้ลงโทษตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 327
ปรากฏในรายงานกระบวนพิจารณาว่าจำเลยตกลงยอมขยับรั้วเข้ามาตามแนวที่ศาลชี้ ทนายโจทก์ร่วมและผู้รับมอบฉันทะจากผู้เสียหาย(โจทก์ร่วม)ให้ทำการประนีประนอมยอมความได้ ได้ยอมรับข้อตกลงนี้และแถลงว่าจะได้ถอนฟ้องให้เสร็จไป ดังนี้ถือว่าทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่ให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน เข้าลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850,851,852
เมื่อจำเลยได้ปฏิบัติตามยอมแล้วคดีก็ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) การที่โจทก์ร่วมว่าจะถอนฟ้องเมื่อจำเลยปฏิบัติแล้วนั้น ก็มีความหมายเพียงเพื่อให้ศาลจำหน่ายคดีเสร็จไปตามวิธีปฏิบัติของศาล ทั้งจะถอนหรือไม่ถอนก็มีผลไม่ต่างกันและอัยการไม่มีสิทธิจะดำเนินคดีต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1566/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการฉุดคร่าเมื่อเหยื่อบรรลุนิติภาวะแล้ว และผลของสัญญาใช้ค่าเสียหายที่ไม่สมบูรณ์
จำเลยที่ 1 ได้ฉุดคร่าน้องสาวโจทก์ไปเป็นภรรยาและมาขอสมัคขมาโดยยอมใช้ค่าเสียหายหรือค่าล้างอายให้แก่โจทก์ แต่จำเลยที่ 1 ไม่มีเงินชำระให้จึงตกลงทำเป็นสัญญากู้เงินโจทก์โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยทั้งสองไม่ชำระเงิน โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องเรียกให้ชำระเงิน ได้ความต่อไปว่าในขณะฉุดคร่าน้องสาวโจทก์มีอายุเกิน 20 ปีแล้ว เช่นนี้ถือว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ปกครองน้องสาวตาม ก.ม.โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลย แม้การสมัคขมาและการใช้ค่าเสียหายหรือล้างอายจะถือเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมาอันเรื่องหน้าที่โดยศึลธรรมเมื่อยังไม่ได้ส่งมอบให้แก่กัน เพียงแต่ทำสัญญากันไว้เท่านั้นไม่มี ก.ม.ให้ฟ้องร้องบังคับกันได้ เว้นแต่เมื่อชำระให้แก่กันแล้วไม่มีสิทธิเรียกคืนได้ เรื่องเช่นนี้ปรับเข้าได้กับสัญญาให้ซึ่งตาม ก.ม.ย่อมสมบูรณ์เมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1566/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากการฉุดคร่าและการสมัคขมา: สิทธิเรียกร้องเมื่อผู้เสียหายบรรลุนิติภาวะ
จำเลยที่ 1 ได้ฉุดคร่าน้องสาวโจทก์ไปเป็นภรรยาและมาขอสมัคขมา โดยยอมใช้ค่าเสียหายหรือค่าล้างอายให้แก่โจทก์แต่จำเลยที่ 1 ไม่มีเงินชำระให้จึงตกลงทำเป็นสัญญากู้เงินโจทก์โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องเรียกให้ชำระเงิน ได้ความต่อไปว่า ในขณะฉุดคร่าน้องสาวโจทก์มีอายุเกิน 20 ปีแล้ว เช่นนี้ถือว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ปกครองน้องสาวตาม กฎหมาย โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลย แม้การสมัครขมาและการใช้ค่าเสียหายหรือล้างอายจะถือเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมาอันเรื่องหน้าที่โดยศีลธรรม เมื่อยังไม่ได้ส่งมอบให้แก่กันเพียงแต่ทำสัญญากันไว้เท่านั้นไม่มีกฎหมายให้ฟ้องร้องบังคับกันได้ เว้นแต่เมื่อชำระให้แก่กันแล้วไม่มีสิทธิเรียกคืนได้ เรื่องเช่นนี้ปรับเข้าได้กับสัญญาให้ซึ่งตาม กฎหมายย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1564-1565/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีเบิกความเท็จ: การบรรยายฟ้องตาม ป.วิ.อาญา ม.158
การบรรยายฟ้องในข้อหาฐานเบิดความเท็จนั้นเมื่อมีข้อความครบถ้วนตาม ป.วิ.อาญา ม.158 เกี่ยวกับการกระทำทั้งหลายที่จำเลยกระทำผิด กับบรรยายว่าจำเลยได้สาบาลตัวแล้วเอาความที่รู้ว่าเท็จมาเบิกในข้อสำคัญในคดีและข้อที่ว่าเท็จและความจริงเป็นอย่างไรอันเป็นองค์แห่งความผิดฐานเบิกความเท็จแล้วก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ก.ม.อันพึงรับไว้พิจารณา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1564-1565/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องฐานเบิกความเท็จ: การบรรยายฟ้องต้องระบุข้อความเท็จและข้อสำคัญในคดี
การบรรยายฟ้องในข้อหาฐานเบิกความเท็จนั้น เมื่อมีข้อความครบถ้วนตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158 เกี่ยวกับการกระทำทั้งหลายที่จำเลยกระทำผิด กับบรรยายว่าจำเลยได้สาบานตัวแล้วเอาความที่รู้ว่าเท็จมาเบิกในข้อสำคัญในคดี และข้อที่ว่าเท็จและความจริงเป็นอย่างไรอันเป็นองค์แห่งความผิดฐานเบิกความเท็จแล้ว ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมายอันจะพึงรับไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1531-1532/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ให้เช่าและการโต้แย้งกรรมสิทธิ์ - ผู้เช่าไม่อาจอ้างกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่าเพื่อหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามสัญญา
เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าห้องของโจทก์ จำเลยรับว่าได้เช่าห้องพิพาทนี้จากโจทก์ จำเลยจะเถียงสิทธิของผู้ให้เช่าว่าห้องพิพาทเป็นของผู้อื่น โจทก์ไม่มีอำนาจจะฟ้องดังนี้ย่อมเถียงไม่ขึ้น
of 170