คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
มนูกิจวิมลอรรถ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,694 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 75/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกหุ้นส่วนกรณีผิดสัญญา: ผู้เป็นหุ้นส่วนฟ้องเลิกได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
การฟ้องขอเลิกหุ้นส่วนในกรณีที่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งซึ่งมิใช่ผู้ฟ้องร้อง ได้จงใจล่วงละเมิดบทบังคับอันเป็นสาระสำคัญซึ่งสัญญาหุ้นส่วนกำหนดไว้แก่ตน เป็นกรณีที่ต้องด้วยบทมาตรา 1057(1) แห่งประมวลแพ่งฯ ย่อมฟ้องร้องได้ทันที ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือคอยระยะเวลาสิ้นรอบปีในทางบัญชีเงินตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1056 แห่งประมวลแพ่งฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 75/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกหุ้นส่วนกรณีผิดสัญญา: ไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหากผู้เป็นหุ้นส่วนฝ่ายหนึ่งจงใจผิดสัญญา
การฟ้องขอเลิกหุ้นส่วนในกรณีที่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งซึ่งมิใช่ผู้ฟ้องร้องได้จงใจล่วงละเมิดบทบังคับอันเป็นสาระสำคัญซึ่งสัญญาหุ้นส่วนกำหนดไว้แก่ตนเป็นกรณีที่ต้องด้วยบทมาตรา 1057(1) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งฯ ย่อมฟ้องร้องได้ทันที ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือคอยระยะเวลาสิ้นรอบปีในทางบัญชีเงินตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1056 แห่งประมวลแพ่งฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 27/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายห้องเช่าบนที่ดินของผู้อื่น สิทธิการเช่ารวมในสัญญาหรือไม่
แม้ข้อความในหนังสือสัญญาซื้อขายห้องซึ่งเช่าปลูกอยู่ในที่ดินของคนอื่น จะไม่ได้กล่าวถึงการตกลงกันเรื่องโอนสิทธิการเช่าที่ดินในภายหลังไว้ด้วย แต่เมื่อคู่ความรับกันว่า วัตถุประสงค์แห่งการซื้อขายห้อง ผู้ซื้อประสงค์จะให้ห้องที่ซื้อปลูกอยู่ในที่ดินที่เช่าต่อไป ผู้ซื้อไม่จำต้องสืบพยานในข้อนั้น ก็ฟังได้ว่า การซื้อขายนั้นรวมทั้งสิทธิ์การเช่าที่ดินด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 23/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างคนต่างด้าวกับคนไทย ไม่เป็นโมฆะ หากยังสามารถขออนุญาตถือกรรมสิทธิ์ได้ การรบกวนสิทธิครอบครองเป็นละเมิด
สัญญาจะซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวกับจำเลยซึ่งเป็นคนไทยหาเป็นโมฆะหรือโมฆียะตามกฎหมายไม่ เพราะกฎหมายหาได้ห้ามขาดไม่ให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินเสียทีเดียวไม่คนต่างด้าวยังอาจขออนุญาตถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้อยู่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 23/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินกับคนต่างด้าวไม่เป็นโมฆะ หากยังสามารถขออนุญาตได้ การรบกวนสิทธิครอบครองถือเป็นการละเมิด
สัญญาจะซื้อขายที่ดินระหว่างโจทย์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวกับจำเลยซึ่งเป็นคนไทย หาเป็นโมฆะหรือโมฆียะตามกฎหมายไม่ เพราะกฎหมายหาได้ห้ามขาดไม่ให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินเสียทีเดียวไม่ คนต่างด้าวยังอาจขออนุญาตถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้อยู่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าตึกเพื่ออยู่อาศัยหรือค้าขาย: พฤติการณ์จริงสำคัญกว่าข้อตกลงในสัญญาเช่า
แม้ในสัญญาเช่าลงว่าเช่าตึกพิพาทเพื่อค้าขายยาก็ไม่เป็นการตัดสิทธิในอันที่จะนำสืบถึงพฤติการณ์ตามความจริงว่าเช่าเพื่อทำการค้าหรือเพื่ออยู่อาศัยอันจะนำไปสู่ประเด็นข้อวินิจฉัยว่าเป็น "เคหะ"หรือไม่
จำเลยเช่าตึกพิพาทของโจทก์และใช้ตึกพิพาทอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าขายยาในตึกของพระคลังฯซึ่งอยู่ติดต่อกันเช่นนี้ จะถือว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อทำการค้าเพราะเหตุว่าอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าหาได้ไม่มิฉะนั้นแล้วการที่ผู้ใดเช่าตึกอยู่แห่งหนึ่ง แล้วไปทำการค้าอีกแห่งหนึ่ง ก็จะเป็นการเช่าเพื่อทำการค้าไปหมด
การที่ต่อมาภายหลังจำเลยได้เปิดร้านดัดผมในห้องพิพาทชั้นล่างเฉพาะซีกคูหาเดียวและไม่สุดตลอดคูหาด้วยคือใช้เนื้อที่เพียง 1 ใน4 ของตึกชั้นล่าง และในการนี้จำเลยก็ได้ขออนุญาตจากโจทก์แล้วว่าเพื่อช่วยค่าครองชีพทางหนึ่ง กับได้ขอให้โจทก์แยกใบเสร็จค่าเช่าห้องพิพาทเดือนละ 100 บาทเป็น 40 บาทฉบับหนึ่งคือสำหรับค่าเช่าตรงที่เป็นร้านดัดผม และ 60 บาทอีกฉบับหนึ่งเหตุที่แยกดังนี้เนื่องจากการตั้งร้านดัดผมจำเลยเข้าหุ้นกับคนอื่น ทั้งนี้เพื่อสะดวกแก่การคิดเงินระหว่างหุ้นส่วน ตามพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ จะฟังว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อการค้ายังไม่ได้ ต้องถือว่าตึกพิพาทเป็น "เคหะ" อันได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าเคหะเพื่ออยู่อาศัยและค้าขาย การพิจารณาเพื่อคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
แม้ในสัญญาเช่าลงว่าเช่าตึกพิพาทเพื่อค้าขายยา ก็ไม่เป็นการตัดสิทธิในอันที่จะนำสืบถึงพฤติการณ์ตามความจริงว่าเช่าเพื่อทำการค้าหรือเพื่ออยู่อาศัย อันจะนำไปสู่ประเด็นข้อวินิจฉันว่าเป็น "เคหะ" หรือไม่
จำเลยเช่าตึกพิพาทของโจทก์และใช้ตึกพิพาทอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าขายยาในตึกของพระคลังฯซึ่งอยู่ติดต่อกัน เช่นนี้ จะถือว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อทำการค้าเพราะเหตุว่าอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าหาได้ไม่ มิฉะนั้นแล้วการที่ผู้ใดเช่าตึกอยู่แห่งหนึ่ง แล้วไปทำการค้าอีกแห่งหนึ่ง ก็จะเป็นการเช่าเพื่อทำการค้าไปหมด
การที่ต่อมาภายหลังจำเลยได้เปิดร้านดัดผมในห้องพิพาทชั้นล่างเฉพาะซีกคูหาเดียวและไม่สุดตลอดคูหาด้วย คือใช้เนื้อที่เพียง 1 ใน 4 ของตึกชั้นล่าง และในการนี้จำเลยก็ได้ขออนุญาตจากโจทก์แล้วว่าเพื่อช่วยค่าครองชีพทางหนึ่ง กับได้ขอให้โจทก์แยกใบเสร็จค่าเช่าห้องพิพาทเดือนละ 100 บาท เป็น 40 บาท ฉบับหนึ่ง คือ สำหรับค่าเช่าตรงที่เป็นร้านดัดผม และ 60 บาทอีกฉบับหนึ่ง เหตุที่แยกดังนี้เนื่องจากการตั้งร้านดัดผมจำเลยเข้าหุ้นกับคนอื่น ทั้งนี้เพื่อสดวกแก่การคิดเงิน ระหว่างหุ้นส่วนตามพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ จะฟังว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อการค้ายังไม่ได้ ต้องถือว่าตึกพิพาทเป็น "เคหะ" อันได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม เหตุเถียงข้อเท็จจริงเรื่องการชำระหนี้ค่าที่ดินในสัญญาซื้อขาย
จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาท 4,000 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ ต้องห้ามฏีกาในข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.248
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า สามีโจทก์และโจทก์ไม่ได้ชำระค่าที่พิพาทให้แก่จำเลย โจทก์จะฎีกาว่เป็นการซื้อขายเด็ดขาด โดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่าได้ชำระเงินและรับเงินไปแล้ว ไม่ได้เป็นการฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 248 ว.พ.พ. กรณีโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว
จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาท 4,000 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าสามีโจทก์และโจทก์ไม่ได้ชำระค่าที่พิพาทให้แก่จำเลยโจทก์จะฎีกาว่าเป็นการซื้อขายเด็ดขาด โดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่าได้ชำระเงินและรับเงินไปแล้ว ไม่ได้เป็นการฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตรายถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้ขวานมีคมหน้ากว้าง 3 นิ้วมือเรียงเลือกฟันที่ศีรษะอันเป็นอวัยวะสำคัญจนกระดูกกระโหลกศีรษะแตกถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าให้ตาย
of 170