คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 291

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 253 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 870/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลพิจารณาลงโทษตามข้อเท็จจริงที่ต่างจากฟ้องได้ หากไม่เป็นสาระสำคัญและจำเลยไม่โต้แย้ง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ.มาตรา 288 แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายอันเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องแต่ข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ข้อสาระสำคัญและทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาลงโทษจำเลยในข้อหาดังกล่าวตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนี้ได้ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคสอง และวรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 870/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนข้อหาจากฆ่าโดยเจตนาเป็นประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และอำนาจศาลในการแก้ไขโทษ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อันเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องแต่ข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ข้อสาระสำคัญและทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาลงโทษจำเลยในข้อหาดังกล่าวตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสองและวรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 461/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรักษาพยาบาลโดยผู้ไม่ได้รับอนุญาตเป็นแพทย์ และประมาททำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต
การที่จำเลยทั้งสองไม่ได้เป็นแพทย์ และไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภา ได้ฉีดและให้ผู้ตายกินยาปฏิชีวนะประเภทเพนิซิลลิน โดยผู้ตายมีอาการหมดสติแทบจะทันใด หลังจากจำเลยให้กินยาและฉีดยา และถึงแก่ความตายหลังจากนั้น ประมาณ 3 ชั่วโมง โดยไม่ปรากฏว่าผู้ตายรับการฉีดยาจากสถานพยาบาลอื่นมาก่อนมีอาการเช่นนั้น ถือว่าความตายเป็นผลโดยตรงจากการที่จำเลยทั้งสองให้กินยาและฉีดยาเพนิซิลลินจำเลยทั้งสองจึงต้องมีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาทเลินเล่อจากการส่งปืนให้ผู้อื่นทำให้ถึงแก่ความตาย แม้ฟ้องว่าเจตนาฆ่า ศาลลงโทษฐานประมาทได้
จำเลยส่งอาวุธเป็นซึ่งบรรจุกระสุนปืนพร้อมจะยิงได้ให้ ผู้ตายโดยหันปากกระบอกปืนไปทางผู้ตายและไม่ระมัดระวังเป็นเหตุให้ปืนลั่นขึ้นทำให้กระสุนปืนถูกผู้ตายที่กกหูถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง จึงมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเจตนาฆ่าผู้ตาย ปรากฏในการพิจารณาว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายแต่บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม ได้บัญญัติไว้ว่า ข้อแตกต่างกันระหว่างการกระทำผิดโดยเจตนากับประมาทเป็นข้อแตกต่างกันเพียงรายละเอียด ดังนั้นศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ ทั้งจำเลยก็ยอมรับว่าได้ส่งอาวุธปืนให้ผู้ตาย แล้วปืนเกิดลั่นขึ้นทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงไม่ได้หลงต่อสู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษจำคุกโดยไม่สืบพยาน เมื่อจำเลยรับสารภาพ และโทษไม่มีอัตราขั้นต่ำ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคแรกถือเอาอัตราโทษอย่างต่ำตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น เป็นเกณฑ์ที่ศาลจะต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงจึงจะพิพากษาลงโทษจำเลยได้ คดีนี้มีอัตราโทษอย่างสูงจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท โดยไม่มีอัตราโทษอย่างต่ำ การที่ศาลลงโทษจำคุก 6 ปี ลดแล้วเหลือ 3 ปี เป็นกรณีที่ศาลใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษที่จำเลยจะต้องรับ มิใช่เป็นโทษที่กฎหมายกำหนดว่าจำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจึงพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่ต้องสืบพยานโจทก์ ศาลลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี ไม่เข้าหลักเกณฑ์จะรอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2731/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยทางจราจร: การเฉี่ยวชนเนื่องจากรถบังสายตาและระยะเบรก
ขณะเกิดเหตุจำเลยลดความเร็วของรถลงเหลือประมาณ 25-30กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพราะเห็นว่าเป็นทางร่วมทางแยกและเห็นผู้ตายยืนอยู่บนถนนด้วย เหตุที่รถของจำเลยเฉี่ยวจำเลยเป็นเพราะขณะนั้นจำเลยมองไม่เห็นผู้ตาย เนื่องจากมีรถตู้ขับคู่มากับรถของจำเลยทางช่องทางที่ 3 ทางขวามือบังผู้ตายไว้ เมื่อผู้ตายหลบรถตู้คันดังกล่าวมาทางรถของจำเลยในระยะกระชั้นชิด จำเลยจึงห้ามล้อกะทันหัน แต่รถไม่หยุดในทันที และเฉี่ยวผู้ตายทางขวาของรถเป็นเหตุให้ผู้ตายล้มลง พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่เป็นเพราะความประมาทของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2031/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางถนน: การเลี้ยวขวาฝ่าไฟแดงและการประมาทของผู้ขับขี่
ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์มาจอดติดสัญญาณไฟจราจรสีแดงที่สี่แยกซึ่งการจะเลี้ยวขวาตรงบริเวณสี่แยกได้ต้องรอสัญญาณไฟจราจรลูกศรสีเขียวก่อน การที่ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์เลี้ยวขวาในทันทีโดยไม่รอสัญญาณไฟจราจรให้เลี้ยวขวาได้ในขณะที่ทางด้านรถยนต์โดยสารแล่นมามีสัญญาณไฟจราจรสีเขียว จึงเป็นความผิดของผู้ตายเองถือไม่ได้ว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2031/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ขับขี่เลี้ยวขวาฝ่าไฟแดงถือเป็นความผิดเอง ไม่ถือว่าจำเลยขับประมาท
ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์มาจอดติดสัญญาณไฟจราจรสีแดงที่สี่แยก ซึ่งการจะเลี้ยวขวาตรงบริเวณสี่แยกได้ต้องรอสัญญาณไฟจราจรลูกศรสีเขียวก่อน การที่ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์เลี้ยวขวาในทันทีโดยไม่รอสัญญานไฟจราจรให้เลี้ยวขวาได้ในขณะที่ทางด้านรถยนต์โดยสารแล่นมามีสัญญาณไฟจราจรสีเขียว จึงเป็นความผิดของผู้ตายเอง ถือไม่ได้ว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1432/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาทขับรถชนต้นไม้ ตู้สำนักงานหล่นทับรถคันอื่น ทำให้ผู้ขับขี่เสียชีวิต ศาลฎีกายืนความผิดฐานประมาท
จำเลยขับรถเทรลเลอร์ บรรทุกตู้สำนักงานชั่วคราวไปตามถนนวิทยุด้วยความเร็วสูงชนกับต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ที่เกาะกลางถนน เป็นเหตุให้ตู้สำนักงานชั่วคราวหลุดตกลงกระแทกกับรถยนต์ที่ผู้ตายขับสวนทางมารถผู้ตายเสียการทรงตัวแล่นไถลไปชนกับรถยนต์โดยสารปรับอากาศขนาดกลางและต้นไม้ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย การที่จำเลยขับรถยนต์ลากจูงรถพ่วงบรรทุกตู้สำนักงานขนาดใหญ่ ซึ่งมีความสูงจากพื้นถนนถึง 3.60 เมตร ไปตามถนนซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุมบนเกาะกลางถนนตลอดเส้นทางด้วยความเร็วสูง ในขณะที่ไฟฟ้าสาธารณะริมถนนดับหมด จนเป็นเหตุให้ตู้สำนักงานชั่วคราวที่บรรทุกมาบนรถจำเลยเฉี่ยวชนกับต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ถือได้ว่า เป็นการกระทำโดยประมาทจำเลยจึงมีความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย การกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 กับตามพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 35,157 และมาตรา78,160 วรรคแรก เป็นความผิดต่างกรรม รวม 3 กระทง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5728/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำเลยไม่มีส่วนร่วมในการกระทำผิด
ก่อนเกิดเหตุ 1 เดือน จำเลยที่ 1 ได้ขออนุญาตผู้ตายขึงสายไฟฟ้าผ่านที่นาผู้ตายไปยังที่นาจำเลยทั้งสองเพื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่านสายไฟฟ้าในการดักจับหนู เฉพาะเวลากลางคืนระหว่าง19 นาฬิกา ถึง 5 นาฬิกา ดังนั้น จึงต้องมีการต่อกระแสไฟฟ้าเข้าสายไฟฟ้าเมื่อถึงเวลาจะใช้และปลดสายที่ต่อกับกระแสไฟฟ้าออกเมื่อเลิกใช้ในเวลากลางวัน เหตุคดีนี้เกิดเวลากลางวันระหว่างเวลาประมาณ 9 นาฬิกาถึง 15 นาฬิกา ห่างจากวันเริ่มขึงสายไฟฟ้าดักจับหนูครั้งแรกประมาณ 1 เดือน เชื่อว่าได้มีการปลดสายที่ต่อกับกระแสไฟฟ้าออกและต่อกระแสไฟฟ้าเข้าสู่สายไฟฟ้าดังกล่าวหมุนเวียนมาแล้วหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายที่มีผู้ต่อกระแสไฟฟ้าเข้าสู่สายไฟฟ้าแล้วเกิดเหตุขึ้นนั้น ไม่มีพยานรู้เห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้กระทำหรือเห็นจำเลยที่ 1 ได้กระทำการอย่างใดอันจะถือได้ว่าจำเลยที่ 1ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำโดยประมาทปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าสายไฟฟ้า เป็นเหตุให้ผู้ตายถูกกระแสไฟฟ้าที่ปล่อยผ่านดูดร่างกายจนถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
of 26