คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 60

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 230 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 917/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและบาดเจ็บจากการใช้ปืนโดยประมาท และการครอบครองอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย
จำเลยใช้อาวุธปืนตีศีรษะ ว. ได้รับบาดเจ็บ แต่ปืนลั่นกระสุนปืนถูก ด.และส. ดังนี้มิใช่ผลของการกระทำพลาดไปถูกด.และส. ตาม ป.อ. มาตรา 60 การที่กระสุนปืนลั่นเป็นเพราะความประมาทของจำเลยเป็นเหตุให้ ด.ตายและส. บาดเจ็บจำเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 291 และ 390 โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดโดยเจตนา เมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยกระทำโดยประมาท จึงย่อมลงโทษจำเลยฐานกระทำโดยประมาทได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสองและวรรคสาม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พิจารณาจากระยะเวลาระหว่างความขัดแย้ง เหตุการณ์ และการเตรียมการ
ท.และจำเลยเคยพิพาทกันเรื่องมรดกก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 ปี ในวันเกิดเหตุ ท. กับจำเลยทะเลาะกันอีกจำเลยพูดขู่จะฆ่า ท. ต่อมาจำเลยใช้ปืนยิง ท. ได้รับบาดเจ็บสาหัส และกระสุนปืนพลาดไปถูกผู้อื่นถึงแก่ความตาย ดังนี้ การที่ ท. และจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนนั้นถือไม่ได้เสมอไปว่ามีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทั้งเหตุพิพาทเรื่องมรดกก็นานถึง 3 ปีมาแล้ว เหตุที่ทะเลาะกันในวันเกิดเหตุไม่ปรากฏว่าเป็นเรื่องร้ายแรงถึงขนาดที่จะต้องเอาชีวิตกัน เหตุยิงกันก็เกิดหลังจากที่ได้ทะเลาะกันแล้วถึง 4 ชั่วโมงเศษ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้วางแผนเตรียมการเพื่อจะฆ่ามาก่อนแล้ว จะถือเอาการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิง ท. ขณะที่นั่งคุยกันอยู่นั้นเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนยังไม่ถนัด จำเลยอาจคิดฆ่า ท. ขึ้นในขณะที่มาพบเห็น ท. ตอนหลังก็เป็นได้ จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พิจารณาจากระยะเวลาโกรธเคือง การเตรียมการ และสถานการณ์ขณะเกิดเหตุ
ท.และจำเลยเคยพิพาทกันเรื่องมรดกก่อนเกิดเหตุประมาณ3ปีในวันเกิดเหตุท.กับจำเลยทะเลาะกันอีกจำเลยพูดขู่จะฆ่าท.ต่อมาจำเลยใช้ปืนยิงท.ได้รับบาดเจ็บสาหัสและกระสุนปืนพลาดไปถูกผู้อื่นถึงแก่ความตายดังนี้การที่ท.และจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนนั้นถือไม่ได้เสมอไปว่ามีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนทั้งเหตุพิพาทเรื่องมรดกก็นานถึง3ปีมาแล้วเหตุที่ทะเลาะกันในวันเกิดเหตุไม่ปรากฏว่าเป็นเรื่องร้ายแรงถึงขนาดที่จะต้องเอาชีวิตกันเหตุยิงกันก็เกิดหลังจากที่ได้ทะเลาะกันแล้วถึง4ชั่วโมงเศษเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้วางแผนเตรียมการเพื่อจะฆ่ามาก่อนแล้วจะถือเอาการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงท.ขณะที่นั่งคุยกันอยู่นั้นเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนยังไม่ถนัดจำเลยอาจคิดฆ่าท.ขึ้นในขณะที่มาพบเห็นท.ตอนหลังก็เป็นได้จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบธรรม การพกพาอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาต และอำนาจยกฟ้องของศาลฎีกา
การวิวาทหมายถึงการสมัครใจเข้าต่อสู้ทำร้ายกันคำพูดของจำเลย ที่ว่าการย้ายตำรวจต้องมีขั้นตอนต้องมีคณะกรรมการอย่าไปเชื่อให้มากนัก เป็นเพียงการแสดงความเห็นในการสนทนาเท่านั้น มิได้มีข้อความใด ที่เป็นการท้าทายให้ผู้ตายหรือผู้เสียหายออกมาต่อสู้ทำร้ายกับจำเลย เพียงแค่นี้จะถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทมิได้
จำเลยถูกตีที่ทัดดอกไม้ด้านขวาจนร่วงตกจากเก้าอี้เข่าทรุดลงกับพื้น ผู้ตายเข้าล็อกคอและดึงคอเสื้อจำเลยไว้พร้อมกับพูดว่าเอาให้ตาย และมีคนอีกกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามาจะรุมทำร้ายจำเลยจำเลยสะบัดหลุด แล้วชักปืนออกมาขู่ โดยหันปากกระบอกปืนขึ้นฟ้าพร้อมกับตะโกนว่าอย่าเข้ามาทันใดนั้นมีคนเข้ามาตะปบปืนในมือจำเลยเพื่อจะแย่งปืน ปืนลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนถูกผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายจำเลยวิ่งหนี แต่คนกลุ่มนั้นวิ่งไล่ตามจะทำร้ายจำเลย จำเลยยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าอีก 1 นัด แล้ววิ่งไปได้หน่อยหนึ่งก็หมดสติล้มลงกระสุนปืนนัดที่สองพลาดไป ถูกผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส ดังนี้ฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าหรือพยายามฆ่า จำเลยจึงไม่มีความผิดและจะถือว่าจำเลยกระทำให้ผู้อื่นตายโดยประมาท หรือรับอันตรายสาหัสโดยประมาทมิได้
เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีใบอนุญาตพกอาวุธปืนของกรมตำรวจซึ่งจำเลย มีสิทธิพกอาวุธปืนได้ทั่วราชอาณาจักรเพื่อปฏิบัติราชการสืบสวน กรณีของจำเลยจึงไม่อยู่ในบังคับแห่ง มาตรา 8 ทวิ และจำเลย ย่อมไม่มีความผิดตาม มาตรา 72 ทวิ แห่ง พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เมื่อปรากฏแก่ศาลฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัว การใช้กำลังเกินสมควร และการยกฟ้องอาญาเมื่อไม่มีความผิดตามกฎหมายอาวุธปืน
การวิวาทหมายถึงการสมัครใจเข้าต่อสู้ทำร้ายกันคำพูดของจำเลยที่ว่าการย้ายตำรวจต้องมีขั้นตอนต้องมีคณะกรรมการอย่าไปเชื่อให้มากนักเป็นเพียงการแสดงความเห็นในการสนทนาเท่านั้น มิได้มีข้อความใดที่เป็นการท้าทายให้ผู้ตายหรือผู้เสียหายออกมาต่อสู้ทำร้ายกับจำเลยเพียงแค่นี้จะถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทมิได้ จำเลยถูกตีที่ทัดดอกไม้ด้านขวาจนร่วงตกจากเก้าอี้เข่าทรุดลงกับพื้น ผู้ตายเข้าล็อกคอและดึงคอเสื้อจำเลยไว้พร้อมกับพูดว่าเอาให้ตายและมีคนอีกกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามาจะรุมทำร้ายจำเลยจำเลยสะบัดหลุดแล้วชักปืนออกมาขู่ โดยหันปากกระบอกปืนขึ้นฟ้าพร้อมกับตะโกนว่าอย่าเข้ามาทันใดนั้นมีคนเข้ามาตะปบปืนในมือจำเลยเพื่อจะแย่งปืนปืนลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนถูกผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายจำเลยวิ่งหนีแต่คนกลุ่มนั้นวิ่งไล่ตามจะ ทำร้ายจำเลย จำเลยยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าอีก 1นัดแล้ววิ่งไปได้หน่อยหนึ่งก็หมดสติล้มลงกระสุนปืนนัดที่สองพลาดไปถูกผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส ดังนี้ฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าหรือพยายามฆ่าจำเลยจึงไม่มีความผิดและจะถือว่าจำเลยกระทำให้ผู้อื่นตายโดยประมาทหรือรับอันตรายสาหัสโดยประมาทมิได้ เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีใบอนุญาตพกอาวุธปืนของกรมตำรวจซึ่งจำเลยมีสิทธิพกอาวุธปืนได้ทั่วราชอาณาจักรเพื่อปฏิบัติราชการสืบสวน กรณีของจำเลยจึงไม่อยู่ในบังคับแห่ง มาตรา 8ทวิ และจำเลยย่อมไม่มีความผิดตาม มาตรา 72ทวิ แห่ง พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯเมื่อปรากฏแก่ศาลฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนในคดีอาญา: พฤติการณ์ดักซุ่มและเตรียมอาวุธบ่งชี้เจตนา
จำเลยมีปากเสียงชกต่อย ค. ด้วยสาเหตุปักใจเชื่อว่าค. เป็นคนร้ายฆ่าบิดาตน จำเลยสู้ไม่ได้และกลับไปก่อน ต่อมาอีก 30 นาที ค. ขี่รถจักรยานกลับบ้านมี ป. นั่งซ้อนท้ายไปด้วย จำเลยดักซุ่มอยู่ในป่าข้างทางใช้ปืนแก๊ปยาวที่ถือติดมือมายิง ค. แต่กระสุนปืนพลาดไปถูก ป. ตาย ดังนี้ เป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 60

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 870/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พฤติการณ์เตรียมปืนเล็งยิงแสดงเจตนาพยายามฆ่า แม้ปืนจะลั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
ผู้เสียหายกับจำเลยทะเลาะกัน ในที่สุดจำเลยชักปืนเล็งไปที่หน้าอกผู้เสียหายและขึ้นนกปืนจะยิงในระยะห่างประมาณ 1 เมตรเศษ สามีจำเลยเข้าจับมือกดลงต่ำ ปืนลั่นกระสุนถูกผู้อื่นที่เท้า ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1937/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดจากพยานหลักฐานที่สอดคล้องกันและการเบิกความที่ไม่น่าเชื่อถือของพยาน
ยิง 4-5 นัด เจตนาฆ่า ก. กระสุนถูก ก. ตาย ถูก ส. อันตรายสาหัส เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 กับมาตรา 288,80 อีกบทหนึ่งคำพิพากษาต้องอ้างความผิดทั้ง 2 บท ให้ลงโทษตาม มาตรา 288 บทหนัก
คำให้การชั้นสอบสวนของพยานโจทก์ที่ได้ตัวมาเบิกความ และที่ไม่ได้ตัวมาเบิกความเพราะติดตามตัวไม่พบ ระบุชื่อผู้ยิงว่านายประทีป สุขเกษม มาในชั้นศาลพยานโจทก์ว่าคนยิงไม่ใช่จำเลย แต่เป็นคนในร้านตัดเสื้อที่ชื่อประทีป แต่ไม่ทราบนามสกุล ศาลรับฟังได้ว่านายประทีป สุขเกษม จำเลยคือผู้ยิงตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1428/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันเกินสมควร: การยิงตอบโต้หลังถูกแทงด้วยมีด
ผู้ตายไล่จ้วงแทงจำเลยด้วยมีด ตัวมีดยาวคืบเศษ จำเลยยิงด้วยปืนพก 7.65 ม.ม. 7 นัด เมื่ออยู่ห่าง 1 วา กระสุน 1 นัดพลาดไปถูกผู้อื่นบาดเจ็บ เป็นการกระทำเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ความผิดฐานฆ่าคนและพยายามฆ่าคนเป็นกรรมเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงต่อเนื่องหลายกรรมต่างกัน ศาลปรับบทฟ้องให้ถูกต้องแต่ไม่เพิ่มโทษ
จำเลยกับพวกยิง ด. ที่พื้นดินคนละ 1 นัด แล้วจำเลยกับพวกขึ้นเรือน อ. แล้วขึ้นเรือน ส. ลงจากเรือน ส. ไปพบ ถ. เดินมา จำเลยกับพวกยิง ถ. อีกคนละ 1 นัด ดังนี้ เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ต่างกระทง กัน โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยยิง ด. และยิง ถ. หลายนัด พอถือได้ว่าฟ้องเป็นสองกรรมต่างกัน แต่ศาลชั้นต้นลงโทษกรรมเดียว โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาปรับบทให้ถูก แต่ไม่เพิ่มเติมโทษ
ยิงคนหนึ่งตาย กระสุนเลยไปถูกอีกคนหนึ่ง แต่ไม่ตายเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 กรรมเดียวกัน
of 23