คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
กมล เพียรพิทักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,667 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์คณะศาลแรงงาน: พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 17 ใช้บังคับเฉพาะ คดีนี้คำพิพากษาชอบด้วยกฎหมาย
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 17 เป็นบทบัญญัติที่กำหนดองค์คณะผู้พิพากษาในคดีแรงงานไว้โดยเฉพาะแล้ว จึงไม่นำพระธรรมนูญศาลยุติธรรม พ.ศ.2477 มาตรา 23 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะศาลแรงงานกลางพิพากษาคดีนี้ ที่บัญญัติเรื่ององค์คณะของผู้พิพากษาในคดีทั่วไปมาใช้บังคับและคำพิพากษาของศาลแรงงานกลางคดีนี้ ผู้พิพากษา ผู้พิพากษาสมทบทั้งสองฝ่ายได้ลงลายมือชื่อครบทั้งสามคนแล้ว จึงเป็นคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์คณะผู้พิพากษาคดีแรงงาน: พ.ร.บ.ศาลแรงงานฯ มาตรา 17 มีผลเหนือกว่าพระธรรมนูญศาลยุติธรรม
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 17 เป็นบทบัญญัติที่กำหนดองค์คณะผู้พิพากษาในคดีแรงงานไว้โดยเฉพาะแล้ว จึงไม่นำพระธรรมนูญศาลยุติธรรม พ.ศ.2477 มาตรา 23 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติเรื่ององค์คณะของผู้พิพากษาในคดีทั่วไปมาใช้บังคับ และคำพิพากษาของศาลแรงงานกลางคดีนี้ มีผู้พิพากษา ผู้พิพากษาสมทบทั้งสองฝ่ายได้ลงลายมือชื่อครบทั้งสามคนแล้ว จึงเป็นคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตฎีกาในคดีที่ศาลชั้นต้นเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง เป็นการมิชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษกักขังจำเลยที่ 1 แทนโทษจำคุกศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จึงเป็นคดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ตรีซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้ฎีกาได้เฉพาะในคดีซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218,219 และ 220 เท่านั้น จะอนุญาตให้ฎีกาในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ตรี ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวหรือหลายกรรม? ปลอมเอกสารราชการต่างประเภท เจตนาต่างกัน ถือเป็นความผิดคนละกรรม
แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์และใบอนุญาตขับรถยนต์เป็นเอกสารคนละประเภทกัน การใช้และอ้างซึ่งเอกสารดังกล่าวต่างมีเจตนาก่อให้เกิดผลที่แตกต่างกันกล่าวคือ การใช้หรืออ้างแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมนั้นเพื่อให้ผู้อื่นเห็นว่ารถยนต์คันที่จำเลยขับเสียภาษีถูกต้อง ส่วนการใช้หรืออ้างใบอนุญาตขับรถยนต์ปลอมก็เพื่อให้เจ้าพนักงานเห็นว่าจำเลยมีความสามารถขับรถยนต์ได้ซึ่งทางราชการได้ออกใบอนุญาตให้แก่จำเลยแล้ว แม้จำเลยใช้เอกสารดังกล่าวพร้อมกันในวันเดียวกันก็ตามการกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดคนละกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
การที่จำเลยปลอมแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์แล้วนำไปติดไว้ที่รถยนต์คันเกิดเหตุนั้น เป็นการกระทำที่กระทบต่อความน่าเชื่อถือในการที่จะใช้เอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานและยังเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีรถยนต์ให้แก่รัฐ นอกจากนี้จำเลยยังปลอมใบอนุญาตขับรถยนต์ของจำเลยหลังจากจำเลยขับรถไปเฉี่ยวชนรถยนต์ของผู้อื่นแล้วหลบหนีเพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจเห็นว่าจำเลยเป็นบุคคลอื่น และจำเลยมีความสามารถขับรถยนต์ได้ซึ่งทางราชการได้ออกใบอนุญาตให้ นับเป็นการกระทำที่ไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย และส่อแสดงถึงพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตของจำเลยที่มุ่งเอาแต่ประโยชน์ส่วนตนโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าร้ายแรง สมควรลงโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 310/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การฟ้องละเมิดซ้ำในประเด็นที่ศาลแรงงานเคยวินิจฉัยแล้ว ถือเป็นการฟ้องซ้ำตามกฎหมาย
คดีเดิมจำเลยฟ้องโจทก์เรียกค่าเสียหายจากการถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม โจทก์ให้การปฏิเสธและฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ข้อเท็จจริงยุติฟังไม่ได้ว่าจำเลยแอบอ้างชื่อ ก. สั่งซื้อและรับสินค้าจากโจทก์โดยไม่ชำระราคา และการที่จำเลยแต่งตั้งสมาชิกชื่อ ร. อาจเป็นเรื่องที่จำเลยสำคัญตัวบุคคลผิด จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทุจริตต่อหน้าที่กระทำผิดอาญาโดยเจตนาหรือจงใจทำให้โจทก์เสียหายยกฟ้องแย้ง คดีถึงที่สุด โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้โดยอ้างเหตุการแต่งตั้งสมาชิกทั้งสองรายโดยไม่มีตัวตนอยู่จริงเป็นการประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหายอันเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ดังนี้ เป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อบกพร่องรูปแบบอุทธรณ์ส่งผลให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยไม่ปรากฏว่ามีลายมือชื่อผู้เรียงอุทธรณ์ฟ้องอุทธรณ์ จึงไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(7) แต่การที่จะให้จำเลยแก้ไขหรือสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยก็ล่วงเลยเวลาที่จะปฏิบัติได้ เพราะศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้พิจารณาพิพากษาคดีนี้เสร็จไปแล้วการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาคดีนี้มาจึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องอุทธรณ์ไม่ถูกต้องตามรูปแบบ แต่ศาลรับคำฟ้องและพิจารณาคดีแล้ว ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยไม่ปรากฏว่ามีลายมือชื่อผู้เรียงอุทธรณ์ คำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (7) แต่การที่จะให้จำเลยแก้ไขคำฟ้องอุทธรณ์หรือสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยก็ล่วงเลยเวลา ที่จะปฏิบัติได้ เพราะศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้พิจารณาพิพากษาคดีนี้เสร็จไปแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาคดีนี้เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ภาค 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีอาญา: ผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมและความร้ายแรงของโทษ
จำเลยเบิกความอันเป็นเท็จซึ่งเป็นข้อสำคัญในคดีในการพิจารณาคดีอาญา การกระทำของจำเลยดังกล่าวอาจทำให้ผู้กระทำความผิดในคดีอาญาหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาได้ นับเป็นการกระทำที่ไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายและทำให้เกิดความเสียหายแก่กระบวนการยุติธรรมของรัฐเป็นอย่างยิ่ง พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง เพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบและมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลที่คิดจะกระทำการเช่นจำเลยสมควรลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำไม้แปรรูปไม้ และลักลอบนำเข้าเครื่องมือ โดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลฎีกาแก้ไขโทษปรับและรอการลงโทษ
ตามคำฟ้องไม่ปรากฏว่า มีผู้ประสงค์เงินสินบนนำจับนำเจ้าพนักงานไปจับกุมจำเลย ศาลจึงไม่อาจมีคำสั่งให้จ่ายเงินสินบนนำจับให้แก่ผู้นำจับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำไม้แปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลลดโทษและรอการลงโทษเนื่องจากพฤติการณ์ไม่ร้ายแรง
แม้จำเลยทั้งสามใช้เครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการทำไม้และแปรรูปไม้ แต่ปรากฏตามรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติว่า ไม้ยางที่จำเลยทั้งสามร่วมกันแปรรูปนั้นอยู่ในเขตที่ดินของนาย ส. ญาติจำเลยที่ 1 มิได้ขึ้นอยู่ในป่า ทั้งนาย ส. ก็อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ตัดไม้ได้ เพียงแต่จำเลยที่ 1 มิได้ดำเนินการขออนุญาตทำไม้และแปรรูปไม้ให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่ร้ายแรงนัก และไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสแก่จำเลยทั้งสามกลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป โดยให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ ตาม ป.อ. มาตรา 56 แต่เพื่อให้จำเลยทั้งสามหลาบจำไม่หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก เห็นสมควรลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง
ตามคำฟ้องโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ ฯ มาตรา 69 ด้วย ซึ่งความผิดดังกล่าวเป็นกรณีการมีไม้ยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง จึงเป็นการปรับบทไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้
of 467