คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 270

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 47 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 169-170/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ช่วยเหลือการกระทำผิดฐานจับคนเรียกค่าไถ่ แม้ไม่ได้สมคบ แต่เข้าข่ายตัวการดุจกัน
ในคดีหาว่า จำเลยสมคบกับผู้ร้าย จับคนไปเพื่อสินไถ่แม้โจทก์จะสืบไม่ได้ว่าจำเลยได้สมคบกับพวกผู้ร้ายที่จับคนไปเพื่อสินไถ่ก็ดีแต่การกระทำของจำเลยเป็นการช่วยเหลือในการกระทำผิดเช่นนั้นภายหลังการกระทำผิด จับคนเพื่อสินไถ่ ต้องตามความในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 272ทวิ ซึ่งได้เพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ.2477(ฉบับที่ 4)มาตรา 5 จำเลยต้องมีความผิดเป็นตัวการดุจกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598-601/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานจับคนเพื่อสินไถ่สำเร็จเมื่อหน่วงเหนี่ยวกักขัง แม้ยังไม่ได้รับเงินสินไถ่ก็ได้
ความผิดฐานจับคนเพื่อสินไถ่ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา270 แก้ไขเมื่อ พ.ศ.2477 ย่อมสำเร็จบริบูรณ์ตั้งแต่ขณะที่จำเลยจับกุมพาบุคคลไปโดยใช้กำลังขู่เข็ญให้ไปด้วยความกลัว แม้ยังมิได้รับเงินค่าไถ่เลยก็ตาม
คำวิเคราะห์ศัพท์ว่าสินไถ่ในกฎหมายลักษณะอาญานั้น เป็นคำหมายแสดงลักษณะของคำว่าสินไถ่มิใช่องค์บัญญัติแห่งความผิด
สินไถ่หรือสินจ้างไม่จำเป็นว่าต้องให้ตอบแทนทันทีในขณะที่ปล่อยคนที่ถูกจับเสมอจะให้ก่อนปล่อยหรือภายหลังการปล่อยก็ได้ ความหมายอันสำคัญเพียงว่าเป็นสินจ้างหรือสินไถ่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับคนที่ถูกจับกลับคืนมาเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับเรียกค่าสินไถ่และการข่มขู่เรียกทรัพย์: ศาลฎีกาแก้ข้อกล่าวหาปล้นทรัพย์ แต่ยืนตามบทหนักเดิม
จำเลยกับพวกจับตัวผู้เสียหายไปควบคุมตัวไว้แล้วบังคับเอาเงินจากพ่อตาและภรรยาเพื่อสินไถ่ และเรียกผู้เสียหายคนอื่นอีก 6 คนมาหาว่าลักควายบังคับให้หาเงินมาให้จำเลยดังนี้ การกระทำในตอนแรกเป็นเรื่องจับตัวไปบังคับเรียกเอาค่าสินไถ่โดยตรง การกระทำในตอนหลังก็ไม่มีกริยาเป็นโจรชิงทรัพย์ตามความหมายของกฎหมายจึงไม่ใช่ความผิดฐานชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 301,270 แต่ให้รวมกระทงลงโทษตาม มาตรา270 ซึ่งเป็นบทหนักแต่บทเดียวโจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านประการใด ดังนี้
เมื่อศาลฎีกาคงเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 270ซึ่งเป็นบทหนักอยู่แล้ว แม้จะเห็นว่าจำเลยไม่ผิดตามมาตรา 301 ด้วย ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีผิดฐานใดอีก เพราะลงโทษบทหนักอยู่แล้ว
อัยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 301,270 กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้ทรัพย์ถ้าศาลพิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 301 แล้ว อัยการก็ไม่มีอำนาจเรียกเงินคืนแทนผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความบทกฎหมายอาญาที่แก้ไขเพิ่มเติม ศาลพิจารณาตามบทแก้ไขล่าสุดได้ แม้ท้ายฟ้องระบุเพียงบทเดิม
ฟ้องหาว่าจำเลยหน่วงเหนี่ยวกักขังคนเพื่อเอาสินไถ่ อ้างบทกฎหมายขอให้ลงโทษ เพียงกฎหมายลักษณะมาตรา 270 เท่านั้น ย่อมต้องเข้าใจว่าหมายถึงมาตรา 270 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติมโดย(ฉบับที่ 4)2477 แล้ว ศาลลงโทษตามพระราชบัญญัติที่แก้ไขเพิ่มเติมได้ไม่เป็นการเกินคำขอท้ายฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตำรวจจับกุมโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แม้ได้รับคำสั่ง ก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำ
ผู้บังคับบัญชาสั่งให้จำเลยสืบจับผู้ลักเล่นการพะนันจำเลยจะจับใครย่อมอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยเมื่อปรากฎว่า จำเลยแกล้งจับโจทก์ซึ่งมิได้เป็นผู้เล่นการพะนัน จำเลยก็ต้องมีความผิด จะอ้างคำสั่งผู้บังคับบัญชามาเป็นข้อยกเว้นโทษไม่ได้
ตำรวจแกล้งจับคนโดยไม่มีความผิด โดยมีอาวุธไปด้วย ต้องลงโทษตามมาตรา 268 ซึ่งเป็นบทหนัก
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยต่ำกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ถ้าโจทก์ไม่ฎีกา ศาลฎีกาไม่แก้กำหนดโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตำรวจจับกุมโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แม้มีคำสั่งผู้บังคับบัญชา ก็ไม่อาจเป็นเหตุยกเว้นความผิดได้
ผู้บังคับบัญชาสั่งให้จำเลยสืบจับผู้ลักเล่นการพนัน จำเลยจะจับใครย่อมอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลย เมื่อปรากฏว่า จำเลยแกล้งจับโจทก์ซึ่งมิได้เป็นผู้เล่นการพนัน จำเลยก็ต้องมีความผิดจะอ้างคำสั่งผู้บังคับบัญชามาเป็นข้อยกเว้นโทษไม่ได้
ตำรวจแกล้งจับคนโดยไม่มีความผิด โดยมีอาวุธไปด้วย ต้องลงโทษตามมาตรา 268 ซึ่งเป็นบทหนัก
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยต่ำกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดถ้าโจทก์ไม่ฎีกา ศาลฎีกาไม่แก้กำหนดโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการถอนประกันและสั่งขัง ไม่ถือเป็นความผิดอาญาหากไม่มีเจตนาร้าย
ผู้พิพากษาสั่งถอนประกันแล้วสั่งขังจำเลยโดยไม่ปรากฏว่ามีเจตนาร้ายละเมิดอำนาจและหน้าที่ ย่อมไม่มีมูลเป็นความผิดทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 642/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฉุดคร่าห์ - ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา แม้มิได้จดทะเบียน - ไม่เป็นความผิดอาญา
ชายฉุดคร่าห์หญิงที่เคยอยู่ด้วยกันฉันท์สามีภรรยาแต่มิได้จดทะเบียน โดยเข้าใจว่า ผู้เสียหายยังเป็นภรรยาอยู่ ดังนี้ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 642/2489

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฉุดคร่าเมื่อจำเลยเชื่อว่าผู้เสียหายเป็นภรรยา แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่ถือเป็นความผิดอาญา
ชายฉุดคร่าหญิงที่เคยอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาแต่มิได้จดทะเบียนโดยเข้าใจว่า ผู้เสียหายยังเป็นภรรยาอยู่ ดังนี้ ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 845/2487

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบหมายให้ผู้อื่นจับกุม ไม่ถึงการทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ
จำเลยบอกให้กำนันจับเขาโดยหาว่าลักแหวน เขาถูกจับควบคุมดังนี้จำเลยไม่มีผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ เพราะการจะจับหรือไม่อยู่ในดุลยพินิจของกำนัน
of 5