พบผลลัพธ์ทั้งหมด 177 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2170/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ผู้จัดการมรดกหลังผู้รับพินัยกรรมเสียชีวิต: สืบทรัพย์และแจ้งทายาท
เมื่อผู้จัดการมรดกยังไม่ได้จัดการโอนทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทตามที่พินัยกรรมกำหนดไว้ การจัดการมรดกจึงยังไม่เสร็จสิ้น แม้ต่อมาผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมจะถึงแก่ความตาย ผู้จัดการมรดกก็ยังคงมีหน้าที่ต้องจัดการตามที่จำเป็นเพื่อให้การเป็นไปตามคำสั่งแจ้งชัดแห่งพินัยกรรมโดยการสืบหาทายาทของผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมเพื่อแจ้งให้ทราบและรับโอนทรัพย์มรดกดังกล่าวของผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1719 ซึ่งไม่ใช่เป็นการจัดการมรดกของผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2170/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ผู้จัดการมรดกยังไม่สิ้นสุดแม้ผู้รับพินัยกรรมเสียชีวิต ต้องสืบหาทายาทเพื่อโอนมรดกตามพินัยกรรม
เมื่อผู้จัดการมรดกยังไม่ได้จัดการโอนทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทตามที่พินัยกรรมกำหนดไว้การจัดการมรดกจึงยังไม่เสร็จสิ้นแม้ต่อมาผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมจะถึงแก่ความตายผู้จัดการมรดกก็ยังคงมีหน้าที่ต้องจัดการตามที่จำเป็นเพื่อให้การเป็นไปตามคำสั่งแจ้งชัดแห่งพินัยกรรมโดยการสืบหาทายาทของผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมเพื่อแจ้งให้ทราบและรับโอนทรัพย์มรดกดังกล่าวของผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1719ซึ่งไม่ใช่เป็นการจัดการมรดกของผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1842/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนผู้จัดการมรดกเมื่ออ้างว่าทรัพย์มรดกถูกยกให้ไปก่อนตายแล้ว
คำร้องขอถอนผู้จัดการมรดกของผู้คัดค้านอ้างว่าทรัพย์มรดกของผู้ตายซึ่งได้แก่ที่ดิน2แปลงผู้ตายได้ยกให้ผู้คัดค้านทั้งสองก่อนผู้ตายถึงแก่ความตายจึงไม่มีทรัพย์มรดกเหลืออีกและผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกรายนี้ซึ่งถ้าได้ความตามคำร้องขอของผู้คัดค้านกรณีย่อมถือได้ว่าคดีมีเหตุสมควรที่ศาลจะสั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1727
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1842/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนผู้จัดการมรดกเมื่อไม่มีทรัพย์สินเหลือและผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสีย
การที่ผู้คัดค้านร้องขอให้ถอนผู้ร้องออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกโดยอ้างว่าเจ้ามรดกจำหน่ายทรัพย์สินจนหมดสิ้นก่อนตายไม่มีทรัพย์มรดกเหลืออีกและผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียในกองมรดกนั้นถือว่าคดีมีเหตุสมควรที่ศาลจะสั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1727วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1842/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนผู้จัดการมรดก กรณีทรัพย์สินถูกยกให้ก่อนเสียชีวิต
คำร้องขอถอนผู้จัดการมรดกของผู้คัดค้านอ้างว่า ทรัพย์มรดกของผู้ตายซึ่งได้แก่ที่ดิน 2 แปลง ผู้ตายได้ยกให้ผู้คัดค้านทั้งสอง ก่อนผู้ตายถึงแก่-ความตาย จึงไม่มีทรัพย์มรดกเหลืออีก และผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกรายนี้ซึ่งถ้าได้ความตามคำร้องขอของผู้คัดค้าน กรณีย่อมถือได้ว่าคดีมีเหตุสมควรที่ศาลจะสั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1727
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6386/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดกตามพินัยกรรม: การถอดถอนผู้จัดการมรดกและคุณสมบัติของผู้จัดการมรดก
การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกมิได้ทำบัญชีทรัพย์มรดกก็เพราะเหตุที่ผู้ร้องเห็นว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่ผู้ร้องและบุตรของผู้ร้องเท่านั้นและทรัพย์มรดกที่มีอยู่ทั้งหมดถูกระบุไว้ในพินัยกรรมแล้ว การไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกในกรณีเช่นนี้ยังไม่เป็นเหตุให้ถอนผู้จัดการมรดก การที่ผู้คัดค้านอ้างว่า ผู้ร้องโอนทรัพย์มรดกอันเป็นสินสมรสของผู้คัดค้านเป็นของตน เป็นการส่อไปในทางทุจริตนั้น คดีไม่มีประเด็นให้พิจารณาว่าทรัพย์มรดกของผู้ตายที่ผู้ร้องได้รับตามพินัยกรรมมีสินสมรสของผู้คัดค้านอยู่ด้วยหรือไม่ ผู้คัดค้านกับ ส. มิได้มีสิทธิในทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมทั้งไม่มีประเด็นว่าทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมมีสินสมรสของผู้คัดค้านรวมอยู่ด้วยหรือไม่ จึงยังไม่มีเหตุผลสมควรจะตั้ง ส.เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4857/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแบ่งมรดก: สิทธิยังไม่เกิดหากการจัดการมรดกยังไม่เสร็จสิ้น
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ได้ฎีกา เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลชั้นต้นยอมรับว่าโจทก์เป็นทายาทของเจ้ามรดก แต่การจัดการมรดกตามคำสั่งศาลชั้นต้นยังไม่เสร็จสิ้น ฉะนั้น ที่โจทก์อ้างในคำฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิรับมรดก ขอให้จำเลยทำบัญชีทรัพย์มรดกและแบ่งปันทรัพย์มรดกจึงยังมิได้มีการโต้แย้งจากจำเลย สิทธินำคดีมาสู่ศาลของโจทก์ยังไม่เกิด ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าจำเลยจัดการทรัพย์มรดกล่าช้าส่อไปในทางทุจริตไม่จัดการทรัพย์มรดกตามกฎหมาย เป็นข้ออ้างที่โจทก์จะร้องขอต่อศาลชั้นต้นในคดีที่จำเลยขอเป็นผู้จัดการมรดกให้ศาลชั้นต้นเร่งรัดจำเลยให้จัดการมรดกให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว คำฟ้องโจทก์มิใช่คำฟ้องที่ศาลชั้นต้นจะรับประทับฟ้องไว้พิจารณาพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4857/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีมรดก: สิทธิยังไม่เกิด แม้มีการจัดการมรดกช้า
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ได้ฎีกา เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้
จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลชั้นต้นยอมรับว่าโจทก์เป็นทายาทของเจ้ามรดก แต่การจัดการมรดกตามคำสั่งศาลชั้นต้นยังไม่เสร็จสิ้นฉะนั้น ที่โจทก์อ้างในคำฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิรับมรดก ขอให้จำเลยทำบัญชีทรัพย์มรดกและแบ่งปันทรัพย์มรดกจึงยังมิได้มีการโต้แย้งจากจำเลย สิทธินำคดีมาสู่ศาลของโจทก์ยังไม่เกิด ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าจำเลยจัดการทรัพย์มรดกล่าช้าส่อไปในทางทุจริตไม่จัดการทรัพย์มรดกตามกฎหมาย เป็นข้ออ้างที่โจทก์จะร้องขอต่อศาลชั้นต้นในคดีที่จำเลยขอเป็นผู้จัดการมรดกให้ศาลชั้นต้นเร่งรัดจำเลยให้จัดการมรดกให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว คำฟ้องโจทก์มิใช่คำฟ้องที่ศาลชั้นต้นจะรับประทับฟ้องไว้พิจารณาพิพากษา
จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลชั้นต้นยอมรับว่าโจทก์เป็นทายาทของเจ้ามรดก แต่การจัดการมรดกตามคำสั่งศาลชั้นต้นยังไม่เสร็จสิ้นฉะนั้น ที่โจทก์อ้างในคำฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิรับมรดก ขอให้จำเลยทำบัญชีทรัพย์มรดกและแบ่งปันทรัพย์มรดกจึงยังมิได้มีการโต้แย้งจากจำเลย สิทธินำคดีมาสู่ศาลของโจทก์ยังไม่เกิด ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าจำเลยจัดการทรัพย์มรดกล่าช้าส่อไปในทางทุจริตไม่จัดการทรัพย์มรดกตามกฎหมาย เป็นข้ออ้างที่โจทก์จะร้องขอต่อศาลชั้นต้นในคดีที่จำเลยขอเป็นผู้จัดการมรดกให้ศาลชั้นต้นเร่งรัดจำเลยให้จัดการมรดกให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว คำฟ้องโจทก์มิใช่คำฟ้องที่ศาลชั้นต้นจะรับประทับฟ้องไว้พิจารณาพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3423/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดกพระภิกษุ: เจตนาสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมไม่ผูกพันทางกฎหมาย มรดกตกเป็นของวัด
แม้เจ้ามรดกจะมีความประสงค์หรือเจตนารมณ์ที่จะนำทรัพย์สินที่ชาวบ้านมาถวายไปสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุก็ตามแต่เจ้ามรดกก็ไม่ได้ทำพินัยกรรมตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ เพียงแต่แสดงเจตนาไว้เท่านั้น ดังนั้น ความประสงค์หรือเจตนารมณ์ของเจ้ามรดกที่จะสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุหลังจากมรณภาพแล้วจึงไม่เกิดเป็นผลบังคับได้ตามกฎหมาย และด้วยเหตุนี้ทรัพย์สินทุกอย่างไม่ว่าจะได้มาโดยทางใดรวมทั้งทรัพย์สินที่ชาวบ้านถวายเพื่อทำบุญสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุก็เป็นทรัพย์สินที่เจ้ามรดกได้มาเพราะเป็นพระภิกษุโดยตรง เมื่อเจ้ามรดกมรณภาพในขณะเป็นพระภิกษุโดยมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้ใคร ทรัพย์สินของเจ้ามรดกนั้นย่อมตกได้แก่วัดผู้ร้องที่พระภิกษุนั้นมีภูมิลำเนา เมื่อผู้คัดค้านถอนเงินมรดกของเจ้ามรดกซึ่งตามกฎหมายจะต้องตกได้แก่วัดผู้ร้องโดยผู้คัดค้านมิได้นำไปให้วัดผู้ร้องแต่กลับนำไปสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุ เมื่อผู้ร้องทวงถามในฐานะเป็นเจ้าของผู้คัดค้านไม่ยอมส่งมอบ ทั้งไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกเป็นการละเลยต่อหน้าที่จึงสมควรถอนผู้คัดค้านจากการเป็นผู้จัดการมรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3423/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดกพระภิกษุ & ความสมบูรณ์ของพินัยกรรม: ทรัพย์สินตกแก่วัดเมื่อไม่มีพินัยกรรม
แม้เจ้ามรดกจะมีความประสงค์หรือเจตนารมณ์ที่จะนำทรัพย์สินที่ชาวบ้านมาถวายไปสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุก็ตาม แต่เจ้ามรดกก็ไม่ได้ทำพินัยกรรมตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ เพียงแต่แสดงเจตนาไว้เท่านั้น ดังนั้น ความประสงค์หรือเจตนารมณ์ของเจ้ามรดกที่จะสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุหลังจากมรณภาพแล้วจึงไม่เกิดเป็นผลบังคับได้ตามกฎหมาย และด้วยเหตุนี้ทรัพย์สินทุกอย่างไม่ว่าจะได้มาโดยทางใดรวมทั้งทรัพย์สินที่ชาวบ้านถวายเพื่อทำบุญสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุก็เป็นทรัพย์สินที่เจ้ามรดกได้มาเพราะเป็นพระภิกษุโดยตรง เมื่อเจ้ามรดกมรณภาพในขณะเป็นพระภิกษุโดยมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้ใคร ทรัพย์สินของเจ้ามรดกนั้นย่อมตกได้แก่วัดผู้ร้องที่พระภิกษุนั้นมีภูมิลำเนา เมื่อผู้คัดค้านถอนเงินมรดกของเจ้ามรดกซึ่งตามกฎหมายจะต้องตกได้แก่วัดผู้ร้อง โดยผู้คัดค้านมิได้นำไปให้วัดผู้ร้องแต่กลับนำไปสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุ เมื่อผู้ร้องทวงถามในฐานะเป็นเจ้าของผู้คัดค้านไม่ยอมส่งมอบ ทั้งไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกเป็นการละเลยต่อหน้าที่ จึงสมควรถอนผู้คัดค้านจากการเป็นผู้จัดการมรดก