พบผลลัพธ์ทั้งหมด 48 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามลักทรัพย์เป็นเหตุร้ายตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย
การกระทำผิดตาม ก.ม.อาญา ม. 293 นั้นไม่ว่าจะเป็นความผิดสำเร็จหรือเพียงแต่พยายามกระทำก็นับได้ว่าเป็น "เหตุร้าย " ตาม พ.ร.บ. กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479 ม.4 แล้วทั้งนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกักกันผู้กระทำผิดซ้ำ โดยอาศัยประวัติอาชญากรรมเดิมและความร้ายแรงของคดีทำร้ายร่างกาย
เมื่อศาลพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 119,120,25 ดังนี้แม้ศาลจะใช้ มาตรา 120 เป็นบทลงโทษจำเลยก็ดี ก็เป็นเรื่องปรับบทลงโทษจำเลยตามกฎหมาย เท่านั้นคดียังต้องฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานทำร้ายร่างกายตาม มาตรา 254 ซึ่งเป็นความอาญาอันเป็นเหตุร้ายตามพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.2479 ถ้ามีเหตุสมควรศาลก็มีอำนาจเพิ่มโทษกักกันจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกักกันผู้กระทำผิดซ้ำโดยอาศัยบททำร้ายร่างกาย แม้ลงโทษตามบทหนักอื่น
เมื่อศาลพิพากษาจำเลยกระทำผิดตาม ก.ม.อาญา ม.119,120,254 ดังนี้แม้ศาลจะใช้ ม.120 เป็นบทลงโทษจำเลยก็ดี ก็เป็นเรื่องปรับบทลงโทษจำเลยตาม ก.ม.เท่านั้น คดียังต้องฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานทำร้ายร่างกายตาม ม. 254 ซึ่งเป็นความอาญาอันเป็นเหตุร้ายตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479 ถ้ามีเหตุสมควรศาลก็มีอำนาจเพิ่มโทษกักกันจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกักกันผู้กระทำผิดซ้ำ โดยพิจารณาจากจำนวนครั้งที่ศาลพิพากษาให้จำคุก ไม่ใช่จำนวนครั้งที่พ้นโทษ
ม.8 แห่งพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.2479 ความว่า "ถ้าผู้ใดเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ฯลฯ " นั้น หมายความถึงว่าผู้นั้นได้รับโทษโดยศาลพิพากษาให้จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้งอีกนัยหนึ่งคือครั้งตามคำพิพากษา หามีข้อความใดในบทบัญญัตินี้แสดงให้เห็นว่า ผู้นั้นได้หลุดพ้นโทษไปแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้งเช่นกฎหมายลักษณะอาญาเรื่องผู้กระทำผิดไม่เข็หลาบนั้นไม่
จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว 3 คดีคือคดีแดงที่ 1221/2491 ฐานชิงทรัพย์ คดีแดงที่ 136/2492 ฐานลักทรัพย์ คดีแดงที่ 769/2492 ฐานหลบหนีที่คุมขัง และปรากฎตามสำนวนคดีแดงที่ 136/2492 ว่าจำเลยรับโทษตามคำพิพากษาคดีแดงที่ 1221/2491 อยู่แล้วหลบหนีไปกระทำผิดในคดีแดงที่ 136/2492 นั้นทั้ง 3 คดีนี้จำเลยจึงได้รับโทษจำคุกต่อเนื่องกันไป เพิ่งพ้นโทษไปคราวเดีว เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2494 เช่นนี้ เมื่อจำเลยมากระทำผิดในคดี ( ลักทรัพย์ ) ขึ้นอีก ศาลก็เพิ่มโทษกักกันจำเลยได้
อ้างฎีกาที่ 1307/2480 และที่ 1514/2482
จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว 3 คดีคือคดีแดงที่ 1221/2491 ฐานชิงทรัพย์ คดีแดงที่ 136/2492 ฐานลักทรัพย์ คดีแดงที่ 769/2492 ฐานหลบหนีที่คุมขัง และปรากฎตามสำนวนคดีแดงที่ 136/2492 ว่าจำเลยรับโทษตามคำพิพากษาคดีแดงที่ 1221/2491 อยู่แล้วหลบหนีไปกระทำผิดในคดีแดงที่ 136/2492 นั้นทั้ง 3 คดีนี้จำเลยจึงได้รับโทษจำคุกต่อเนื่องกันไป เพิ่งพ้นโทษไปคราวเดีว เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2494 เช่นนี้ เมื่อจำเลยมากระทำผิดในคดี ( ลักทรัพย์ ) ขึ้นอีก ศาลก็เพิ่มโทษกักกันจำเลยได้
อ้างฎีกาที่ 1307/2480 และที่ 1514/2482
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกักกันผู้กระทำผิดซ้ำ โดยพิจารณาจากจำนวนครั้งที่ศาลพิพากษาให้จำคุก ไม่ใช่จำนวนครั้งที่พ้นโทษ
มาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายพ.ศ.2479 ความว่า"ถ้าผู้ใดเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ฯลฯ" นั้นหมายความถึงว่าผู้นั้นได้รับโทษโดยศาลพิพากษาให้จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง อีกนัยหนึ่งคือครั้งตามคำพิพากษา หามีข้อความใดในบทบัญญัตินี้แสดงให้เห็นว่าผู้นั้นได้หลุดพ้นโทษไปแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง เช่นกฎหมายลักษณะอาญาเรื่องผู้กระทำผิดไม่เข็ดหลาบนั้นไม่
จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว 3 คดีคือคดีแดงที่ 1221/2491 ฐานชิงทรัพย์ คดีแดงที่136/2492 ฐานลักทรัพย์คดีแดงที่ 769/2492 ฐานหลบหนีที่คุมขัง และปรากฏตามสำนวนคดีแดงที่ 136/2492 ว่าจำเลยรับโทษตามคำพิพากษาคดีแดงที่ 1221/2491 อยู่แล้วหลบหนีไปกระทำผิดในคดีแดงที่ 136/2492 นั้น ทั้ง 3 คดีนี้จำเลยจึงได้รับโทษจำคุกต่อเนื่องกันไป เพิ่งพ้นโทษไปคราวเดียว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2494 เช่นนี้ เมื่อจำเลยมากระทำผิดในคดี(ลักทรัพย์)ขึ้นอีก ศาลก็เพิ่มโทษกักกันจำเลยได้ (อ้างฎีกาที่1307/2480 และที่ 1514/2482)
จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว 3 คดีคือคดีแดงที่ 1221/2491 ฐานชิงทรัพย์ คดีแดงที่136/2492 ฐานลักทรัพย์คดีแดงที่ 769/2492 ฐานหลบหนีที่คุมขัง และปรากฏตามสำนวนคดีแดงที่ 136/2492 ว่าจำเลยรับโทษตามคำพิพากษาคดีแดงที่ 1221/2491 อยู่แล้วหลบหนีไปกระทำผิดในคดีแดงที่ 136/2492 นั้น ทั้ง 3 คดีนี้จำเลยจึงได้รับโทษจำคุกต่อเนื่องกันไป เพิ่งพ้นโทษไปคราวเดียว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2494 เช่นนี้ เมื่อจำเลยมากระทำผิดในคดี(ลักทรัพย์)ขึ้นอีก ศาลก็เพิ่มโทษกักกันจำเลยได้ (อ้างฎีกาที่1307/2480 และที่ 1514/2482)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 383/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายตาม พ.ร.บ.กักกันฯ สามารถถูกลงโทษกักกันซ้ำได้ แม้ยังไม่พ้นโทษกักกันก่อน
ผู้ที่มีสันดานเป็นผู้ร้ายตามพระราชบัญญัติกักกันฯ มาตรา 6 นั้นเพียงแต่เคยถูกศาลพิพากษาลงโทษกักกันมาแล้วเท่านั้น ไม่จำต้องพ้นโทษกักกันไปแล้ว มากระทำผิดขึ้นอีก เช่นที่บัญญัติไว้ในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 72 ไม่และเมื่อเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายแล้ว ตามมาตรา 9 แห่ง พระราชบัญญัติกักกันฯลฯก็ได้บัญญัติไว้ตายตัวให้ศาลลงโทษกักกันศาลจะใช้ดุลพินิจงดลงโทษกักกันเสียไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1879/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบสำหรับผู้กระทำผิดซ้ำในระหว่างกักกันหลังพ้นโทษจำคุก
จำเลยต้องโทษจำคุกจนพ้นโทษจำคุกแล้ว แต่ยังอยู่ในระหว่างกักกัน จำเลยกลับมากระทำความผิดอีก ดังนี้ ต้องเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1879/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบสำหรับผู้กระทำผิดซ้ำระหว่างกักกันหลังพ้นโทษจำคุก
จำเลยต้องโทษจำคุกจนพ้นโทษจำคุกแล้ว แต่ยังอยู่ในระหว่างกักกัน จำเลยกลับมากระทำความผิดอีก ดังนี้ต้องเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 59/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ พ.ร.บ.กักกันผู้ร้าย: 'ครั้ง' หมายถึงคำพิพากษา ไม่ใช่การหลุดพ้นโทษ
คำว่า ครั้ง ในมาตรา 8แห่ง พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย หมายถึง ครั้งตามคำพิพากษา ไม่ใช่ ครั้ง แห่งการหลุดพ้นโทษจำคุกมาแล้ว (อ้างฎีกาที่ 1514/2482)
จำเลยต้องคำพิพากษาจำคุก ฐานพยายามลักทรัพย์ พ้นโทษมาแล้วได้ต้องคำพิพากษาจำคุกฐานลักทรัพย์ แต่ต้องจำคุกไม่ครบกำหนดโทษได้หลบหนีเรือนจำมากระทำผิดฐานลักทรัพย์อีกดังนี้ มีเหตุสมควรที่จะใช้พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายแก่จำเลยเพราะประพฤติตนเป็นโจรเสมอมานับได้ว่า มีสันดานเป็นผู้ร้าย
จำเลยต้องคำพิพากษาจำคุก ฐานพยายามลักทรัพย์ พ้นโทษมาแล้วได้ต้องคำพิพากษาจำคุกฐานลักทรัพย์ แต่ต้องจำคุกไม่ครบกำหนดโทษได้หลบหนีเรือนจำมากระทำผิดฐานลักทรัพย์อีกดังนี้ มีเหตุสมควรที่จะใช้พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายแก่จำเลยเพราะประพฤติตนเป็นโจรเสมอมานับได้ว่า มีสันดานเป็นผู้ร้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้กระทำผิดซ้ำ ความร้ายแรงของพฤติกรรม และการพิจารณาโทษ
จำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้ายมาตั้งแต่เด็ก คือตั้งแต่มีอายุ 10 ขวบ ก็ได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์เรื่อยมาถูกว่ากล่าวเรียกประกันทันฑ์บนและส่งโรงเรียนฝึกอาชีพ 3 ครั้ง ครั้งที่ 4 ถูกจำคุกฐานลักทรัพย์ และหลบหนีอีก 1 ปี 4 เดือน 20 วัน ครั้งที่ 5ถูกจำคุก 20 วันฐานหลบหนีการควบคุมและในครั้งหลังนี้ถูกลงโทษฐานทำร้ายร่างกายอันเป็นเหตุร้ายอย่างหนึ่งจึงควรลงโทษกักกันแก่จำเลย