คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 329

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงข้อความเพื่อความชอบธรรมและการป้องกันส่วนได้เสีย ไม่เป็นความผิดหมิ่นประมาท
โจทก์เป็นผู้จัดการฝ่ายเคมีของบริษัท โจทก์ติดต่อให้บริษัทคู่แข่งของบริษัท ล. เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เคมีของบริษัท ฮ. ต่อมาโจทก์ออกจากบริษัท ล. ไปทำงานกับบริษัท บ. จำเลยผู้จัดการบริษัทจึงประกาศปิดไว้ที่บริษัท ล. ให้พนักงานทราบทั่วกันว่าโจทก์ถูกห้ามเข้ามาในบริเวณสำนักงานและคลังพัสดุของบริษัท เพราะโจทก์ได้กระทำผิดระเบียบกฎข้อบังคับของบริษัทและทำให้บริษัทเสียประโยชน์การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมและป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับบริษัท ล. ตามคลองธรรม ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1052/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาข้อความเสียหาย - การไต่สวนมูลฟ้องเพื่อพิสูจน์เจตนาและผลกระทบ
คำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันจัดทำเอกสารพิมพ์โรเนียวออกแจกจ่ายมีข้อความว่า โจทก์เป็นนายกเทศมนตรีเมืองขอนแก่น 2 ปีเศษ โจทก์บริหารงานบกพร่องเป็นการเสียหายแก่เทศบาลเมืองขอนแก่นมากมาย ซึ่งจะไม่ขอนำมากล่าว ณ ที่นี้ จนสมาชิกฝ่ายสนับสนุนไม่อาจอยู่ร่วมได้ต้องลาออกไป และเทศมนตรี 2 คนก็ต้องลาออกไปด้วยจนเหลือแต่โจทก์คนเดียว นั้น เป็นคำบรรยายฟ้องที่มีข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันโฆษณาใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังอันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328แล้ว
แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ก็ตาม ก็ต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงอยู่นั่นเองว่าเป็นเรื่องที่จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตหรือไม่ กรณีจึงเข้าเหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329จึงต้องทำการไต่สวนมูลฟ้องต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1052/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาท: การติชมด้วยเจตนาทำให้เสียชื่อเสียง แม้เป็นการวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงาน ก็อาจเข้าข่ายความผิดได้
คำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันจัดทำเอกสารพิมพ์โรเนียวออกแจกจ่ายมีข้อความว่า โจทก์เป็นนายกเทศมนตรีเมืองขอนแก่น 2 ปีเศษ โจทก์บริหารงานบกพร่องเป็นการเสียหายแก่เทศบาลเมืองขอนแก่นมากมาย ซึ่งจะไม่ขอนำมากล่าว ณ ที่นี้ จนสมาชิกฝ่ายสนับสนุนไม่อาจอยู่ร่วมได้ ต้องลาออกไป และเทศมนตรี 2 คนก็ต้องลาออกไปด้วย จนเหลือแต่โจทก์คนเดียว นั้น เป็นคำบรรยายฟ้องที่มีข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันโฆษณาใส่ความโจทก์ โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328แล้ว
แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ก็ตาม ก็ต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงอยู่นั่นเองว่าเป็นเรื่องที่จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตหรือไม่ กรณีจึงเข้าเหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 จึงต้องทำการไต่สวนมูลฟ้องต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: ศาลต้องรับฟังพยานทั้งสองฝ่ายก่อนตัดสินว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการใส่ความทำหนังสือร้องเรียนกล่าวหาโจทก์ แล้วส่งไปโฆษณาตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ จำเลยให้การว่า จำเลยได้ร้องเรียนจริง โดยส่งคำร้องเรียนไปลงหนังสือพิมพ์ด้วยความสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับจำเลยตามคลองธรรมและเพื่อประโยชน์แก่ประชาชน ข้อความที่ร้องเรียนเป็นความจริง ขอพิสูจน์ความจริง ดังนี้เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด และเพื่อมิให้จำเลยต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 329 (1) และมาตรา 330 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เป็นคำให้การปฏิเสธ
เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธความผิด ศาลจะต้องฟังข้อเท็จจริงจากการนำสืบของโจทก์จำเลยเสียก่อนจึงจะวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้ การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานของโจทก์จำลยแล้ววินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิดไปทีเดียว จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: ศาลต้องรับฟังพยานทั้งโจทก์จำเลยก่อนชี้ขาดความผิด
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการใส่ความทำหนังสือร้องเรียนกล่าวหาโจทก์ แล้วส่งไปโฆษณาตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์จำเลยให้การว่า จำเลยได้ร้องเรียนจริงโดยส่งคำร้องเรียนไปลงหนังสือพิมพ์ด้วยความสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับจำเลยตามคลองธรรมและเพื่อประโยชน์แก่ประชาชน ข้อความที่ร้องเรียนเป็นความจริงขอพิสูจน์ความจริง ดังนี้เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด และเพื่อมิให้จำเลยต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 329(1) และมาตรา 330 แห่งประมวลกฎหมายอาญาเป็นคำให้การปฏิเสธ
เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธความผิด ศาลจะต้องฟังข้อเท็จจริงจากการนำสืบของโจทก์ จำเลยเสียก่อนจึงจะวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานของโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิดไปทีเดียว จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องเรียนการทุจริตทางการเงิน ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาทหากไม่มีเจตนาใส่ร้าย และข้อความไม่ทำให้เสียชื่อเสียง
จำเลยซึ่งเป็นครู ได้มีหนังสือร้องเรียนขอให้ตั้งกรรมการสอบสวนการเงินและการบริหารของโรงเรียน ผู้จัดการและอาจารย์ใหญ่ เพื่อความบริสุทธิ์และเพื่อชื่อเสียงของสถาบันโรงเรียนว่า รายรับรายจ่ายถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่ แม้คำร้องจะมีชื่อโจทก์ให้กรรมการสอบสวนบัญชีด้วยก็ตาม คำร้องนั้นก็มิได้กล่าวหาว่าโจทก์ทุจริต ฉ้อโกงเงิน และก็ไม่ได้กล่าวหาว่าบุคคลทั้งสามนี้ร่วมมือกันทุจริตการเงินของโรงเรียน ไม่มีลักษณะเป็นการใส่ความโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง
จำเลยได้มีหนังสืออ้างถึงหนังสือฉบับแรก ขอให้ตั้งกรรมการสอบสวนโดยด่วน และให้อายัดเอกสารต่าง ๆ ไว้เพื่อรักษาความยุติธรรม เป็นการร้องเรียนก็ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีใครบังคับเพื่อรักษาผลประโยชน์ขอส่วนรวม เพื่อชื่อเสียงของโรงเรียน เป็นการแสดงข้อความและความคิดเห็นโดยสุจริตและชอบธรรมเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปโดยยุติธรรม เพราะจำเลยได้ยื่นคำร้องเรียนไปนานแล้ว จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องเรียนการเงินโรงเรียน ไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาท หากไม่มีเจตนาใส่ความ และข้อความไม่ทำให้เสียชื่อเสียง
จำเลยซึ่งเป็นครู ได้มีหนังสือร้องเรียนขอให้ตั้งกรรมการสอบสวนการเงินและการบริหารของโรงเรียน ผู้จัดการและอาจารย์ใหญ่เพื่อความบริสุทธิ์และเพื่อชื่อเสียงของสถาบันโรงเรียนว่ารายรับรายจ่ายถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่ แม้คำร้องจะมีชื่อโจทก์ให้กรรมการสอบสวนบัญชีด้วยก็ตามคำร้องนั้นก็มิได้กล่าวหาว่าโจทก์ทุจริตฉ้อโกงเงิน และก็ไม่ได้กล่าวหาว่าบุคคลทั้งสามนี้ร่วมมือกันทุจริตการเงินของโรงเรียน ไม่มีลักษณะเป็นการใส่ความโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง
จำเลยได้มีหนังสืออ้างถึงหนังสือฉบับแรก ขอให้ตั้งกรรมการสอบสวนโดยด่วน และให้อายัดเอกสารต่าง ๆ ไว้เพื่อรักษาความยุติธรรม เป็นการร้องเรียนด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่มีใครบังคับเพื่อรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม เพื่อชื่อเสียงของโรงเรียน เป็นการแสดงข้อความและความคิดเห็นโดยสุจริตและชอบธรรมเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปโดยยุติธรรม เพราะจำเลยได้ยื่นคำร้องเรียนไปนานแล้ว จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นเพื่อปกป้องส่วนได้เสียในการเจรจา ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท
จำเลยเป็นผู้มีส่วนได้เสียจากการเช่าที่ดินของวัด ได้พูดกับโจทก์ว่าไปหลอกลวงพระ โดยพูดต่อหน้าผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยในเรื่องการปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินของวัด ดังนี้ ถือว่าเป็นการกล่าวในฐานะที่ตนมีส่วนได้เสียและเพื่อความเป็นธรรมในฐานะที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนฝ่ายคู่พิพาทกับโจทก์ จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความที่ถูกกล่าวหาโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียของตน จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นเพื่อปกป้องส่วนได้เสียในการเจรจา ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
จำเลยเป็นผู้มีส่วนได้เสียจากการเช่าที่ดินของวัดได้พูดกับโจทก์ว่าไปหลอกลวงพระโดยพูดต่อหน้าผู้ว่าราชการจังหวัดที่ให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยในเรื่องการปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินของวัดดังนี้ ถือว่าเป็นการกล่าวในฐานะที่ตนมีส่วนได้เสียและเพื่อความเป็นธรรมในฐานะที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนฝ่ายคู่พิพาทกับโจทก์จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความที่ถูกกล่าวหาโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียของตนจำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ส่วนตนในฐานะตัวแทนผู้เช่า ไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาท
จำเลยเป็นผู้มีส่วนได้เสียจากการเช่าที่ดินของวัด. ได้พูดกับโจทก์ว่าไปหลอกลวงพระ. โดยพูดต่อหน้าผู้ว่าราชการจังหวัด. ที่ให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยในเรื่องการปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินของวัด. ดังนี้ ถือว่าเป็นการกล่าวในฐานะที่ตนมีส่วนได้เสียและเพื่อความเป็นธรรมในฐานะที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนฝ่ายคู่พิพาทกับโจทก์.จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความที่ถูกกล่าวหาโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียของตน. จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท.
of 15