พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความเห็นโดยสุจริตของเจ้าพนักงานตามหน้าที่ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
บรรยายฟ้องว่าจำเลยจงใจกล่าวข้อความลงในหนังสือถึงกองทัพอากาศมีข้อความว่า โจทก์ถูกปลดจากการเป็นพนักงานของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยเพราะโจทก์เป็นบุคคลมีมลทินมัวหมอง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ได้กล่าวไว้โดยบริบูรณ์ซึ่งถ้อยคำ อันเกี่ยวกับข้อหมิ่นประมาท ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 แล้ว
ปรากฏตามฟ้องของโจทก์และหนังสือที่โจทก์ส่งศาลว่าโจทก์ขอกลับเข้ารับราชการในกองทัพอากาศ กองทัพอากาศสอบถามไปยังการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยถึงเหตุที่โจทก์ถูกปลดจากการเป็นพนักงานของการท่าอากาศยานฯ จำเลยในฐานะ ผู้ว่าการการท่าอากาศยานฯ จึงมีหนังสือตอบกองทัพอากาศว่าโจทก์ถูกปลดเพราะมีมลทินมัวหมองดังนี้ การที่จำเลยมีหนังสือถึงกองทัพอากาศดังกล่าว มิใช่เป็นการโฆษณาด้วยเอกสารตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 และเมื่อโจทก์บรรยายฟ้องด้วยว่าโจทก์ถูกปลดเพราะถูกกล่าวหาว่าทำโจรกรรมทรัพย์สินของการท่าอากาศยานฯ การที่จำเลยมีหนังสือถึงกองทัพอากาศดังกล่าว จึงเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตของเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติการตามหน้าที่ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
เมื่อการกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายในฟ้องไม่เป็นความผิดตามบทมาตราที่ขอให้ลงโทษแล้ว ศาลชอบที่จะยกฟ้องได้เลยโดยไม่จำต้องไต่สวน
ปรากฏตามฟ้องของโจทก์และหนังสือที่โจทก์ส่งศาลว่าโจทก์ขอกลับเข้ารับราชการในกองทัพอากาศ กองทัพอากาศสอบถามไปยังการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยถึงเหตุที่โจทก์ถูกปลดจากการเป็นพนักงานของการท่าอากาศยานฯ จำเลยในฐานะ ผู้ว่าการการท่าอากาศยานฯ จึงมีหนังสือตอบกองทัพอากาศว่าโจทก์ถูกปลดเพราะมีมลทินมัวหมองดังนี้ การที่จำเลยมีหนังสือถึงกองทัพอากาศดังกล่าว มิใช่เป็นการโฆษณาด้วยเอกสารตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 และเมื่อโจทก์บรรยายฟ้องด้วยว่าโจทก์ถูกปลดเพราะถูกกล่าวหาว่าทำโจรกรรมทรัพย์สินของการท่าอากาศยานฯ การที่จำเลยมีหนังสือถึงกองทัพอากาศดังกล่าว จึงเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตของเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติการตามหน้าที่ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
เมื่อการกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายในฟ้องไม่เป็นความผิดตามบทมาตราที่ขอให้ลงโทษแล้ว ศาลชอบที่จะยกฟ้องได้เลยโดยไม่จำต้องไต่สวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 770/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิสัปบุรุษมัสยิดในการป้องกันผลประโยชน์และการคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1)
สัปบุรุษของมัสยิดเป็นผู้ที่มีสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ของมัสยิดที่ตนสังกัดอยู่ จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ชอบที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่มัสยิด ดังนั้นการที่จำเลยซึ่งเป็นสัปบุรุษของมัสยิดแสดงความคิดเห็นหรือร้องเรียนให้ข่าวต่อหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นการกระทำโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตน ย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1)
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ถ้าผู้แสดงความคิดเห็นกระทำไปโดยสุจริต แม้จะเป็นการเข้าใจผิด แต่ก็เชื่อว่าความจริงเป็นดังที่ตนเข้าใจแล้ว ก็ได้รับความคุ้มครองตามมาตรานี้จำเลยหาจำต้องนำสืบว่าการกระทำของตนเข้าข้อยกเว้นไม่ต้องรับโทษ เพราะในการพิจารณาคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องจึงจะลงโทษจำเลยได้ ฉะนั้นข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยกระทำไปโดยสุจริตหรือไม่ ศาลย่อมวินิจฉัยได้จากพยานหลักฐานและพฤติการณ์แห่งคดีที่โจทก์นำสืบ เมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยไม่สุจริตแล้ว ศาลก็ยกฟ้องโจทก์ได้โดยไม่จำต้องสืบพยานจำเลย
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ถ้าผู้แสดงความคิดเห็นกระทำไปโดยสุจริต แม้จะเป็นการเข้าใจผิด แต่ก็เชื่อว่าความจริงเป็นดังที่ตนเข้าใจแล้ว ก็ได้รับความคุ้มครองตามมาตรานี้จำเลยหาจำต้องนำสืบว่าการกระทำของตนเข้าข้อยกเว้นไม่ต้องรับโทษ เพราะในการพิจารณาคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องจึงจะลงโทษจำเลยได้ ฉะนั้นข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยกระทำไปโดยสุจริตหรือไม่ ศาลย่อมวินิจฉัยได้จากพยานหลักฐานและพฤติการณ์แห่งคดีที่โจทก์นำสืบ เมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยไม่สุจริตแล้ว ศาลก็ยกฟ้องโจทก์ได้โดยไม่จำต้องสืบพยานจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 770/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิสัปบุรุษมัสยิดในการปกป้องผลประโยชน์ของมัสยิดและการคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329
สัปบุรุษของมัสยิดเป็นผู้ที่มีสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ของมัสยิดที่ตนสังกัดอยู่ จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียชอบที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่มัสยิด ดังนั้นการที่จำเลยซึ่งเป็นสัปบุรุษของมัสยิดแสดงความคิดเห็นหรือร้องเรียนให้ข่าวต่อหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นการกระทำโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตน ย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1)
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ถ้าผู้แสดงความคิดเห็นกระทำไปโดยสุจริต แม้จะเป็นการเข้าใจผิด แต่ก็เชื่อว่าความจริงเป็นดังที่ตนเข้าใจแล้ว ก็ได้รับความคุ้มครองตามมาตรานี้จำเลยหาจำต้องนำสืบว่าการกระทำของตนเข้าข้อยกเว้นไม่ต้องรับโทษ เพราะในการพิจารณาคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องจึงจะลงโทษจำเลยได้ ฉะนั้นข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยกระทำไปโดยสุจริตหรือไม่ ศาลย่อมวินิจฉัยได้จากพยานหลักฐานและพฤติการณ์แห่งคดีที่โจทก์นำสืบ เมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยไม่สุจริตแล้ว ศาลก็ยกฟ้องโจทก์ได้โดยไม่จำต้องสืบพยานจำเลย
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ถ้าผู้แสดงความคิดเห็นกระทำไปโดยสุจริต แม้จะเป็นการเข้าใจผิด แต่ก็เชื่อว่าความจริงเป็นดังที่ตนเข้าใจแล้ว ก็ได้รับความคุ้มครองตามมาตรานี้จำเลยหาจำต้องนำสืบว่าการกระทำของตนเข้าข้อยกเว้นไม่ต้องรับโทษ เพราะในการพิจารณาคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องจึงจะลงโทษจำเลยได้ ฉะนั้นข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยกระทำไปโดยสุจริตหรือไม่ ศาลย่อมวินิจฉัยได้จากพยานหลักฐานและพฤติการณ์แห่งคดีที่โจทก์นำสืบ เมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยไม่สุจริตแล้ว ศาลก็ยกฟ้องโจทก์ได้โดยไม่จำต้องสืบพยานจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อและการพิสูจน์เจตนาหมิ่นประมาท: หน้าที่ของโจทก์และขอบเขตการฎีกา
การขอให้นับโทษต่อนั้นเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องแถลงให้ศาลทราบว่าคดีที่ขอให้นับโทษต่อนั้น ศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยหรือไม่ประการใด เพราะไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องรู้เอง
ปัญหาที่ว่า คำกล่าวของจำเลยจะเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือเหตุการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของผู้เสียหายโดยสุจริตหรือไม่ นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ปัญหาที่ว่า คำกล่าวของจำเลยจะเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือเหตุการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของผู้เสียหายโดยสุจริตหรือไม่ นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: ความรับผิดของบรรณาธิการและผู้พิมพ์
ข้อความที่ลงพิมพ์ในคอลัมน์ "มองมุมนอก" ของหนังสือพิมพ์รายวัน"มติชน" นอกจากจะระบุถึงชื่อและนามสกุลของโจทก์แล้ว ยังลงรูปโจทก์ด้วยทั้งข้อความก็หมายถึงโจทก์เป็นส่วนใหญ่ และข้อความดังกล่าวมีความหมายว่าโจทก์ประพฤติปฏิบัติอย่างคนไร้ศีลธรรมการที่โจทก์ผ่านการสัมมนาหลักสูตรพัฒนานักบริหารไม่ได้ช่วยดัดสันดานและนิสัยของโจทก์ให้กลับตัวกลับใจมีคุณธรรม โจทก์มีส่วนพัวพันเป็นผู้จ้างวานฆ่านายพิชิตผู้สื่อข่าวไทยรัฐเพราะโจทก์มีนิสัยชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย และใช้อำนาจในทางที่ผิด อำนาจฝ่ายต่ำจึงเข้าครอบงำ ถ้าประเทศมีข้าราชการระดับนักบริหารอย่างโจทก์ บ้านเมืองจะไปไม่รอด ข้อความดังกล่าวเป็นการใส่ความโจทก์ต่อผู้อ่านหนังสือพิมพ์ซึ่งเป็นบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง และถือไม่ได้ว่าเป็นการเสนอข้อความโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นนิสัยของหนังสือพิมพ์ที่พึงกระทำ หรือเป็นการลงข่าวตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์
บรรณาธิการ หมายความว่า บุคคลซึ่งรับผิดชอบในการจัดทำ ตรวจแก้ คัดเลือก หรือควบคุมบทประพันธ์หรือสิ่งอื่นในหนังสือพิมพ์ดังนั้น ในกรณีแห่งหนังสือพิมพ์ บรรณาธิการที่จะต้องรับผิดเป็นตัวการต้องเป็นบรรณาธิการซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับบทประพันธ์หรือสิ่งอื่นในหนังสือพิมพ์เท่านั้น เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบรรณาธิการอำนวยการมีส่วนรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร ประกอบกับจำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบรรณาธิการ เจ้าของผู้พิมพ์ผู้โฆษณาของหนังสือพิมพ์รายวัน "มติชน" รับว่าเป็นผู้รับผิดชอบในข้อความที่ลงโฆษณาทั้งหมดแต่ผู้เดียว จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดด้วย
บรรณาธิการ หมายความว่า บุคคลซึ่งรับผิดชอบในการจัดทำ ตรวจแก้ คัดเลือก หรือควบคุมบทประพันธ์หรือสิ่งอื่นในหนังสือพิมพ์ดังนั้น ในกรณีแห่งหนังสือพิมพ์ บรรณาธิการที่จะต้องรับผิดเป็นตัวการต้องเป็นบรรณาธิการซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับบทประพันธ์หรือสิ่งอื่นในหนังสือพิมพ์เท่านั้น เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบรรณาธิการอำนวยการมีส่วนรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร ประกอบกับจำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบรรณาธิการ เจ้าของผู้พิมพ์ผู้โฆษณาของหนังสือพิมพ์รายวัน "มติชน" รับว่าเป็นผู้รับผิดชอบในข้อความที่ลงโฆษณาทั้งหมดแต่ผู้เดียว จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2525 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: ความรับผิดของบรรณาธิการและผู้พิมพ์
ข้อความที่ลงหนังสือพิมพ์ในคอลัมน์ "มองมุมนอก" ของหนังสือพิมพ์รายวัน "มติชน" นอกจากระบุถึงชื่อและนามสกุลของโจทก์แล้ว ยังลงรูปโจทก์ด้วย ทั้งข้อความก็หมายถึงโจทก์เป็นส่วนใหญ่ และข้อความดังกล่าวมีความหมายว่าโจทก์ประพฤติปฏิบัติตนอย่างคนไร้ศีลธรรม การที่โจทก์ผ่านการสัมมนาหลักสูตรพัฒนานักบริหารไม่ได้ช่วยดัดสันดานและนิสัยของโจทก์ให้กลับตัวกลับใจมีคุณธรรม โจทก์มีส่วนพัวพันเป็นผู้จ้างวานฆ่านายพิชิตผู้สื่อข่าวไทยรัฐ เพราะโจทก์มีนิสัยขอบวางอำนาจมาตรใหญ่ มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย และใช้อำนาจในทางที่ผิด อำนาจฝ่ายต่ำจึงเข้าครอบงำ ถ้าประเทศมีข้าราชการระดับนักบริหารอย่างโจทก์ บ้านเมืองจะไปไม่รอด ข้อความดังกล่าวเป็นการใส่ความโจทก์ต่อผู้อ่านหนังสือพิมพ์ซึ่งเป็นบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง และถือไม่ได้ว่าเป็นการเสนอข้อความโดยสุจริตติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของหนังสือพิมพ์ที่พึงกระทำ หรือเป็นการลงข่าวตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์
บรรณาธิการ หมายความว่า บุคคลซึ่งรับผิดชอบในการจัดทำ ตรวจแก้ คัดลอก หรือควบคุมบทประพันธ์หรือสิ่งอื่นในหนังสือพิมพ์ ดังนั้น ในกรณีแห่งนังสือพิมพ์ บรรณาธิการที่จะต้องรับผิดเป็นตัวการ ต้องเป็นบรรณาธิการซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับบทประพันธ์หรือสิ่งอื่นในหนังสือพิมพ์เท่านั้น เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบรรณาธิการอำนวยการมีส่วนรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร ประกอบกับจำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบรรณาธิการ เจ้าของผู้พิมพ์ผู้โฆษณาของหนังสือพิมพ์รายวัน "มติชน" รับว่าเป็นผู้รับผิดชอบในข้อความที่ลงโฆษณาทั้งหมดแต่ผู้เดียว จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดด้วย
บรรณาธิการ หมายความว่า บุคคลซึ่งรับผิดชอบในการจัดทำ ตรวจแก้ คัดลอก หรือควบคุมบทประพันธ์หรือสิ่งอื่นในหนังสือพิมพ์ ดังนั้น ในกรณีแห่งนังสือพิมพ์ บรรณาธิการที่จะต้องรับผิดเป็นตัวการ ต้องเป็นบรรณาธิการซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับบทประพันธ์หรือสิ่งอื่นในหนังสือพิมพ์เท่านั้น เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบรรณาธิการอำนวยการมีส่วนรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร ประกอบกับจำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบรรณาธิการ เจ้าของผู้พิมพ์ผู้โฆษณาของหนังสือพิมพ์รายวัน "มติชน" รับว่าเป็นผู้รับผิดชอบในข้อความที่ลงโฆษณาทั้งหมดแต่ผู้เดียว จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: การใส่ความทำให้เสียชื่อเสียง และขอบเขตความรับผิดของบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ระบุชื่อและนามสกุล ทั้งลงรูปโจทก์ในคอลัมน์ซึ่งมีความหมายว่า โจทก์ประพฤติตนอย่างคนไร้ศีลธรรม การที่โจทก์ผ่านการสัมมนาหลักสูตรพัฒนานักบริหารไม่ได้ช่วยดัดสันดานและนิสัยให้กลับตัวกลับใจมีคุณธรรม โจทก์มีส่วนพัวพันเป็นผู้จ้างวานฆ่าผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เพราะโจทก์มีนิสัยชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย และใช้อำนาจในทางที่ผิด อำนาจฝ่ายต่ำจึงเข้าครอบงำ ถ้าประเทศมีข้าราชการระดับนักบริหารอย่างโจทก์ บ้านเมืองจะไปไม่รอด ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าเป็นการเสนอข้อความโดยสุจริตติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของหนังสือพิมพ์จะพึงกระทำหรือเป็นการลงข่าวตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์
ในกรณีแห่งหนังสือพิมพ์ บรรณาธิการที่ต้องรับผิดเป็นตัวการต้องเป็นบรรณาธิการซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับบทประพันธ์หรือสิ่งอื่นในหนังสือพิมพ์เท่านั้น จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบรรณาธิการอำนวยการมีหน้าที่ทางด้านการจัดการและธุรการทั่วไป ไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบรรณาธิการผู้รับผิดชอบในข้อความที่ลงโฆษณา
ในกรณีแห่งหนังสือพิมพ์ บรรณาธิการที่ต้องรับผิดเป็นตัวการต้องเป็นบรรณาธิการซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับบทประพันธ์หรือสิ่งอื่นในหนังสือพิมพ์เท่านั้น จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบรรณาธิการอำนวยการมีหน้าที่ทางด้านการจัดการและธุรการทั่วไป ไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบรรณาธิการผู้รับผิดชอบในข้อความที่ลงโฆษณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2315/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตติชมด้วยความเป็นธรรม ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท แม้จะวิพากษ์วิจารณ์บุคคลสาธารณะ
จำเลยกล่าวถ้อยคำว่า หลวงพ่อวัดบึงและหลวงพ่อวัดธาตุใช้ประชาชนบังหน้าต่อต้านพระที่สุสาน เนื่องจากจำเลยไม่เห็นด้วยกับการกระทำของผู้เสียหายที่ต้องการขับไล่พระภิกษุ ย. ออกไปจากป่าช้าแห่งหนึ่ง จึงได้พูดวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นตามความรู้สึกนึกคิดของตน ถ้อยคำที่พูดก็มิได้รุนแรงนักทั้งเป็นเรื่องของส่วนรวมซึ่งเกี่ยวข้องกับประชาชนทั่วไปอันประชาชนย่อมมีสิทธิแสดงความคิดเห็นได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2315/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของผู้อื่นในประเด็นสาธารณะ โดยไม่มีเจตนาทำให้เสียชื่อเสียง ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
จำเลยกล่าวถ้อยคำว่า หลวงพ่อวัดบึงและหลวงพ่อวัดธาตุใช้ประชาชนบังหน้าต่อต้านพระที่สุสาน เนื่องจากจำเลยไม่เห็นด้วยกับการกระทำของผู้เสียหายที่ต้องการขับไล่พระภิกษุ ย. ออกไปจากป่าช้าแห่งหนึ่ง จึงได้พูดวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นตามความรู้สึกนึกคิดของตน ถ้อยคำที่พูดก็มิได้รุนแรงนักทั้งเป็นเรื่องของส่วนรวมซึ่งเกี่ยวข้องกับประชาชนทั่วไปอันประชาชนย่อมมีสิทธิแสดงความคิดเห็นได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา: ข้อความชี้นำให้เข้าใจโจทก์ประพฤติไม่ดีและเสียชื่อเสียง
ข้อความที่จำเลยเขียนลงในหนังสือพิมพ์รายวันมีความหมายถึงโจทก์มีความว่า "เช็คเอย เช็คเด้ง แม้แต่เช็คเงิน3 พันบาทของอ้ายเสี่ยบ้ากามก็ยังเด้งมาแล้วดี.วัน.จันทร์. สะอื้นไห้ เฉียบ ชัยณรงค์ ไม่อยากจะเชื่อ เมื่อก่อนยังเป็นจับกัง ไอ้เสี่ยจ่ายเช็ค 3 พัน ก็เด้งเหมือนกันตำรวจไปตามจับ พี่แกโกยแนบไปกอดเมีย (เก่า) ร่ำไห้ด้วยความกลัวทุดส์ เรื่องของอ้ายเสี่ยบรรลัยมีมากมายเป็นพะเรอ คนรักใคร่ชอบพอมันทั้งน๊าน คอยส่งข่าวความสกปรกให้ฟังไม่ว่างเว้นซักที เฮ้อกูละเบื่อ" ข้อความที่ว่า "ไอ้เสี่ยบ้ากาม" ก็ดีและที่ว่า "เมื่อก่อนยังเป็นจับกังไอ้เสี่ยจ่ายเช็ค 3 พันก็เด้งเหมือนกัน" ก็ดี. มีความหมายทำให้ผู้ที่ได้ยินได้ฟังเกิดความรู้สึกนึกคิดและเข้าใจตัวโจทก์ว่าโจทก์เป็นคนมักมากในกามคุณผิดวิสัยปุถุชนทั่วไป เช็คที่ออกจำนวนเงินเพียง3,000 บาท ก็ไม่มีเงิน ไม่ผิดอะไรกับครั้งยังเป็นกุลีหาเช้ากินค่ำแสดงให้เห็นและเข้าใจไปได้ว่าโจทก์เป็นผู้มีความประพฤติไม่ดีไม่ควรแก่การยกย่องสมาคม อันเป็นการใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังโดยการโฆษณาด้วยเอกสารในเรื่องส่วนตัว ไม่มีลักษณะไปในทำนองของการติชมอย่างเป็นกลางและเป็นธรรมตามวิสัย เพื่อยังให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน จึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์