พบผลลัพธ์ทั้งหมด 95 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภริยาไม่ต้องรับผิดร่วมในหนี้สินของสามีที่ก่อขึ้นระหว่างสมรส เว้นแต่เป็นหนี้ร่วม
หนี้สินที่จำเลยผู้เป็นสามีก่อขึ้นในระหว่างที่จำเลยกับผู้ร้องยังเป็นสามีภริยากันอยู่เมื่อใช้ ป.ม.แพ่งฯ บรรพ 5 แล้วนั้นผู้ซึ่งเป็นภริยาจะต้องรับผิดร่วมด้วยหรือไม่นั้นได้มีคำพิพากษาฎีกาที่ 1045/1484 วินิจฉัยไว้เป็นแบบอย่างไว้แล้วว่าภริยาไม่ต้องรับผิดร่วมด้วยเว้นแต่หนี้นั้นจะเป็นหนี้ร่วม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภริยาไม่ต้องรับผิดในหนี้สินสามีที่ก่อขึ้นระหว่างสมรส เว้นแต่เป็นหนี้ร่วม
หนี้สินที่จำเลยผู้เป็นสามีก่อขึ้นในระหว่างที่จำเลยกับผู้ร้องยังเป็นสามีภริยากันอยู่เมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้วนั้นผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาจะต้องรับผิดร่วมด้วยหรือไม่นั้น ได้มีคำพิพากษาฎีกาที่ 1045/2484 วินิจฉัยไว้เป็นแบบอย่างไว้แล้วว่า ภริยาไม่ต้องรับผิดร่วมด้วยเว้นแต่หนี้นั้นจะเป็นหนี้ร่วม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1792/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยาและการบังคับชำระหนี้จากสินบริคณห์ กรณีสามีไม่ได้ยินยอมและบอกล้าง
ที่จะถือว่าเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยาได้นั้นโจทก์จะต้องนำสืบให้เห็นว่า เป็นหนี้ที่ต้องด้วยลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ตาม มาตรา 1482
หากเป็นหนี้ที่ภริยาไปทำขึ้นโดยสามีมิได้รู้เห็นยินยอมอนุญาต และสามีได้บอกล้างแล้ว เจ้าหนี้จะยึดสินบริคณห์ทั้งหมดมาชำระหนี้มิได้ เจ้าหนี้ต้องขอแบ่งแยกสินบริคณห์ส่วนของภริยาออกชำระหนี้ทางศาล ตามมาตรา 1483ถ้าเจ้าหนี้มิได้ขอแบ่งสินบริคณห์ ศาลจะสั่งแยกไปทีเดียวไม่ได้
หากเป็นหนี้ที่ภริยาไปทำขึ้นโดยสามีมิได้รู้เห็นยินยอมอนุญาต และสามีได้บอกล้างแล้ว เจ้าหนี้จะยึดสินบริคณห์ทั้งหมดมาชำระหนี้มิได้ เจ้าหนี้ต้องขอแบ่งแยกสินบริคณห์ส่วนของภริยาออกชำระหนี้ทางศาล ตามมาตรา 1483ถ้าเจ้าหนี้มิได้ขอแบ่งสินบริคณห์ ศาลจะสั่งแยกไปทีเดียวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1792/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยาและการบังคับชำระหนี้จากสินบริคณห์
ที่จะถือว่าเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยาได้นั้น โจทก์จะต้องนำสืบให้เห็นว่า เป็นหนี้ที่ต้องด้วยลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ตาม ม.1482
หากเป็นหนี้ที่ภริยาไปทำขึ้นโดยสามีมิได้รู้เห็นยินยอมอนุญาต และสามีได้บอกล้างแล้ว เจ้าหนี้จะยึดสินบริคณห์ทั้งหมดมาชำระหนี้มิได้ เจ้าหนี้ต้องขอแบ่งแยกสินบริคณห์ส่วนของภริยาออกชำระหนี้ทางศาล ตาม ม.1483 ถ้าเจ้าหนี้มิได้ขอแบ่งสินบริคณห์ ศาลจะสั่งแยกไปทีเดียวไม่ได้
หากเป็นหนี้ที่ภริยาไปทำขึ้นโดยสามีมิได้รู้เห็นยินยอมอนุญาต และสามีได้บอกล้างแล้ว เจ้าหนี้จะยึดสินบริคณห์ทั้งหมดมาชำระหนี้มิได้ เจ้าหนี้ต้องขอแบ่งแยกสินบริคณห์ส่วนของภริยาออกชำระหนี้ทางศาล ตาม ม.1483 ถ้าเจ้าหนี้มิได้ขอแบ่งสินบริคณห์ ศาลจะสั่งแยกไปทีเดียวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแบ่งสินสมรส และผลของพินัยกรรมเมื่อคู่สมรสถึงแก่กรรมก่อน
ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 185 เป็นเรื่องของการขยายเวลาคือถ้าสิทธิเรียกร้องจะขาดอายุความสั้นกว่า 1 ปี ก็ให้ขยายออกไป 1 ปี ส่วนที่กฎหมายกำหนดให้มีอายุความฟ้องร้องเกินกว่า 1 ปี ก็ต้องเป็นไปตามบทบัญญัตินั้น จะนำมาตรานี้มาใช้บังคับ โดยย่นเวลาให้สั้นเข้านั้นหาได้ไม่
โจทก์,จำเลยหย่าขาดกันโดยคำพิพากษาของศาล โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์อันเป็นส่วนสินสมรส เป็นคดีฟ้องเรียกทรัพย์สิน มีอายุความ 10 ปี ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 164.แม้บิดามารดาจะทำพินัยกรรม์ร่วมกันก็ดี แต่เมื่อบิดาตายก่อน พินัยกรรม์ก็มีผลบังคับฉะเพาะส่วนของบิดาเท่านั้น
เงินผลประโยชน์อันเกิดจากสินสมรสนั้น จำเลยซึ่งถูกฟ้องขอแบ่งจะหักไว้ได้ก็ฉะเพาะค่ารักษาทรัพย์สิน ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน ส่วนเงินค่ากินอยู่ของจำเลยและบุตรโจทก์จำเลยนั้นเป็นคนละประเภท จำเลยไม่ได้ฟ้องแย้ง ก็หักให้ไม่ได้.
โจทก์,จำเลยหย่าขาดกันโดยคำพิพากษาของศาล โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์อันเป็นส่วนสินสมรส เป็นคดีฟ้องเรียกทรัพย์สิน มีอายุความ 10 ปี ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 164.แม้บิดามารดาจะทำพินัยกรรม์ร่วมกันก็ดี แต่เมื่อบิดาตายก่อน พินัยกรรม์ก็มีผลบังคับฉะเพาะส่วนของบิดาเท่านั้น
เงินผลประโยชน์อันเกิดจากสินสมรสนั้น จำเลยซึ่งถูกฟ้องขอแบ่งจะหักไว้ได้ก็ฉะเพาะค่ารักษาทรัพย์สิน ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน ส่วนเงินค่ากินอยู่ของจำเลยและบุตรโจทก์จำเลยนั้นเป็นคนละประเภท จำเลยไม่ได้ฟ้องแย้ง ก็หักให้ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแบ่งสินสมรส, ผลพินัยกรรม, ค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูบุตร และการหักค่าใช้จ่าย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 185 เป็นเรื่องของการขยายเวลาคือถ้าสิทธิเรียกร้องจะขาดอายุความสั้นกว่า 1 ปีก็ให้ขยายออกไป 1 ปี ส่วนที่กฎหมายกำหนดให้มีอายุความฟ้องร้องเกินกว่า 1 ปี ก็ต้องเป็นไปตามบทบัญญัตินั้น จะนำมาตรานี้มาใช้บังคับ โดยย่นเวลาให้สั้นเข้ามานั้นหาได้ไม่
โจทก์จำเลยหย่าขาดกันโดยคำพิพากษาของศาล โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์อันเป็นส่วนสินสมรส เป็นคดีฟ้องเรียกทรัพย์สิน มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
แม้บิดามารดาจะทำพินัยกรรมร่วมกันก็ดี แต่เมื่อบิดาตายก่อน พินัยกรรมก็มีผลบังคับเฉพาะส่วนของบิดาเท่านั้น
เงินผลประโยชน์อันเกิดจากสินสมรสนั้น จำเลยซึ่งถูกฟ้องขอแบ่งจะหักไว้ได้ก็เฉพาะค่ารักษาทรัพย์สิน ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน ส่วนเงินค่ากินอยู่ของจำเลยและบุตรโจทก์จำเลยนั้นเป็นคนละประเภท จำเลยไม่ได้ฟ้องแย้ง ก็หักให้ไม่ได้
โจทก์จำเลยหย่าขาดกันโดยคำพิพากษาของศาล โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์อันเป็นส่วนสินสมรส เป็นคดีฟ้องเรียกทรัพย์สิน มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
แม้บิดามารดาจะทำพินัยกรรมร่วมกันก็ดี แต่เมื่อบิดาตายก่อน พินัยกรรมก็มีผลบังคับเฉพาะส่วนของบิดาเท่านั้น
เงินผลประโยชน์อันเกิดจากสินสมรสนั้น จำเลยซึ่งถูกฟ้องขอแบ่งจะหักไว้ได้ก็เฉพาะค่ารักษาทรัพย์สิน ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน ส่วนเงินค่ากินอยู่ของจำเลยและบุตรโจทก์จำเลยนั้นเป็นคนละประเภท จำเลยไม่ได้ฟ้องแย้ง ก็หักให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภรรยา: การรับผิดชอบหนี้ที่เกิดจากการจัดการร่วมกัน แม้ภรรยาลงนามแทน
โจทก์ฟ้องว่า ขอกู้เงินจากสามี ๆ ให้ภรรยาจัดการและลงนามในสัญญาและลงนามแทน ขอให้จำเลยทั้งสองคืนทรัพย์ที่เป็นประกันเงินกู้ ดังนี้เป็นการฟ้องให้สามีภรรยารับผิดในหนี้ร่วม และกรณีที่ได้ความเช่นนี้ ถือว่าเป็นหนี้ร่วมซึ่งสามีภรรยาต้องรับผิดชอบร่วมกัน
หนังสือกู้มีชื่อภรรยาเป็นผู้ให้กู้ เมื่อผู้กู้ฟ้องเรียกทรัพย์ที่เป็นประกันคืนจากสามีภรรยา ผู้กู้อาจนำพะยานบุคคลมาสืบว่า สามีเป็นผู้ให้กู้ด้วยโดยให้ภรรยาจัดการแทนได้ ไม่เป็นการต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94
หนังสือกู้มีชื่อภรรยาเป็นผู้ให้กู้ เมื่อผู้กู้ฟ้องเรียกทรัพย์ที่เป็นประกันคืนจากสามีภรรยา ผู้กู้อาจนำพะยานบุคคลมาสืบว่า สามีเป็นผู้ให้กู้ด้วยโดยให้ภรรยาจัดการแทนได้ ไม่เป็นการต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภรรยา: การรับผิดชอบหนี้จากการยินยอมและการจัดการร่วมกัน
โจทก์ฟ้องว่า ขอกู้เงินจากสามีสามีให้ภรรยาจัดการและลงนามในสัญญาและลงนามแทน ขอให้จำเลยทั้งสองคืนทรัพย์ที่เป็นประกันเงินกู้ดังนี้เป็นการฟ้องให้สามีภรรยารับผิดในหนี้ร่วม และกรณีที่ได้ความเช่นนี้ ถือว่าเป็นหนี้ร่วมซึ่งสามีภรรยาต้องรับผิดชอบร่วมกัน
หนังสือกู้มีชื่อภรรยาเป็นผู้ให้กู้ เมื่อผู้กู้ฟ้องเรียกทรัพย์ที่เป็นประกันคืนจากสามีภรรยา ผู้กู้อาจนำพยานบุคคลมาสืบว่า สามีเป็นผู้ให้กู้ด้วยโดยให้ภรรยาจัดการแทนได้ไม่เป็นการต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา94
หนังสือกู้มีชื่อภรรยาเป็นผู้ให้กู้ เมื่อผู้กู้ฟ้องเรียกทรัพย์ที่เป็นประกันคืนจากสามีภรรยา ผู้กู้อาจนำพยานบุคคลมาสืบว่า สามีเป็นผู้ให้กู้ด้วยโดยให้ภรรยาจัดการแทนได้ไม่เป็นการต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละละทิ้งภรรยาและการจำหน่ายสินสมรสเพื่ออุปการะเลี้ยงดูบุตร ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
การที่สามีทุบตีขับไล่ภรรยาจนถึงภรรยาต้องหนีไปอยู่ที่อื่นนั้นถือได้ว่าสามีได้สละละทิ้งภรรยา
ภรรยาหนีสามีไปอยู่ที่อื่นเพราะเหตุที่สามีสละละทิ้งและได้พาเอาสินสมรสไปด้วยนั้น ภรรยาย่อมมีสิทธิ์เอาทรัพย์สินนั้นจำหน่ายใช้สอยเพื่อการอุปการะเลี้ยงดู และการศึกษาของบุตรได้ตามที่จำเป็น ในกรณีเช่นนี้ ถือว่าเป็นหนี้ร่วมกันในระหว่างสามีภริยานั้นสามีจะฟ้องร้องเรียกสินสมรสคืนไม่ได้
ภรรยาหนีสามีไปอยู่ที่อื่นเพราะเหตุที่สามีสละละทิ้งและได้พาเอาสินสมรสไปด้วยนั้น ภรรยาย่อมมีสิทธิ์เอาทรัพย์สินนั้นจำหน่ายใช้สอยเพื่อการอุปการะเลี้ยงดู และการศึกษาของบุตรได้ตามที่จำเป็น ในกรณีเช่นนี้ ถือว่าเป็นหนี้ร่วมกันในระหว่างสามีภริยานั้นสามีจะฟ้องร้องเรียกสินสมรสคืนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละทิ้งภรรยาและการจำหน่ายสินสมรสเพื่ออุปการะเลี้ยงดูบุตร
การที่สามีทุบตีขับไล่ภรรยาจนถึงภรรยาต้องหนีไปอยู่ที่อื่นนั้น ถือได้ว่าสามีได้สละละทิ้งภรรยา.
ภรรยาหนีสามีไปอยู่ที่อื่นเพระาเหตุที่สามีสละละทิ้งและได้พาเอาสินสมรสไปด้วยนั้นภรรยาย่อมมีสิทธิ์เอาทรัพย์สินนั้นจำหน่ายใช้สรอยเพื่อการอุปการะเลี้ยงดู และการศึกษาของบุตร์ได้ตามที่จำเป็นในกรณีเช่นนี้ ถือว่าเป็นหนี้ร่วมกันในระหว่างสามีภริยานั้นสามีจะฟ้องร้องเรียกสินสมรสคืนไม่ได้.
ภรรยาหนีสามีไปอยู่ที่อื่นเพระาเหตุที่สามีสละละทิ้งและได้พาเอาสินสมรสไปด้วยนั้นภรรยาย่อมมีสิทธิ์เอาทรัพย์สินนั้นจำหน่ายใช้สรอยเพื่อการอุปการะเลี้ยงดู และการศึกษาของบุตร์ได้ตามที่จำเป็นในกรณีเช่นนี้ ถือว่าเป็นหนี้ร่วมกันในระหว่างสามีภริยานั้นสามีจะฟ้องร้องเรียกสินสมรสคืนไม่ได้.