คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 329 (1)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 67 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้เถียงในหน้าที่การงานและการป้องกันตนตามคลองธรรม ไม่ถือเป็นหมิ่นประมาท
โจทก์ทำหน้าที่ทนายให้กับลูกความ ในการไปเจรจาเรื่องรถยนต์ที่เช่าซื้อกับจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการแผนกเช่าซื้อของบริษัท ฯ โจทก์จำเลยพูดโต้เถียงกัน จำเลยจึงพูดว่า"คุณเป็นทนายไม่รีบรักษาผลประโยชน์ของลูกความคุณเองจะมาโทษผมยังไง" ถ้อยคำที่จำเลยพูดกับโจทก์เช่นนี้ เป็นการพูดกล่าวในหน้าที่การงานของจำเลย เพื่อความชอบธรรมป้องกันตนตามคลองธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท และมิใช่เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวิพากษ์วิจารณ์ในหน้าที่การงานเพื่อปกป้องตนเอง ไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาท
โจทก์ทำหน้าที่ทนายให้กับลูกความ ในการไปเจรจาเรื่องรถยนต์ที่เช่าซื้อกับจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการแผนกเช่าซื้อของบริษัทฯ โจทก์จำเลยพูดโต้เถียงกัน จำเลยจึงพูดว่า"คุณเป็นทนายไม่รีบรักษาผลประโยชน์ของลูกความคุณเองจะมาโทษผมยังไง" ถ้อยคำที่จำเลยพูดกับโจทก์เช่นนี้ เป็นการพูดกล่าวในหน้าที่การงานของจำเลย เพื่อความชอบธรรมป้องกันตนตามคลองธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1)จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท และมิใช่เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวิพากษ์วิจารณ์ในหน้าที่การงานและการป้องกันตนเองทางคลองธรรม ไม่ถือเป็นหมิ่นประมาท
โจทก์ทำหน้าที่ทนายให้กับลูกความ ในการไปเจรจาเรื่องรถยนต์ที่เช่าซื้อกับจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการแผนกเช่าซื้อของบริษัทฯ. โจทก์จำเลยพูดโต้เถียงกัน. จำเลยจึงพูดว่า'คุณเป็นทนายไม่รีบรักษาผลประโยชน์ของลูกความคุณเองจะมาโทษผมยังไง'. ถ้อยคำที่จำเลยพูดกับโจทก์เช่นนี้ เป็นการพูดกล่าวในหน้าที่การงานของจำเลย เพื่อความชอบธรรมป้องกันตนตามคลองธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1).จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท และมิใช่เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้เถียงในหน้าที่การงานเพื่อป้องกันตน ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นซึ่งหน้า
โจทก์ทำหน้าที่ทนายให้กับลูกความ ในการไปเจรจาเรื่องรถยนต์ที่เช่าซื้อกับจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการแผนกเช่าซื้อของบริษัทฯ โจทก์จำเลยพูดโต้เถียงกัน จำเลยจึงพูดว่า "คุณเป็นทนายไม่รีบรักษาผลประโยชน์ของลูกความคุณเองจะมาโทษผมยังไง" ถ้อยคำที่จำเลยพูดกับโจทก์เช่นนี้ เป็นการพูดกล่าวในหน้าที่กางานของจำเลย เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนตามคลองธรรมศาลประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269(1) จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท และมิใช่เป็นการพูดดูหมิ่นซึ่งหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1206/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องเรียนเพื่อเรียกร้องค่าจ้างและการป้องกันสิทธิส่วนตน ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
โจทก์ร่วมเป็นคู่สัญญากับกรมสรรพสามิตในการรับเหมาก่อสร้างโรงงานต้มกลั่นสุรา และในการนี้ได้จ้างเหมาจำเลยให้ทำประตูเหล็กยึดและบังตาหน้าต่างเหล็กของโรงงานนี้อีกทอดหนึ่ง แต่แล้วกลับบิดพลิ้วไม่ยอมจ่ายเงินค่าจ้างเหมาให้แก่จำเลย ดังนั้นการที่จำเลยมีหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมสรรพสามิตเกี่ยวกับเรื่องที่จำเลยยังมิได้รับเงินรายนี้ ซึ่งมีข้อความหาว่าโจทก์ร่วมกระทำการโดยไม่สุจริตเพื่อระงับข้อพิพาท กรณีจึงถือได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม อันไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1206/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องเรียนเพื่อเรียกร้องค่าจ้างและการป้องกันสิทธิของตน ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท หากมีเหตุผลสมควร
โจทก์ร่วมเป็นคู่สัญญากับกรมสรรพสามิตในการรับเหมาก่อสร้างโรงงานต้มกลั่นสุรา และในการนี้ได้จ้างเหมาจำเลยให้ทำประตูเหล็กยึดและบังตาหน้าต่างเหล็กของโรงงานนี้อีกทอดหนึ่ง แต่แล้วกลับบิดพลิ้วไม่ยอมจ่ายเงินค่าจ้างเหมาให้แก่จำเลย ดังนั้นการที่จำเลยมีหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมสรรพสามิตเกี่ยวกับเรื่องที่จำเลยยังมิได้รับเงินรายนี้ ซึ่งมีข้อความหาว่าโจทก์ร่วมกระทำการโดยไม่สุจริตเพื่อระงับข้อพิพาท กรณีจึงถือได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม อันไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1206/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นเพื่อปกป้องสิทธิของตนย่อมไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท หากมีเหตุสมควรและสุจริต
โจทก์ร่วมเป็นคู่สัญญากับกรมสรรพสามิตในการรับเหมาก่อสร้างโรงงานต้มกลั่นสุรา. และในการนี้ได้จ้างเหมาจำเลยให้ทำประตูเหล็กยึดและบังตาหน้าต่างเหล็กของโรงงานนี้อีกทอดหนึ่ง. แต่แล้วกลับบิดพลิ้วไม่ยอมจ่ายเงินค่าจ้างเหมาให้แก่จำเลย. ดังนั้นการที่จำเลยมีหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมสรรพสามิตเกี่ยวกับเรื่องที่จำเลยยังมิได้รับเงินรายนี้. ซึ่งมีข้อความหาว่าโจทก์ร่วมกระทำการโดยไม่สุจริตเพื่อระงับข้อพิพาท. กรณีจึงถือได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม. อันไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จใส่ความหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานศาล ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 198, 326
ข้อกล่าวหาของจำเลยที่ว่า นายหิรัญผู้พิพากษาได้ร่วมรับประทานเลี้ยงกับนางนิภาโจทก์ซึ่งนายหิรัญตัดสินให้ชนะคดีที่ร้านข้างศาลในตอนเย็นวันตัดสินนั้น เป็นความเท็จ และจำเลยได้ร้องเรียนความดังกล่าวต่อปลัดกระทรวงยุติธรรมภาค 2 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชานายหิรัญในการสอบสวนเพื่อดำเนินการทางวินัยแก่นายหิรัญ เช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการแจ้งข้อความเท็จดดยเจตนาซึ่งอาจทำให้นายหิรัญเสียหาย เป็นความผิดตามมาตรา 137 ยิ่งกว่านั้นข้อความที่จำเลยแจ้งเท็จดังกล่าว ยังมีความหมายไปในทางหาว่านายหิรัญประพฤติตนไม่สมควรเป็นไปในทำนองที่พิพากษาคดีความไปโดยไม่สุจริต เป็นการหมิ่นประมาทนายหิรัญผู้พิพากษาในการพิพากษาคดีอันเป็นความผิดตามมาตรา 198 และเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความแก่นายหิรัญตามมาตรา 326 อีกด้วย กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 329(1) เพราะจำเลยมีเจตนาแกล้งกล่าวข้อความเท็จโดยไม่สุจริต
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 มิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะว่า ผู้รับแจ้งข้อความอันเป็นเท็จนั้นจะต้องเป็นพนักงานสอบสวน แต่ย่อมหมายถึงเจ้าพนักงานโดยทั่วไป เมื่ออธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 เป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่สอบสวนความผิดทางวินัยกับนายหิรัญ การที่อธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 สอบสวนจำเลยซึ่งเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงาน เมื่อจำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่ออธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 ซึ่งอาจทำให้นายหิรัญเสียหาย จึงเป็นความผิดตามมาตรา 1371

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จใส่ความหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานศาล มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 198, 326
ข้อกล่าวหาของจำเลยที่ว่า นายหิรัญผู้พิพากษาได้ร่วมรับประทานเลี้ยงกับนางนิภาโจทก์ ซึ่งนายหิรัญตัดสินให้ชนะคดี ที่ร้านข้างศาลในตอนเย็นวันตัดสินนั้น เป็นความเท็จ และ จำเลยได้ร้องเรียนความดังกล่าวต่อปลัดกระทรวงยุติธรรม และไปยืนยันให้ถ้อยคำต่ออธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชานายหิรัญในการสอบสวนเพื่อดำเนินการทางวินัยแก่นายหิรัญ เช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการแจ้งข้อความเท็จโดยเจตนาซึ่งอาจทำให้นายหิรัญเสียหายเป็นความผิดตามมาตรา 137 ยิ่งกว่านั้นข้อความที่จำเลยแจ้งเท็จดังกล่าว ยังมีความหมายไปในทางหาว่านายหิรัญประพฤติตนไม่สมควร เป็นไปในทำนองพิพากษาคดีความไปโดยไม่สุจริตเป็นการหมิ่นประมาทนายหิรัญผู้พิพากษาในการพิพากษาคดีอันเป็นความผิดตามมาตรา 198 และเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความแก่นายหิรัญตามมาตรา 326 อีกด้วย กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตาม มาตรา 329(1) เพราะจำเลยมีเจตนาแกล้งกล่าวข้อความเท็จโดยไม่สุจริต
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 มิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะว่า ผู้รับแจ้งข้อความอันเป็นเท็จนั้นจะต้องเป็นพนักงานสอบสวน แต่ย่อมหมายถึงเจ้าพนักงานโดยทั่วไป เมื่ออธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 เป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่สอบสวนความผิดทางวินัยกับนายหิรัญ การที่อธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 สอบสวนจำเลย จึงเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงาน เมื่อจำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่ออธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 ซึ่งอาจทำให้นายหิรัญเสียหาย จึงเป็นความผิดตามมาตรา 137

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งข้อเท็จจริงต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อป้องกันความเสียหายในคดีอาญา ไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาท
การที่จำเลยมีหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาสูงสุดของโจทก์โดยมุ่งประสงค์ชี้แจงให้ทราบว่าจำเลยได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาต่อศาลแล้ว ขอให้หาทางป้องกันมิให้โจทก์ทำหลักฐานว่าในวันกล่าวหาโจทก์ปฏิบัติราชการอยู่ และหาทางป้องกันมิให้การกระทำผิดตามที่ได้ฟ้องไว้เกิดขึ้นอีกเช่นนี้เป็นการกระทำโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม เพื่อป้องกันส่วนได้เสียของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) แล้ว จำเลยไม่มีความผิด
of 7