พบผลลัพธ์ทั้งหมด 67 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อเท็จจริงต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อป้องกันความเสียหายในคดีอาญา ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
การที่จำเลยมีหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาสูงสุดของโจทก์โดยมุ่งประสงค์ชี้แจงให้ทราบว่า จำเลยได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาต่อศาลแล้ว ขอให้หาทางป้องกันมิให้โจทก์ทำหลักฐานว่าในวันกล่าวหาโจทก์ปฏิบัติราชการอยู่ และหาทางป้องกันมิให้การกระทำผิดตามที่ได้ฟ้องไว้เกิดขึ้นอีก เช่นนี้ เป็นการกระทำโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม เพื่อป้องกันส่วนได้เสียของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329(1)แล้ว จำเลยไม่มีความผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันตนเอง ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
นายเสริมผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเคยไกล่เกลี่ยเรื่องจำเลยกับผู้อื่นพิพาทกันเรื่องบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ แต่ไม่ตกลงกันต่อมานายถ่ายกำนัน นายหันผู้ใหญ่บ้าน มาดูที่เกิดเหตุและพูดไกล่เกลี่ยอีก จำเลยกับคู่กรณีไม่ยอมตกลงกัน จำเลยพูดต่อหน้านายถ่ายและนายหันว่า'ผู้ใหญ่เสริมไม่มีศีลธรรม ไม่ซื่อตรง จะกินเงินผม'และศาลฟังข้อเท็จจริงว่า นายเสริมได้พูดเรียกร้องเงิน 50 บาทจากจำเลยเกี่ยวกับการพิพาทของจำเลยจริงดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความเห็นโดยสุจริตเพื่อปกป้องตนเอง ไม่เป็นความผิดหมิ่นประมาท
นายเสริฒผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเคยไกล่เกลี่ยเรื่องจำเลยกับผู้อื่นพิพาทกันเรื่องบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ แต่ให้ตกลงกัน ต่อมานายถ่ายกำนัน นายหันผู้ใหญ่บ้าน มาดูที่เกิดเหตุและพูดไกล่เกลี่ยอีก จำเลยกับคู่กรณีไม่ยอมตกลงกัน จำเลยพูดต่หน้านายถ่ายและนายหันว่า ผู้ใหญ่เสริมไม่มีศีลธรรม ไม่ซื่อตรง จะกินเงินผม และศาลฟังข้อเท็จจริงว่า นายเสริมได้พูดเรียกร้องเงิน 50 บาทจากจำเลยเกี่ยวกับการพิพาทของจำเลยจริง ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาทเมื่อเป็นการป้องกันตนและชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกกล่าวหา
ข้อความที่จำเลยโฆษณาออกอากาศทางวิทยุและพิมพ์แถลงการณ์ออกแจกจ่าย จะเป็นหมิ่นประมาทโจทก์ต่อเมื่อเป็นการใส่ความหากข้อความนั้นเป็นการชี้แจงแก้ข่าวหรือบทความซึ่งโจทก์ตำหนิจำเลยก่อนอย่างรุนแรงและทำโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนตามคลองธรรมโดยสุภาพแล้ว ก็ได้รับยกเว้นโทษ
เมื่อมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษ ศาลก็พิพากษายกฟ้อง
พนักงานอัยการมีอำนาจเข้าเป็นทนายแก้ต่างนายกเทศมนตรีซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยในเรื่องการที่ได้กระทำไปตามหน้าที่ได้ แม้จะเป็นการแก้ต่างจำเลยในชั้นไต่สวนมูลฟ้องของศาลแขวง เพราะกฎหมายมิได้กำหนดอำนาจหน้าที่ผู้ว่าคดีให้เป็นทนายแก้ต่างจำเลยดังเช่นที่กล่าวไว้ชัดในพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ
เมื่อมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษ ศาลก็พิพากษายกฟ้อง
พนักงานอัยการมีอำนาจเข้าเป็นทนายแก้ต่างนายกเทศมนตรีซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยในเรื่องการที่ได้กระทำไปตามหน้าที่ได้ แม้จะเป็นการแก้ต่างจำเลยในชั้นไต่สวนมูลฟ้องของศาลแขวง เพราะกฎหมายมิได้กำหนดอำนาจหน้าที่ผู้ว่าคดีให้เป็นทนายแก้ต่างจำเลยดังเช่นที่กล่าวไว้ชัดในพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนทางกฎหมายและการยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาทเมื่อมีการตอบโต้การใส่ร้าย
ข้อความที่จำเลยโฆษณาออกอากาศทางวิทยุและพิมพ์แถลงการณ์ออกแจกจ่ายจะเป็นหมิ่นประมาทโจทก์ต่อเมื่อเป็นการใส่ความหากข้อความนั้นเป็นการชี้แจงแก้ข่าวหรือบทความซึ่งโจทก์ตำหนิจำเลยก่อนอย่างรุนแรง และทำโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนตามคลองธรรมโดยสุภาพแล้ว ก็ได้รับยกเว้นโทษ
เมื่อมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษ ศาลก็พิพากษายกฟ้อง
พนักงานอัยการมีอำนาจเข้าเป็นทนายแก้ต่างนายกเทศมนตรีซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยในเรื่องการที่ได้กระทำไปตามหน้าที่ได้ แม้จะเป็นการแก้ต่างจำเลยในชั้นไต่สวนมูลฟ้องของศาลแขวงเพราะกฎหมายมิได้กำหนดอำนาจหน้าที่ผู้ว่าคดีให้เป็นทนายแก้ต่างจำเลยดังเช่นที่กล่าวไว้ชัดในพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ
เมื่อมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษ ศาลก็พิพากษายกฟ้อง
พนักงานอัยการมีอำนาจเข้าเป็นทนายแก้ต่างนายกเทศมนตรีซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยในเรื่องการที่ได้กระทำไปตามหน้าที่ได้ แม้จะเป็นการแก้ต่างจำเลยในชั้นไต่สวนมูลฟ้องของศาลแขวงเพราะกฎหมายมิได้กำหนดอำนาจหน้าที่ผู้ว่าคดีให้เป็นทนายแก้ต่างจำเลยดังเช่นที่กล่าวไว้ชัดในพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อกล่าวโทษผู้กระทำผิด ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
จำเลยยื่นคำร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการว่า โจทก์ได้ด่าตนอย่างหยาบคาย โจทก์มีอาการคุ้มดีคุ้มร้าย ขืนเอาไว้ในราชการจะเสียหาย ถ้าปรากฏว่าข้อความที่จำเลยกล่าวว่าโจทก์ด่าจำเลยเป็นความจริง (เพราะได้มีการพิจารณาในศาล ๆ ฟังว่าโจทก์ด่าจำเลยจริง) แล้วก็ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมในอันที่จะให้ผู้ที่ด่าจำเลยได้รับโทษ จึงไม่มีความผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อกล่าวโทษผู้กระทำผิด การแจ้งความเท็จไม่มีความผิด
จำเลยยื่นคำร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการว่าโจทก์ได้ด่าตนอย่างหยาบคาย โจทก์มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายขืนเอาไว้ในราชการจะเสียหาย ถ้าปรากฏว่าข้อความที่จำเลยกล่าวว่า โจทก์ด่าจำเลยเป็นความจริง (เพราะได้มีการพิจารณาในศาลศาลฟังว่าโจทก์ด่าจำเลยจริง)แล้ว ก็ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมในอันที่จะให้ผู้ที่ด่าจำเลยได้รับโทษ จึงไม่มีความผิด