คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.2479

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 36 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกักกันผู้กระทำผิดและการพิจารณาโทษจำคุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 14 และ 41
จำเลยต้องโทษฐานลักทรัพย์ศาลจำคุก 6 เดือน ต่อมาจำเลยต้องโทษฐานทำร้ายร่างกาย ต่อสู้เจ้าพนักงานและเมาสุรา ศาลรวมกะทงลงโทษจำคุก 1 ปี แต่ฐานทำร้ายร่างกายนั้นศาลวางโทษจำคุก 4 เดือน ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จึงนำมากักกันจำเลยไม่ได้คงเหลือโทษฐานลักทรัพย์ครั้งเดียว ที่เป็นโทษฐานที่ระบุไว้ในมาตรา 41 ประมวลกฎหมายอาญา และมีกำหนดโทษจำคุกถึง 6 เดือน ศาลจึงมีอำนาจตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 14 ที่จะสั่งตามที่เห็นสมควร ศาลจึงอาจสั่งให้ยกเลิกการกักกันให้จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกักกันผู้กระทำผิดและการพิจารณาโทษซ้ำหลังพ้นโทษ: อำนาจศาลตามมาตรา 14 และ 41 ประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยต้องโทษฐานลักทรัพย์ ศาลจำคุก 6 เดือนต่อมาจำเลยต้องโทษฐานทำร้ายร่างกาย ต่อสู้เจ้าพนักงานและเมาสุราศาลรวมกะทงลงโทษจำคุก 1 ปีแต่ฐานทำร้ายร่างกายนั้นศาลวางโทษจำคุก 4 เดือนความผิดฐานทำร้ายร่างกายจึงนำมากักกันจำเลยไม่ได้คงเหลือโทษฐานลักทรัพย์ครั้งเดียวที่เป็นโทษฐานที่ระบุไว้ในมาตรา 41 ประมวลกฎหมายอาญาและมีกำหนดโทษจำคุกถึง 6 เดือนศาลจึงมีอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 14 ที่จะสั่งตามที่เห็นสมควรศาลจึงอาจสั่งให้ยกเลิกการกักกันให้จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1879/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษกักกันต้องรอคดีถึงที่สุดก่อน ศาลไม่ลงโทษหากคดีระหว่างอุทธรณ์ยังไม่สิ้นสุด
จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกฐานปล้นทรัพย์ และฐานจัดหาหญิงเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นมาแล้ว 2 ครั้ง และในครั้งที่ 3 ต้องโทษฐานลักทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดอันเป็นเหตุร้ายอีก โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษกักกันจำเลย เมื่อปรากฏว่า คดีฐานลักทรัพย์ครั้งหลังนี้ยังไม่ถึงที่สุด ศาลย่อมไม่พิพากษาให้ลงโทษกักกันแก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายกับผู้กระทำผิดซ้ำ ไม่ขัดต่อกฎหมายอาญาและรัฐธรรมนูญ
พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย เป็น ก.ม.พิเศษใช้กับผู้กระทำผิดทางอาญาถูกจำคุกหลายครั้งไม่เข็ดหลาบหาขัดกับ ก.ม.อาญา ม.25 ไม่ ศาลย่อมยกขึ้นใช้ปรับบทแก่จำเลยในกรณีเช่นนี้ได้ ทั้งไม่ขัดต่อ ก.ม.รัฐธรรมนูญแต่อย่างใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กฎหมายกักกันผู้กระทำผิดซ้ำเพื่อเพิ่มโทษจำคุก ไม่ขัดต่อกฎหมายอาญาและรัฐธรรมนูญ
พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายเป็น กฎหมายพิเศษใช้กับผู้กระทำผิดทางอาญาถูกจำคุกหลายครั้งไม่เข็ดหลาบหาขัดกับกฎหมายอาญา มาตรา 25 ไม่ ศาลย่อมยกขึ้นใช้ปรับบทแก่จำเลยในกรณีเช่นนี้ได้ ทั้งไม่ขัดต่อ กฎหมายรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 714/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย: เกณฑ์การพิจารณาจากประวัติการกระทำความผิดซ้ำ
จำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว 2 ครั้ง ฐานลักทรัพย์พ้นโทษเมื่อ 5 มิ.ย.94 และ 7 มิ.ย.95 ตามลำดับแล้วมาต้องโทษครั้งหลังฐานลักทรัพย์อันเป็นเหตุร้าย ในคดีนี้อีกย่อมถือได้ว่าจำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้ายตามความประสงค์ ของ พ.ร.บ. กักกันฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 714/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกักกันผู้กระทำผิดซ้ำ: การตีความ 'ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง' ตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย
จำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว 2 ครั้งฐานลักทรัพย์พ้นโทษเมื่อ 5 มิ.ย. 94 และ 7 มิ.ย. 95 ตามลำดับแล้วมาต้องโทษครั้งหลังฐานลักทรัพย์อันเป็นเหตุร้าย ในคดีนี้อีกย่อมถือได้ว่าจำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้ายตามความประสงค์ของพระราชบัญญัติกักกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาโทษกักกัน แม้ศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาเดิม
ในคดีอาญาที่ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปีและให้กักกันมีกำหนด 7 ปี นั้น แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายืน จำเลยก็มีสิทธิฎีกาขอให้ยกหรือลดโทษกักกันได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาโทษกักกัน แม้ศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาเดิม
ในคดีอาญาที่ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปี และให้กักกันมีกำหนด 7 ปี นั้นแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายืน จำเลยก็มีสิทธิฎีกาขอให้ยกหรือลดโทษกักกันได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การชั้นสอบสวนเป็นพยานหลักฐานได้หากโจทก์ระบุในบัญชีพยานและศาลให้จำเลยตรวจดู
คำให้การจำเลยชั้นสอบสวนซึ่งโจทก์ได้ระบุเป็นพยานไว้ในบัญชีระบุพยานโจทก์แล้ว และเมื่อโจทก์นำส่งศาล เวลาพยานผู้สอบสวนเบิกความ ศาลก็ได้ให้จำเลยตรวจดูแล้ว ดังนี้ย่อมรับคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยไว้เป็นพยานหลักฐานได้ ไม่จำเป็นต้องคัดสำเนาให้จำเลยก่อนวันพิจารณา เพียงแต่ให้จำเลยดูหรืออ่านให้จำเลยฟัง ก็พอแล้ว เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 240 อนุญาตไว้เช่นนั้น
พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.2479 ไม่มีข้อความใดขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ
of 4