คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 78

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 22 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2569/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการขอพิจารณาคดีใหม่เมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง
การที่พนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งที่บ้านอันเคยเป็นภูมิลำเนาเดิมของจำเลย โดยที่บ้านนั้นปิดใส่กุญแจไม่มีคนอยู่ มา 2-3 ปีแล้ว เพราะถูกเทศบาลขับไล่ กำลังจะรื้อและในที่สุดก็ได้รื้อไป บ้านดังกล่าวจึงมิใช่ภูมิลำเนาของจำเลย การปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องที่บ้านหลังนั้นจึงเป็นการมิชอบ และมีเหตุให้น่าเชื่อว่าจำเลยไม่ทราบว่า จำเลยถูกฟ้อง กรณีเช่นนี้เป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ การ ปิดประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายนัดพิจารณาก็ดี การปิดประกาศที่ศาลแทนการส่งคำบังคับก็ดี ไม่มีผลใช้ได้ จำเลยเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องคดี เรื่องนี้เมื่อถูกยึดทรัพย์ ซึ่งเป็นวันที่ถือว่าพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ ได้สิ้นสุดลง แล้วมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนด15 วัน ตามที่ บังคับไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 จึงมีเหตุสมควร อนุญาตให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ได้ตามที่จำเลยร้องขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1614/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อสันนิษฐานทางกฎหมายศุลกากร: พยานหลักฐานต้องแสดงเค้ามูลความผิดผู้ครอบครองสินค้า
พระราชบัญญัติศุลกากร(ฉบับที่ 12) พ.ศ.2497 มาตรา 10 มิได้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่าเมื่อปรากฎว่าผู้ใดมีสิ่งซึ่งต้องห้าม หรือสิ่งมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นสิ่งต้องกำกัดหรือเป็นสิ่งลักลอยหนีศุลกากรไว้ในครอบครอง ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นได้นำสิ่งนั้นเข้ามาโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือนำเข้ามาโดยลักลอบหนีศุลกากร หากแต่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นความจริงตามข้อเท็จจริงที่จดแจ้งไว้ในบันทึกของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้พบเห็นข้อนี้เป็นข้อสันนิษฐานข้อแรก ส่วนข้อสันนิษฐานว่าผู้มีสิ่งนั้นไว้ในครอบครองเป็นผู้นำสิ่งนั้นเข้ามาโดยมิชอบ ฯ นั้น เป็นเพียงพอที่สืบเนื่องจากข้อสันนิษฐานข้อแรกนั้น
ข้อเท็จจริงที่จดแจ้งไว้ในบันทึกตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติที่กล่าวนั้น อย่างน้อยจะต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ประกอบกันเป็นพยานพฤติเหตุแวดล้อมพอจะแสดงเค้ามูลว่าผู้มีไว้ในครอบครองนั้นเป็นผู้นำสิ่งนั้นเข้ามาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือนำเข้ามาโดยการลักลอบหนีศุลกากร
บันทึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งไว้แต่ว่า ตำรวจได้ตรวจค้นบ้านจำเลย ค้นพบสิ่งของบรรจุอยู่ในกระสอบ ได้สอบถามจำเลย จำเลยว่ารับฝากไว้จากชายไม่ทราบชื่อ บรรทุกรถมา 1 คัน ตอนเช้าวันนั้นเอง ตำรวจสงสัยว่าเป็นสินค้าที่หลบหนีศุลกากร จึงยึดสินค้าและคุมตัวจำเลยมาดำเนินคดี เพียงเท่านี้ย่อมไม่มีลักษณะเป็นบันทึกอันจะก่อให้เกิดข้อสันนิษฐานตามมาตรา 10 ที่กล่าวนั้น และเมื่อเป็นดังนี้ การที่โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยร่วมกับผู้อื่นนำสินค้าเหล่านั้นเข้ามาในราชอาณาจักรโจทก์ก็ต้องมีหน้าที่นำสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลย และจะลงโทษจำเลยได้ก็ต่อเมื่อพยานหลักฐานของโจทก์เพียงพอให้ฟังว่าจำเลยกระทำผิดตามข้อหา
ถ้าศาลชั้นต้นถือว่าโจทก์ได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานของกฎหมายจึงมิได้พิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์ คงวินิจฉัยแต่ของจำเลยแล้วฟังว่าจำเลยมีความผิดลงโทษจำคุก 4 ปี ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายแต่ก็เอาข้อสันนิษฐานนั้นมาประกอบด้วย แล้วจึงฟังว่าจำเลยมีความผิดและพิพากษายืน เมื่อศาลฎีกาเห็นว่ากรณีแห่งคดีนี้ไม่มีข้อสันนิษฐานของกฎหมาย และเห็นว่าศาลล่างทั้งสองมิได้วินิจฉัยพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยโดยชอบด้วยวิธีพิจารณา ศาลฎีกาก็ไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่าง แต่พึงวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่ตามพยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยได้นำสืบมาแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2482

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผลให้ศาลจำหน่ายคดีได้
กรมการอำเภอส่งหมายนัดและสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้แก่จำเลย ๆ ไม่รับ กรมการอำเภอส่งหมายและสำเนานั้นคืนศาลชั้นต้น ๆ สั่งว่าให้รวมสำนวนไว้ถือว่าจำเลยได้ทราบว่ามีอุทธรณ์แล้วดังนี้การส่งดังนี้ถือว่าไม่ถูกต้องตามวิธีพิจารณา.
แม้การไต่สวนมูลฟ้องจะทำลับหลังจำเลยได้แต่ต้องได้ส่งสำเนาฟ้องให้จำเลยได้ตามกฎหมายเสียก่อนจึงจะไต่สวนได้ และในการอุทธรณ์ต้องส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเช่นเดียวกัน เมื่อไม่ส่งให้ได้โดยถูกต้องตามกฎหมายศาลอุทธรณ์ก็ต้องจำหน่ายคดีไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2481

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งสำเนาฎีกาและการจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ได้รับสำเนา
โจทก์ฎีกาแต่จำเลยไม่ยอมรับสำเนาฎีกาผู้ส่งจึงได้ปิดสำเนาฎีกาไว้ยังบ้านเรือนของจำเลยดังนี้ ถือว่าจำเลยได้รับสำเนาฎีกาแล้ว ยังสำเนาฎีกาให้จำเลยได้แต่บางคน ศาลฎีกาวินิจฉัยคดีฉะเพาะจำเลยที่ส่งสำเนาฎีกาให้ได้เท่านั้นที่ส่งไม่ได้ต้องจำหน่ายคดี
of 3