พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,005 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติตามเงื่อนไขพินัยกรรม: ศาลพิจารณาเจตนาผู้ทำพินัยกรรม และการหลีกเลี่ยงการเสียค่าทำศพ
บิดามารดาทำพินัยกรรมยกที่ดินให้บุตรคนหนึ่ง โดยเงื่อนไขว่าบุตรต้องออกเงินทำศพบิดามารดาคนละ 2,000 บาท ถ้าบุตรไม่ออกเงินค่าทำศพ ให้ที่ดินตกแก่ทายาทต่อไป บุตรปลอมใบมอบอำนาจของบิดามารดาโอนขายที่ดินนั้นให้บุตรเมื่อบิดาตายแล้ว มารดาทราบจึงฟ้องและศาลพิพากษาให้เพิกถอนการโอน บุตรขอรับมรดกของบิดามารดาจึงไปคัดค้าน บุตรจึง วางเงิน 2,000 บาท ค่าทำศพก่อนที่จะได้มีการเผาศพดังนี้ เป็นการที่บุตรไม่เจตนาเสียค่าทำศพมาตั้งแต่ต้นจนบิดพริ้วต่อไปไม่ได้จึงจำต้องวางเงินพอเป็นพิธีเพื่อฟ้องเรียกทรัพย์ตามพินัยกรรมหาใช่ปฏิบัติตามเงื่อนไขให้สมตามความมุ่งหมายของผู้ทำพินัยกรรมไม่ บุตรไม่มีสิทธิฟ้องร้องตามพินัยกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ-ทรัพย์พิพาทมีคำพิพากษาเด็ดขาดแล้ว-การร้องสอด-ฟ้องไม่ชัดเจน-สิทธิบุคคลภายนอก
คู่ความพิพาทกันในกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทซึ่งศาลฎีกาได้พิพากษาเด็ดขาดไปแล้วว่า ทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์ซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อนและเป็นฝ่ายแพ้คดีกลับมาฟ้องจำเลยในคดีนี้ขึ้นใหม่อ้างว่า คำพิพากษาศาลฎีกาไม่ถูกต้องด้วยประการต่าง ๆ นั้น เป็นการรื้อร้องฟ้องใหม่ซึ่งประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน
คารมที่คู่ความยกขึ้นอ้างเป็นข้อเถียงข้อแย้งนั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็นประเด็นแห่งคดีเสมอไป
ฟ้องไม่ระบุว่าทรัพย์เป็นอะไร อยู่ที่ไหน คำขอแต่เพียงว่า "ให้แบ่งมรดกของนายแกรนอกพินัยกรรมทั้งหมด ถ้าหากมีให้โจทก์ตามส่วนที่ควรได้ตามกฎหมายนั้น" ไม่เป็นฟ้องที่จะรับไว้พิจารณา
เมื่อผู้ร้องสอดมิได้เป็นคู่ความกับโจทก์จำเลยในคดีก่อนแม้ศาลจะได้พิพากษาชี้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ว่าเป็นของจำเลยก็ดี จำเลยจะนำไปใช้ยันกับผู้ร้องสอดซึ่งเป็นบุคคลภายนอกแห่งดคีเดิมนั้นไม่ได้ ถ้าผู้ร้องสอดมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลย
เมื่อกรณีพิพาทระหว่งโจทก์จำเลยคงมีแต่เรื่องอื่น อันไม่เกี่ยวกับปัญหาที่ผู้ร้องสอด ร้องสอดแล้วสิทธิของผู้ร้องสอด จึงยังไม่เกี่ยวเนื่องกับคำพิพากษาหรือคำสั่งในคดี ผู้ร้องสอดชอบที่แยกคดีไปฟ้องร้องว่ากล่าวเป็นอีกคดีหนึ่ง
คารมที่คู่ความยกขึ้นอ้างเป็นข้อเถียงข้อแย้งนั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็นประเด็นแห่งคดีเสมอไป
ฟ้องไม่ระบุว่าทรัพย์เป็นอะไร อยู่ที่ไหน คำขอแต่เพียงว่า "ให้แบ่งมรดกของนายแกรนอกพินัยกรรมทั้งหมด ถ้าหากมีให้โจทก์ตามส่วนที่ควรได้ตามกฎหมายนั้น" ไม่เป็นฟ้องที่จะรับไว้พิจารณา
เมื่อผู้ร้องสอดมิได้เป็นคู่ความกับโจทก์จำเลยในคดีก่อนแม้ศาลจะได้พิพากษาชี้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ว่าเป็นของจำเลยก็ดี จำเลยจะนำไปใช้ยันกับผู้ร้องสอดซึ่งเป็นบุคคลภายนอกแห่งดคีเดิมนั้นไม่ได้ ถ้าผู้ร้องสอดมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลย
เมื่อกรณีพิพาทระหว่งโจทก์จำเลยคงมีแต่เรื่องอื่น อันไม่เกี่ยวกับปัญหาที่ผู้ร้องสอด ร้องสอดแล้วสิทธิของผู้ร้องสอด จึงยังไม่เกี่ยวเนื่องกับคำพิพากษาหรือคำสั่งในคดี ผู้ร้องสอดชอบที่แยกคดีไปฟ้องร้องว่ากล่าวเป็นอีกคดีหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีฟ้องซ้ำหลังมีคำพิพากษาเด็ดขาด และการร้องสอดของบุคคลภายนอกคดีเดิม
คู่ความพิพาทกันในกรรมสิทธิทรัพย์พิพาทซึ่งศาลฎีกาได้พิพากษาเด็ดขาดไปแล้วว่า ทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อนและเป็นฝ่ายแพ้คดีกลับมาฟ้องจำเลยในคดีนี้ขึ้นใหม่อ้างว่าคำพิพากษาศาลฎีกาไม่ถูกต้องด้วยประการต่างๆ นั้น เป็นการรื้อร้องฟ้องใหม่ซึ่งประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน
คารมที่คู่ความยกขึ้นอ้างเป็นข้อเถียงข้อแย้งนั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นประเด็นแห่งคดีเสมอไป
ฟ้องไม่ระบุว่าทรัพย์เป็นอะไรอยู่ที่ไหน คำขอแต่เพียงว่า 'ให้แบ่งมรดกของนายแกรนอกพินัยกรรมทั้งหมดถ้าหากมีให้โจทก์ตามส่วนที่ควรได้ตามกฎหมายนั้น' ไม่เป็นฟ้องที่จะรับไว้พิจารณา
เมื่อผู้ร้องสอดมิได้เป็นคู่ความกับโจทก์จำเลยในคดีก่อนแม้ศาลจะได้พิพากษาชี้กรรมสิทธิในทรัพย์ว่าเป็นของจำเลยก็ดีจำเลยจะนำไปใช้ยันกับผู้ร้องสอดซึ่งเป็นบุคคลภายนอกแห่งคดีเดิมนั้นไม่ได้ถ้าผู้ร้องสอดมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลย
เมื่อกรณีพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยคงมีแต่เรื่องอื่นอันไม่เกี่ยวกับปัญหาที่ผู้ร้องสอดร้องสอดแล้วสิทธิของผู้ร้องสอด จึงยังไม่เกี่ยวเนื่องกับคำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีผู้ร้องสอดชอบที่แยกคดีไปฟ้องร้องว่ากล่าวเป็นอีกคดีหนึ่ง
คารมที่คู่ความยกขึ้นอ้างเป็นข้อเถียงข้อแย้งนั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นประเด็นแห่งคดีเสมอไป
ฟ้องไม่ระบุว่าทรัพย์เป็นอะไรอยู่ที่ไหน คำขอแต่เพียงว่า 'ให้แบ่งมรดกของนายแกรนอกพินัยกรรมทั้งหมดถ้าหากมีให้โจทก์ตามส่วนที่ควรได้ตามกฎหมายนั้น' ไม่เป็นฟ้องที่จะรับไว้พิจารณา
เมื่อผู้ร้องสอดมิได้เป็นคู่ความกับโจทก์จำเลยในคดีก่อนแม้ศาลจะได้พิพากษาชี้กรรมสิทธิในทรัพย์ว่าเป็นของจำเลยก็ดีจำเลยจะนำไปใช้ยันกับผู้ร้องสอดซึ่งเป็นบุคคลภายนอกแห่งคดีเดิมนั้นไม่ได้ถ้าผู้ร้องสอดมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลย
เมื่อกรณีพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยคงมีแต่เรื่องอื่นอันไม่เกี่ยวกับปัญหาที่ผู้ร้องสอดร้องสอดแล้วสิทธิของผู้ร้องสอด จึงยังไม่เกี่ยวเนื่องกับคำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีผู้ร้องสอดชอบที่แยกคดีไปฟ้องร้องว่ากล่าวเป็นอีกคดีหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำให้การรับสารภาพหลังคดีเสร็จสำนวน: เหตุผลความสำคัญผิดที่ไม่สมควร
คดีอาญาที่จำเลยให้การรับสารภาพ และคู่ความไม่สืบพยานจนศาลนัดอ่านคำพิพากษาแล้วจำเลยมาขอถอนคำให้การเดิมและขอให้การปฏิเสธโดยอ้างว่าเพราะสำคัญผิดเช่นนี้ไม่เป็นเหตุผลอันควรอนุญาตให้จำเลยถอนคำให้การเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำรับสารภาพหลังคดีเสร็จสำนวน ศาลไม่อนุญาต เหตุผลความสำคัญผิดไม่สมควร
คดีอาญาที่จำเลยให้การรับสารภาพ และคู่ความไม่สืบพยานจนศาลนัดอ่านคำพิพากษาแล้ว จำเลยมาขอถอนคำให้การเดิมและขอให้การปฏิเสธโดยอ้างว่า เพราะสำคัญผิดเช่นนี้ไม่เป็นเหตุผลอันควรอนุญาตให้จำเลยถอนคำให้การเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์การชำระหนี้สัญญาเงินกู้: หลักฐานต้องชัดเจนและมีลายมือชื่อผู้รับเงิน
เมื่อปรากฏว่าสัญญากู้เงินที่จำเลยทำให้โจทก์ยึดถือเป็นหลักฐานยังคงอยู่ที่โจทก์โดยมิได้แทงเพิกถอนในเอกสารนั้นว่าได้ชำระหนี้แล้วทั้งรับว่าไม่มีเอกสารใดอีกที่มีลายมือชื่อโจทก์พอที่จะให้เป็นหลักฐานแสดงการรับเงินของโจทก์ก็ย่อมแสดงว่าจำเลยยังคงเป็นหนี้โจทก์อยู่
เช็คเป็นตราสารซึ่งผู้สั่งจ่ายสั่งธนาคารให้ใช้เงินให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเมื่อทวงถาม จึงเรียกไม่ได้ว่าเป็นสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่น
เช็คเป็นตราสารซึ่งผู้สั่งจ่ายสั่งธนาคารให้ใช้เงินให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเมื่อทวงถาม จึงเรียกไม่ได้ว่าเป็นสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์การชำระหนี้จากการยึดถือสัญญากู้และการขาดหลักฐานการรับเงิน
เมื่อปรากฎว่าสัญญากู้เงินที่จำเลยทำให้โจทก์ยึดถือเป็นหลักฐานยังคงอยู่ที่โจทก์โดยมิได้เพิกถอนในเอกสารนั้นว่าได้ชำระหนี้แล้ว ทั้งรับว่าไม่มีเอกสารใดอีกที่มีลายมือชื่อโจทก์พอที่จะให้เป็นหลักฐานแสดงการรับเงินของโจทก์ก็ย่อมแสดงว่าจำเลยยังคงเป็นหนี้โจทก์อยู่
เช็คเป็นตราสารซึ่งผู้สั่งจ่ายสั่งธนาคารให้ใช้เงินให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเมื่อทวงถาม จึงเรียกไม่ได้ว่าเป็นสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่น
เช็คเป็นตราสารซึ่งผู้สั่งจ่ายสั่งธนาคารให้ใช้เงินให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเมื่อทวงถาม จึงเรียกไม่ได้ว่าเป็นสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานหลักฐานการใช้เงินกู้ – หลักฐานเป็นหนังสือเป็นสำคัญ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ จำเลยให้การรับว่าได้กู้เงินไปจริงแต่ต่อสู้ว่าได้ชำระเงินกู้ให้โจทก์หมดแล้ว จำเลยทวงถามขอให้คืนสัญญากู้ โจทก์ว่าหายการที่โจทก์นำสัญญากู้มาฟ้อง เป็นการฉ้อโกงและเป็นความเท็จ สัญญากู้จึงใช้ไม่ได้ ตกเป็นโมฆะดังนี้ จำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบถึงการใช้เงินกู้นอกเหนือไปจากที่บัญญัติไว้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสองหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์การชำระหนี้: หลักฐานการใช้เงินตามสัญญา กู้ยืม
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ จำเลยให้การรับว่าได้กู้เงินไปจริง แต่ต่อสู้ว่าได้ชำระเงินกู้ให้โจทก์หมดแล้ว จำเลยทวงถามขอให้คืนสัญญากู้ โจทก์ว่าหาย การที่โจทก์นำสัญญากู้มาฟ้อง เป็นการฉ้อโกงและเป็นความเท็จ สัญญากู้จึงใช้ไม่ได้ ตกเป็นโมฆะ ดังนี้ จำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบถึงการใช้เงินกู้นอกเหนือไปจากที่บัญญัติไว้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 653 วรรค 2 หาได้ไม่ (ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนสัญญาประกันและการหมดภาระผูกพันของผู้ประกันเมื่อศาลบังคับเบี้ยปรับแล้ว
เมื่อศาลเพิกถอนสัญญาประกันแล้ว ก็บังคับเอาแต่เบี้ยปรับฐานผิดสัญญาประกันเท่านั้น แต่การที่จะเอาตัวจำเลยกลับคืนมาเป็นเรื่องของศาลที่จะใช้อำนาจของศาลเองตามกฎหมายโดยมิได้อาศัยผู้ประกันตามสัญญาประกัน ผู้ประกันเป็นอันหลุดพ้นจากข้อผูกพันที่จะต้องส่งตัวจำเลยตามสัญญาประกันเดิม
เมื่อไม่ได้ทำสัญญาประกันใหม่หรือตกลงกันให้ถือสัญญาประกันเดิมตลอดจนหมายจับก็ไม่ได้สั่งถอน จึงถือได้ว่าไม่มีอะไรแสดงให้ผู้ประกันรู้ตัวว่ายังมีข้อผูกพันที่จะต้องส่งตัวจำเลย ผู้ประกันจึงหลุดพ้นจากข้อผูกพันตามสัญญาประกันเดิม
เมื่อไม่ได้ทำสัญญาประกันใหม่หรือตกลงกันให้ถือสัญญาประกันเดิมตลอดจนหมายจับก็ไม่ได้สั่งถอน จึงถือได้ว่าไม่มีอะไรแสดงให้ผู้ประกันรู้ตัวว่ายังมีข้อผูกพันที่จะต้องส่งตัวจำเลย ผู้ประกันจึงหลุดพ้นจากข้อผูกพันตามสัญญาประกันเดิม