คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุลยทรรศน์ปฏิภาณ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,005 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าเพื่ออยู่อาศัย พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ และผลของการระบุเงื่อนไขในสัญญาเช่าเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ธรรมดาโดยหลักกฎหมายธรรมดาศาลต้องวินิจฉัยข้อความตามที่ปรากฏในสัญญาเช่าแต่เมื่อการเช่านั้นจำเลยอ้างว่าเช่าอยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษคุ้มครองการเช่าเคหะเพื่ออยู่อาศัยศาลจึงไม่ต้องแปลข้อความในเอกสารการเช่าเพราะกฎหมายไม่ประสงค์ที่จะให้เลี่ยงพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ศาลต้องวินิจฉัยตามสภาพที่เป็นจริงแห่งการเช่าว่าเป็นการเช่าเพื่ออยู่อาศัยตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯหรือไม่เท่านั้น
เมื่อโจทก์รับว่าจำเลยอยู่อาศัยดังนี้ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้แล้ว ไม่ต้องสืบพยานต่อไป การที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้จำเลยสืบพยานต่อไปได้คำสั่งเช่นนี้จะเป็นการขัดต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87-88 หรือไม่นั้น ก็ไม่ทำให้โจทก์ชนะคดีได้ ฎีกาโจทก์ข้อนี้ จึงเป็นข้ออ้างที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรต้องวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242(1) และ 147 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 5) มาตรา 22 และ 24
การที่ผู้ให้เช่าพิมพ์ข้อความกล่าวอ้างความยินยอมของผู้เช่าที่จะออกจากห้องเช่าของโจทก์ไว้ล่วงหน้าในสัญญาเช่า เป็นการผูกมัดผู้เช่าเพื่อเลี่ยง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯจึงไม่ใช่ความยินยอมของผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ 2489 มาตรา16(5)
เมื่อจำเลยดำเนินคดีเองจึงไม่มีค่าทนายที่โจทก์ควรจะต้องใช้แทนจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าเพื่อการค้าที่ถูกอ้างว่าเป็นที่อยู่อาศัยเพื่อเลี่ยง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ศาลต้องพิจารณาสภาพที่แท้จริง
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ธรรมดาโดยหลักกฎหมายธรรมดา ศาลต้องวินิจฉัยข้อความตามที่ปรากฎในสัญญาเช่า แต่เมื่อการเช่านั้นจำเลยอ้างว่าเช่าอยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษคุ้มครองการเช่าเคหะเพื่ออยู่อาศัย ศาลจึงไม่ต้องแปลข้อความในเอกสารการเช่าเพราะกฎหมายไม่ประสงค์ที่จะให้เลี่ยง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ศาลต้องวินิจฉัยตามสภาพที่เป็นจริงแห่งการเช่าว่าเป็นการเช่าเพื่ออยู่อาศัยตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าหรือไม่เท่านั้น
เมื่อโจทก์รับว่าจำเลยอยู่อาศัยดังนี้ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้แล้ว ไม่ต้องสืบพยานต่อไป การที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้จำเลยสืบพยานต่อไปได้ คำสั่งเช่นนี้จะเป็นการขัดต่อ ป.วิ. แพ่งมาตรา 87 - 88 หรือไม่นั้น ก็ไม่ทำให้โจทก์ชนะคดีได้ ฎีกาโจทก์ข้อนี้จึงเป็นข้ออ้างที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรต้องวินิจฉัยตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 242 (1) และ 147 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ.แพ่ง (ฉบับที่ 5) มาตรา 22 และ 24
การที่ผู้ให้เช่าพิมพ์ข้อความกล่าวอ้างความยินยอมของผู้เช่าที่จะออกจากห้องเช่าของโจทก์ไว้ล่วงหน้าในสัญญาเช่า เป็นการผูกมัดผู้เช่าเพื่อเลี่ยง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ จึงไม่ใช่ความยินยอมของผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ 2489 ม.16 (5)
เมื่อจำเลยดำเนินคดีเองจึงไม่มีค่าทนายที่โจทก์ควรจะต้องใช้แทนจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมให้เช่าช่วงและการบังคับคดีต่อผู้เช่าช่วงที่ไม่ใช่บริวารของผู้เช่าเดิม
แม้สัญญาเช่าที่ดินจะห้ามมิให้เช่าช่วง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรก็ดีถ้าผู้ให้เช่ายินยอมให้เช่าช่วงได้แม้ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร ก็ต้องถือว่าผู้ให้เช่ายินยอม
ผู้ให้เช่าที่ดินยินยอมให้เช่าช่วงที่ดิน ผู้เช่าช่วงปลูกเรือนให้เช่าผู้เช่าเรือนไม่ใช่บริวารของผู้เช่าที่ดินผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ผู้เช่าเดิมแล้วจะขอให้ศาลบังคับตลอดถึงผู้เช่าเรือนโดยมิได้ฟ้องผู้เช่าช่วงที่ดินด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 542/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายวิธีพิจารณาคดีและการบังคับใช้กับคดีที่ฟ้องร้องไว้แล้ว
แม้ขณะที่ฟ้องคดีศาลชั้นต้นกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งใช้อยู่ขณะนั้นจะให้อำนาจคู่ความฎีกาได้เพราะทุนทรัพย์ถึง4,000 บาท แต่ถ้าหากต่อมาเมื่อคดีนั้นจะฎีกา มีกฎหมายแก้ไขทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาให้มากขึ้น โดยกำหนดว่าถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในข้อเท็จจริง ทุนทรัพย์ต้องเกิน 5,000 บาท จึงจะฎีกาได้ก็ต้องถือเอาตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่เพราะกฎหมายอันเกี่ยวด้วยระเบียบวิธีพิจารณานั้นบังคับได้ทันที

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีนอกเหนือจากคำพิพากษาเดิม ศาลไม่อาจบังคับได้ จำเลยต้องฟ้องเป็นคดีใหม่
ภรรยาโจทก์และจำเลยแลกเปลี่ยนที่ดินโดยทำนิติกรรมยกให้ซึ่งกันและกัน โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย ซึ่งในที่สุดศาลพิพากษาว่าเป็นโมฆะและให้จำเลยคืนที่ดินนั้นให้โจทก์ตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลพิพากษาฉะเพาะเพียงเท่านี้ จำเลยจะมาร้องในคดีเดิมขอให้ศาลบังคับโจทก์ให้คืนที่ดินที่แลกเปลี่ยนนั้นแก่จำเลยเพื่อให้คืนสู่ฐานะเดิมหาได้ไม่ เพราะเป็นอีกคดีหนึ่งซึ่งจำเลยมิได้ฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นมา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีนอกเหนือจากคำพิพากษาเดิม ศาลไม่อาจบังคับได้ แม้คู่กรณีคืนทรัพย์สินบางส่วน
ภรรยาโจทก์และจำเลยแลกเปลี่ยนที่ดินโดยทำนิติกรรมยกให้ซึ่งกันและกัน โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย ซึ่งในที่สุดศาลพิพากษาว่าเป็นโมฆะและให้จำเลยคืนที่ดินนั้นให้โจทก์ตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลพิพากษาเฉพาะเพียงเท่านี้จำเลยจะมาร้องในคดีเดิมขอให้ศาลบังคับโจทก์ให้คืนที่ดินที่แลกเปลี่ยนนั้นแก่จำเลยเพื่อให้คืนสู่ฐานะเดิมหาได้ไม่เพราะเป็นอีกคดีหนึ่งซึ่งจำเลยมิได้ฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการฟ้องร้อง: การแบ่งแยกที่ดินเป็นเรื่องภายในของผู้ฟ้อง ไม่เกี่ยวข้องกับจำเลย
สิทธิการฟ้องร้อง
โจทก์ต้องการจะแบ่งแยกที่ดินส่วนหนึ่งซึ่งศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าเป็นของจำเลย ออกไปเสียจากโฉนดของโจทก์ ก็เป็นเรื่องของโจทก์เองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับจำเลย คดีของโจทก์ยังไม่มีการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างโจทก์จำเลย โจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะมาฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมาย วิ.แพ่ง ม.55.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องร้องต้องเกิดจากการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างคู่ความ การขอให้แบ่งแยกที่ดินของตนเองมิใช่เรื่องที่จำเลยต้องเกี่ยวข้อง
สิทธิการฟ้องร้อง
โจทก์ต้องการจะแบ่งแยกที่ดินส่วนหนึ่งซึ่งศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าเป็นของจำเลย. ออกไปเสียจากโฉนดของโจทก์ก็เป็นเรื่องของโจทก์เองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับจำเลยคดีของโจทก์ยังไม่มีการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างโจทก์จำเลย โจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะมาฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดจ่ายค่าป่วยการสมาชิกสภาเทศบาลที่ถูกพิพากษาจำคุก แต่มีประกันตัว ต้องพิจารณาการจำคุกจริงเท่านั้น
ข้อบังคับว่าด้วยการจ่ายเงินค่าป่วยการสมาชิกสภาเทศบาลต้องพิเคราะห์รวมกันทั้งหมดจะแยกความหมายและตีความทีละตอนไม่ได้
สมาชิกสภาเทศบาลเพียงแต่ถูกศาลพิพากษาให้จำคุกแต่มีประกันตัวไป ยังไม่ต้องจำคุกจริง จะงดจ่ายค่าป่วยการไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายค่าป่วยการสมาชิกสภาเทศบาลเมื่อถูกพิพากษาจำคุกแต่มีประกันตัว ต้องพิจารณาการจำคุกจริงเท่านั้น
ข้อบังคับว่าด้วยการจ่ายเงินค่าป่วยการสมาชิกสภาเทศบาลต้องพิเคราะห์รวมกันทั้งหมดจะแยกความหมายและตีความทีละตอนไม่ได้
สมาชิกสภาเทศบาลเพียงแต่ถูกศาลพิพากษาให้จำคุกแต่มีประกันตัวไป ยังไม่ต้องจำคุกจริง จะงดจ่ายค่าป่วยการไม่ได้.
of 101