คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุลยทรรศน์ปฏิภาณ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,005 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2026/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขรก.ไม่มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สิน จึงไม่ต้องรับผิดตาม ม.132 แม้รับเงินค่าแสตมป์แล้วนำแสตมป์ใช้แล้วมาปิด
บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีหน้าที่แต่เพียงเชิญชวนแนะนำให้ผู้ร้องปิดแสตมป์ ก.ศ.ส.ในคำร้องเท่านั้นแม้จะได้ความจริงก็หาลงโทษจำเลยได้ไม่ เพราะจำเลยไม่มีหน้าที่จัดซื้อหรือทำหรือปกครองรักษาทรัพย์สิ่งใด ๆ ตามความหมายใน ม.132.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2499)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยแทนกันไม่ได้ในความผิดอาญา แม้จะทำหน้าที่แทนเจ้าของกระบือ
ในความผิดทางอาญานั้นบุคคลจะเป็นจำเลยแทนกันไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยแทนกันไม่ได้ในความผิดอาญา แม้จะได้รับมอบหมายจากเจ้าของกระบือ
ในความผิดทางอาญานั้นบุคคลจะเป็นจำเลยแทนกันไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในคดีอาญาหลังศาลยกฟ้องเนื่องจากฟ้องไม่ระบุรายละเอียดสำคัญ ทำให้เกิดคำพิพากษาเด็ดขาด
เดิมโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยหาว่าสมคบกันทำร้ายร่างกายโจทก์มีบาดเจ็บสาหัสศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องคดีนั้นโดยเห็นว่าฟ้องของโจทก์มิได้ระบุรายละเอียดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) เกี่ยวกับเวลาที่จำเลยกระทำผิด รุ่งขึ้นโจทก์จึงมายื่นฟ้องใหม่อีก โดยกล่าวในฟ้องระบุวันเวลากระทำผิดนอกนั้นคงมีข้อความอย่างเดียวกับฟ้องเดิม เช่นนี้ถือว่าการกระทำผิดเป็นข้อสำคัญที่โจทก์จะต้องกล่าวมาในฟ้องเพราะเป็นข้อเท็จจริงในเรื่องความผิดที่จำเลยกระทำลง จึงได้ชื่อว่าศาลได้ยกฟ้องในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) คือได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง แม้คดีนี้จะเป็นคดีราษฎรฟ้องกันเองซึ่งศาลยังมิได้ไต่สวนมูลฟ้องก่อนก็ดีเพียงข้อความที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายของจำเลย ศาลก็อาจวินิจฉัยและพิพากษาคดีไปได้โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การระบุเวลาทำผิดเป็นสาระสำคัญของฟ้อง หากศาลยกฟ้องเพราะขาดรายละเอียดนี้ การฟ้องใหม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
เดิมโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยหาว่าสมคบกันทำร้ายร่างกายโจทก์มีบาดเจ็บสาหัส ศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องคดีนั้นโดยเห็นว่าฟ้องของโจทก์มิได้ระบุรายละเอียดตาม ป.วิ.อ. ม.158 (5) เกี่ยวกับเวลาที่จำเลยกระทำผิด รุ่งขึ้นโจทก์จึงมายื่นฟ้องใหม่อีก โดยกล่าวในฟ้องระบุวันเวลากระทำผิดนอกนั้นคงมีข้อความอย่างเดียวกับฟ้องเดิม เช่นนี้ถือว่าเวลากระทำผิดเป็นข้อสำคัญที่โจทก์จะต้องกล่าวมาในฟ้องเพราะเป็นข้อเท็จจริงในเรื่องความผิดที่จำเลยกระทำลง จึงได้ชื่อว่าศาลได้ยกฟ้องในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วตาม ป.วิ.อาญา ม.39 (4) คือได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง แม้คดีนี้จะเป็นคดีราษฎรฟ้องกันเองซึ่งศาลยังมิได้ไต่สวนมูลฟ้องก่อนก็ดี เพียงข้อความที่โจทก์กล่าวมาในใบฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายของจำเลย ศาลก็อาจวินิจฉัยและพิพากษาคดีไปได้โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1889/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฐานฆ่าโดยเจตนา แต่ศาลไม่สามารถลงโทษตามข้อหาเดิมได้ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาตาม กฎหมายอาญา มาตรา 249 ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องวิวาทกันกว่า 3 คนแล้วผู้ตายถูกทำร้ายถึงตาย โดยไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้ทำร้าย ศาลจะลงโทษจำเลยตาม มาตรา 253 ไม่ได้ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1889/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาและการพิพากษาที่ไม่ตรงกับคำฟ้อง โจทก์ขอให้ลงโทษฐานฆ่าคน แต่ศาลไม่สามารถลงโทษได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาตาม ก.ม.อาญา ม.249 ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องวิวาทกันกว่า 3 คนแล้วผู้ตายถูกทำร้ายถึงตาย โดยไม่ปรากฎว่าใครเป็นผู้ทำร้าย ศาลจะลงโทษจำเลยตาม ม.253 ไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา ม.192.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1844/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยุ้งเก็บข้าวเปลือกไม่ใช่ที่เก็บสินค้า เหตุไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือน
การที่มียุ้งเก็บข้าวเปลือก ค่าเช่าบ้าง ปลูกขึ้นเองบ้าง แล้วขายไปเช่นนี้หาเรียกว่ายุ้งข้าวนั้นเป็นที่ไว้สินค้าไม่ ฉนั้นย่อมได้รับความยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตาม ม.3 แห่ง พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2475.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1844/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยุ้งเก็บข้าวเปลือกเพื่อการขาย ไม่ถือเป็นที่เก็บสินค้าทางการค้า จึงได้รับการยกเว้นภาษีโรงเรือน
การที่มียุ้งเก็บข้าวเปลือกซึ่งเก็บได้จากค่าเช่าบ้างปลูกขึ้นเองบ้างแล้วขายไปเช่นนี้หาเรียกว่ายุ้งข้าวนั้นเป็นที่ไว้สินค้าไม่ ฉะนั้นย่อมได้รับความยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตาม มาตรา 3 แห่ง พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2475

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1838/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงหักหนี้ค่าเช่ากับดอกเบี้ยกู้เป็นสัญญาอีกอันหนึ่งที่ใช้บังคับได้ แม้ไม่ได้ระบุในสัญญากู้
โจทก์เช่าที่ดินจำเลย 2 ปี ชำระค่าเช่าปีละครั้ง และจำเลยกู้เงินโจทก์กำหนด 1 ปีข้อสัญญามีว่าจะชำระดอกเบี้ยทุกเดือน ยังไม่ครบ 1 ปีโจทก์ได้ฟ้องเรียกเงินกู้อ้างว่าจำเลยผิดสัญญา ไม่ชำระดอกเบี้ยทุกเดือนจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยยังไม่ผิดสัญญาและนำสืบว่ามีสัญญาปากเปล่าระหว่างโจทก์จำเลยว่าให้จำเลยหักดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ชำระค่าเช่าที่ดินซึ่งมีจำนวนเท่ากัน จำเลยนำสืบเช่นนี้ได้ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
of 101