พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,005 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1716/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเช็ค: การฟ้องเฉพาะตามเช็ค vs. มูลหนี้เดิม
บรรยายฟ้องว่า "จำเลยได้เซ็นเช็คธนาคารศรีนครจำกัดจ่ายเงินสดเพื่อเป็นการชำระหนี้เป็นเงิน 15,000 บาท" แล้วกล่าวเรื่องนำเช็คไปขึ้นไม่ได้เงิน ในที่สุดว่า "โจทก์ได้นำเช็ครายนี้ไปเรียกเก็บจากจำเลยหลายครั้งจำเลยก็ขอผัดผ่อนเรื่อยมา และได้ให้ทนายบอกกล่าวกำหนดวันให้จำเลยชำระเงินตามเช็ครายนี้จำเลยก็ไม่ชำระให้โจทก์" ดังนี้เป็นการบรรยายฟ้องสำหรับฟ้องเรียกเงินตามเช็คแต่อย่างเดียวเท่านั้น หาใช่เป็นการฟ้องเรียกเงินตามมูลหนี้เดิมไม่
อายุความในการที่ผู้ทรงตั๋วเงิน(เช็คก็เป็นตั๋วเงินชนิดหนึ่ง) ฟ้องผู้สั่งจ่ายเช็คมีเวลาภายใน 1 ปีนับแต่วันที่เช็คถึงกำหนด มาตรา 1002 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2499)
อายุความในการที่ผู้ทรงตั๋วเงิน(เช็คก็เป็นตั๋วเงินชนิดหนึ่ง) ฟ้องผู้สั่งจ่ายเช็คมีเวลาภายใน 1 ปีนับแต่วันที่เช็คถึงกำหนด มาตรา 1002 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1716/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกเงินตามเช็ค: การฟ้องเฉพาะตามเช็คถือขาดอายุความ 1 ปี
บรรยายฟ้องว่า "จำเลยได้เซ็นเช็คธนาคารศรีนครจำกัดจ่ายเงินสดเพื่อเป็นการชำระหนี้เป็นเงิน 15,000 บาท " แล้วกล่าวเรื่องนำเช็คไปขึ้นไม่ได้เงิน ในที่สุดว่า "โจทก์ก็ได้นำเช็ครายนี้ไปเรียกเก็บจากจำเลยหลายครั้งจำเลยก็ขอผัดผ่อนเรื่อยมาและได้ให้ทนายบอกกล่าวกำหนดวันให้จำเลยชำระเงินตามเช็ครายนี้จำเลยก็ไม่ชำระให้โจทก์ "ดังนี้เป็นการบรรยายฟ้องสำหรับฟ้องเรียกเงินตามเช็คแต่อย่างเดียวเท่านั้น หาใช่เป็นการฟ้องเรียกเงินตามมูลหนี้เดิมไม่
อายุความในการที่ผู้ทรงตั๋วเงิน(เช็คก็เป็นตั๋วเงินชนิดหนึ่ง) ฟ้องผู้สั่งจ่ายเช็คมีเวลาภายใน 1 ปี นับแต่วันที่เช็คถึงกำหนด ม.1002
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2499)
อายุความในการที่ผู้ทรงตั๋วเงิน(เช็คก็เป็นตั๋วเงินชนิดหนึ่ง) ฟ้องผู้สั่งจ่ายเช็คมีเวลาภายใน 1 ปี นับแต่วันที่เช็คถึงกำหนด ม.1002
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเรียกทรัพย์ซ้ำได้หรือไม่ เมื่อคดีก่อนศาลยกฟ้องเพราะสัญญาเป็นโมฆะ
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเรียกราคาทรัพย์ ศาลพิพากษาถึงที่สุดว่าสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะบังคับไม่ได้ให้ยกฟ้อง โจทก์กลับมาฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากจำเลยใหม่ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: สัญญาโมฆะกับการเรียกร้องกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเรียกราคาทรัพย์ ศาลพิพากษาถึงที่สุดว่าสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะบังคับไม่ได้ให้ยกฟ้อง โจทก์กลับมาฟ้องเรียกทรัพย์นั้นคืนจากจำเลยใหม่ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทะเบียนยานพาหนะไม่ใช่หนังสือสำคัญทางกฎหมายอาญา การปลอมแปลงจึงไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 225
ในทะเบียนยานพาหนะล้อเลื่อนเป็นเพียงหนังสือราชการเท่านั้นมีไว้เพื่อความสะดวกในการควบคุมของเจ้าพนักงานและพนักงานเจ้าหน้าที่ หาได้มุ่งหมายให้เป็นสำคัญแก่การตั้งเปลี่ยนแก้ หรือเลิกล้างโอนกรรมสิทธิหรือหนี้สินแต่ประการใดไม่ จึงไม่ใช่หนังสือสำคัญตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 6(20)
เมื่อจำเลยปลอมใบทะเบียนยานพาหนะล้อเลื่อนจะลงโทษตาม มาตรา 225 ไม่ได้
ปัญหาเรื่องการรอการลงโทษจำเลยหรือไม่นี้เกี่ยวกับดุลพินิจของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง คู่ความจะฎีกาไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
เมื่อจำเลยปลอมใบทะเบียนยานพาหนะล้อเลื่อนจะลงโทษตาม มาตรา 225 ไม่ได้
ปัญหาเรื่องการรอการลงโทษจำเลยหรือไม่นี้เกี่ยวกับดุลพินิจของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง คู่ความจะฎีกาไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ใบทะเบียนรถไม่ใช่หนังสือสำคัญตามกฎหมายอาญา มาตรา 6(20) การปลอมแปลงจึงไม่เข้าข่ายความผิดฐานปลอมแปลงหนังสือสำคัญ
ในทะเบียนยานพาหนะล้อเลื่อนเป็นเพียงหนังสือราชการเท่านั้นมีไว้เพื่อความสดวกในการควบคุมของเจ้าพนักงานและพนักงานเจ้าหน้าที่หาได้มุ่งหมายให้เป็นสำคัญแก่การตั้ง เปลี่ยนแก้ หรือเลิกล้างโอนกรรมสิทธิหรือหนี้สินแต่ประการใดไม่ จึงไม่ใช่หนังสือสำคัญตาม ก.ม.อาญา ม.6(20)
เมื่อจำเลยปลอมใบทะเบียนยานพาหนะล้อเลื่อนจะลงโทษตาม ม.225 ไม่ได้
ปัญหาเรื่องการรอการลงโทษจำเลยหรือไม่นี้เกี่ยวกับดุลยพินิจของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงคู่ความจะฎีกาไม่ได้ตาม ป.วิ.อาญา ม.220.
เมื่อจำเลยปลอมใบทะเบียนยานพาหนะล้อเลื่อนจะลงโทษตาม ม.225 ไม่ได้
ปัญหาเรื่องการรอการลงโทษจำเลยหรือไม่นี้เกี่ยวกับดุลยพินิจของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงคู่ความจะฎีกาไม่ได้ตาม ป.วิ.อาญา ม.220.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการขายทอดตลาด: จำเลยต้องรับผิดชอบหากไม่ระวังผลประโยชน์ของตนเอง
เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดี ยึดทรัพย์ของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา มาขายทอดตลาดได้ราคาพอสมควรแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่า การขายทอดตลาดได้เป็นไปโดยไม่สุจริต และเวลาก็ล่วงเลยไปถึง 17 วันแล้ว จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลขายทอดตลาดใหม่โดยอ้างว่า ขายได้ราคาต่ำมาก และจำเลยกับภรรยาถูกผู้อื่นหลอกลวงไม่ให้ไปสู้ราคา ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1562/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ที่ยึดได้ แม้จำเลยยังอยู่ในระหว่างปฏิบัติตามคำบังคับ
ไม่มีบทบัญญัติใดที่จะห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในระหว่างที่จำเลยจะปฏิบัติตามคำบังคับอยู่ยื่นขอส่วนเฉลี่ยจากเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่นำยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ไว้แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1562/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ แม้จำเลยยังอยู่ในระหว่างปฏิบัติตามคำบังคับ
ไม่มีบทบัญญัติใดที่จะห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในระหว่างที่จำเลยจะปฏิบัติตามคำบังคับอยู่ ยื่นขอส่วนเฉลี่ยจากเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่นำยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ไว้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตที่ดินพิพาท การซื้อขาย และสิทธิครอบครอง การรุกล้ำพื้นที่
เพียงแต่ชายคาเรือนยื่นเกินจากแนวเขตที่ดินของตนเข้าไปในที่ดินของผู้อื่น หาทำให้ที่ดินใต้ชายคาเป็นสิทธิแก่เจ้าของเรือนในทางครอบครองไม่