คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุลยทรรศน์ปฏิภาณ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,005 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสินเดิมให้ผู้อื่นโดยความยินยอมของคู่สมรส และการใช้สินสมรสชดใช้สินเดิม
การที่สามีโอนสินเดิมของตนให้ผู้อื่นด้วยความรู้เห็นยินยอมของภรรยา ภายหลังทรัพย์นั้นกลับมาเป็นของสามีอีกดังนี้แม้จะถือว่าทรัพย์นั้นเป็นสินสมรสเพราะได้โอนเด็ดขาดไปแล้วก็ต้องเอาสินสมรสมาใช้ทดแทนสินเดิมตาม ป.พ.พ. ม.1473,1513,1514

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินเดิมแปลงเป็นสินสมรส: การใช้สินสมรสทดแทนสินเดิมที่โอนด้วยความยินยอม
การที่สามีโอนสินเดิมของตนให้ผู้อื่นด้วยความรู้เห็นยินยอมของภรรยาภายหลังทรัพย์นั้นกลับมาเป็นของสามีอีกดังนี้แม้จะถือว่าทรัพย์นั้นเป็นสินสมรสเพราะได้โอนเด็ดขาดไปแล้วก็ต้องเอาสินสมรสมาใช้ทดแทนสินเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1473,1513,1514

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความแตกต่างวันเวลานับตามสุริยคติและจันทรคติไม่กระทบต่อข้อเท็จจริงในฟ้อง การรับฟังพยานหลักฐานต้องมีน้ำหนักพอสมควร
เจ้าทุกข์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดวันที่ 6 พ.ค.97 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงซึ่งตรงกับวันขึ้น 4 ค่ำเดือน 6 แต่ผู้เสียหายและพยานโจทก์ว่าเกิดเหตุเวลากลางคืนขึ้น 3 ค่ำ เดือน 6 ตรงกับวันที่ 5 พ.ค.97
เมื่อคดีได้ความว่าที่ต่างกันนี้เพราะในบรรยายฟ้องโจทก์นับวันเวลาตามสุริยคติคือนับต่อจาก 24.00 น. เป็นเวลากลางคืนก่อนเที่ยงไปจนถึง 6.00 น. เป็นอีกวันหนึ่ง แต่ชพยานโจทก์ให้การตามวิธีนับทางจันทรคติสิ้นสุดลงในเวลาย่ำรุ่ง เมื่อคดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 พ.ค.97 และเวลา 2 ยามไปแล้ว จึงตรงกับวันที่ 6 พ.ค.97 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความถูกต้องของวันเวลากระทำผิดและการรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดวันที่ 6 พ.ค. 97 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงซึ่งตรงกับวันขึ้น 4 ค่ำเดือน 6 แต่ผู้เสียหายและพยานโจทก์ว่าเหตุเกิดเวลากลางคืนขึ้น 3 ค่ำ เดือน 6 ตรงกับ วันที่ 5 พ.ค. 97
เมื่อคดีได้ความว่าที่ต่างกันนี้เพราะในบรรยายฟ้องโจทก์นับวันเวลาตามสุริยคติคือนับต่อจาก 24.00 น. เป็นเวลากลางคืนก่อนเที่ยงไปจนถึง 6.00 น. เป็นอีกวันหนึ่ง แต่พยานโจทก์ให้การตามวิธีนับทางจันทรคติสิ้นสุดลงในเวลาย่ำรุ่งเมื่อคดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 97และเวลา 2 ยามไปแล้ว จึงตรงกับวันที่ 6 พ.ค. 97เวลากลางคืนก่อนเที่ยงข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คสั่งจ่าย-การโอนสิทธิ-การรับผิดของผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลัง
ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คสั่งจ่ายเงินล่วงหน้าให้แก่โรงงานฝ้ายกรุงเทพฯ ๆ สลักหลังโอนให้โจทก์ ๆ ผู้ทรงเช็คได้รับไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนแล้วถือว่าเช็คนั้นย่อมสมบูรณ์ จำเลยจะยกข้อต่อสู้ในเรื่องที่โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมกับบริษัทโรงงานฝ้ายกรุงเทพฯ ผู้โอนเช็คขึ้นมาต่อสู้มิได้ เพราะในหลักเรื่องตั๋วเงินมีว่าผู้รับโอนย่อมมีอำนาจดีกว่าผู้โอนเช็คให้ผู้โอนมีอำนาจดีกว่าผู้รับโอน ดังนั้นผู้สั่งจ่ายเช็คและผู้สลักหลังย่อมรับผิดต่อผู้ทรงเช็คคือโจทก์ เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้เงินตามเช็คเต็มจำนวนแล้ว โจทก์มีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากจำเลยได้ ทั้งมิใช่เป็นการแปลงหนี้ตามความใน ป.พ.พ. ม.349 เพราะระหว่างโจทก์และบริษัทโรงงานฝ้ายมิได้ทำสัญญาเปลี่ยนซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ที่โรงงานฝ้ายโอนเช็คใช้ให้ครบจำนวนแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่เรียกเงินจากจำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คได้อีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้รับโอนตั๋วเงินดีกว่าผู้โอน ผู้สั่งจ่ายเช็คต้องรับผิดชอบแม้มีข้อพิพาทกับผู้โอน
ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คสั่งจ่ายเงินลงวันล่วงหน้าให้แก่บริษัทโรงงานฝ้ายกรุงเทพฯๆ สลักหลังโอนให้โจทก์ๆ ผู้ทรงเช็คได้รับไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนแล้วถือว่าเช็คนั้นย่อมสมบูรณ์จำเลยจะยกข้อต่อสู้ในเรื่องที่โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมกับบริษัทโรงงานฝ้ายกรุงเทพฯ ผู้โอนเช็คขึ้นมาต่อสู้มิได้เพราะในหลักเรื่องตั๋วเงินมีว่าผู้รับโอนย่อมมีอำนาจดีกว่าผู้โอนหาใช่ผู้โอนมีอำนาจดีกว่าผู้รับโอนดังนั้นผู้สั่งจ่ายเช็คและผู้สลักหลังยอมรับผิดต่อผู้ทรงเช็คคือโจทก์เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้เงินตามเช็คเต็มจำนวนแล้วโจทก์มีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากจำเลยได้ ทั้งมิใช่เป็นการแปลงหนี้ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา349 เพราะระหว่างโจทก์และบริษัทโรงงานฝ้ายมิได้ทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ยังคงปฏิบัติถือตามหนี้เดิมอยู่
แต่เมื่อได้ความว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้ที่โรงงานฝ้ายโอนเช็คใช้ให้ครบจำนวนแล้วโจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่เรียกเงินจากจำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 572/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญาฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต การแจ้งรายละเอียดประกาศทางราชการในฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต โดยกล่าวในฟ้องว่าประกาศของกระทรวงเกษตรได้คัดสำเนาปิดไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอที่ว่าการกำนันและที่สาธารณะแล้วนั้นเป็นฟ้องที่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158 แล้ว ไม่จำต้องมีสำเนาประกาศแนบมาท้ายฟ้องด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 572/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาที่อ้างถึงประกาศกระทรวงเกษตร การแจ้งการปิดประกาศ และการแนบสำเนา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต โดยกล่าวในฟ้องว่าประกาศของกระทรวงเกษตรได้คัดสำเนาปิดไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอ ที่ว่าการกำนันและที่สาธารณะแล้วนั้น เป็นฟ้องที่ชอบด้วย วิ.อาญา ม.158 แล้ว ไม่จำเต้องมีสำเนาประกาศแนบมาท้ายฟ้องด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุกรุกเคหสถานและการลักทรัพย์: ศาลฎีกาพิจารณาจากพฤติการณ์และเจตนาของผู้กระทำผิด
เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจเข้าไปในเคหะสถานที่อยู่อาศัยของนางสินโดยเจ้าของมิได้อนุญาตให้เข้าไปแล้วลักเอาสร้อยคอ 1 เส้นราคา 600 บาท ของนางสินไปโดยใช้กริยาฉกฉวยพาหนีไปต่หน้า ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.อาญา ม.294,297,60
ดังนี้แม้ข้อเท็จจริงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยยืนเมาสุราแล้วถือวิสาสะเข้าไปลวนลามเจ้าทรัพย์จำเลยไม่มีเถยยะจิตต์คิดจะเอาทรัพย์แต่อย่างใด แต่จำเลยรับว่าได้เข้าไปในเคหะของเจ้าทรัพย์จริงและไม่ได้ฟังว่าเจ้าทรัพย์เรียกจำเลยเข้าไปคุยด้วย ก็ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกตาม ม.329(2) ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุกรุกเคหะสถานและการลดโทษจากบาดเจ็บและรับสารภาพ
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยบังอาจเข้าไปในเคหะสถานที่อยู่อาศัยของนางสินโดยเจ้าของมิได้อนุญาตให้เข้าไปแล้วลักเอาสร้อยคอ 1 เส้นราคา 600 บาทของนางสินไปโดยใช้กริยาฉกฉวยพาหนีไปต่อหน้าขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา294,297,60
ดังนี้แม้ข้อเท็จจริงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยมึนเมาสุราแล้วถือวิสาสะเข้าไปลวนลามเจ้าทรัพย์จำเลยไม่มีเถยยะจิตต์คิดจะเอาทรัพย์แต่อย่างใดแต่จำเลยรับว่าได้เข้าไปในเคหะของเจ้าทรัพย์จริงและฟังไม่ได้ว่าเจ้าทรัพย์เรียกจำเลยเข้าไปคุยด้วย ก็ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกตามมาตรา 329(2) ได้
of 101