คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุลยทรรศน์ปฏิภาณ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,005 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1841/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เช่าเพียรชำระค่าเช่าแต่ผู้ให้เช่าไม่รับ การฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างจึงไม่ชอบ และการละเมิดเริ่มเมื่อทราบมติควบคุมค่าเช่า
ผู้เช่าเพียรชำระค่าเช่าแก่ผู้ให้เช่าผู้ให้เช่าไม่รับและบอกว่ายังไม่ให้ชำระดังนี้ ยังเรียกไม่ได้ว่าผู้เช่าผิดนัด จู่ๆ ผู้ให้เช่าจะมาขอให้ศาลบังคับให้ไม่ได้
ในเรื่องค่าเช่าฟ้องบรรยายว่าได้เลิกสัญญาเช่าแล้วผู้เช่าไม่ยอมออกขอเรียกค่าเสียหาย 2,000 บาท และค่าเช่ารวม 180 บาท ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
กรณีที่มีมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ ให้ผู้เช่าออกจากห้องเช่า ผู้เช่าจะละเมิดก็ต่อเมื่อได้ทราบมตินั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์เจตนาจำหน่ายธนบัตรปลอม: พฤติการณ์ประกอบสำคัญกว่าการมีเพียงการครอบครอง
ในคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่ที่จะนำสืบพิศูจน์ความผิดของจำเลย แต่ความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 203(3) นั้น แยกเป็นสองฐาน คือฐานจำหน่ายธนบัตรปลอมโดยรู้และฐานมีไว้เพื่อจำหน่าย ความผิดฐานแรกโจทก์ต้องนำสืบถึงการจำหน่ายด้วย ความผิดฐานหลังนำสืบแต่เพียงว่ามีไว้เพื่อจะจำหน่ายก็เป็นความผิดได้แล้ว
การจะวินิจฉัยว่ามีธนบัตรปลอมไว้เพื่อจะจำหน่ายหรือเพื่ออย่างใดนั้นต้องประมวลพฤติการณ์ทั้งหลายที่ปรากฎในสำนวนประกอบแล้ววินิจฉัยเป็นเรื่อง ๆ ไป พฤติการณ์ที่จำเลยแสดงตนเป็นพระภิกษุแต่ใบสุทธิเป็นที่สงสัย ทำตนเป็นคนหากินทางขายเครื่องรางในวัด เจ้าอาวาสในวัดห้ามไม่ฟัง มีธนบัตรปลอมชนิดฉบับละ 100 บาท 7 ฉบับในตัว ห่อไว้ต่างหากแยกจากห่อธนบัตรดี ดังนี้เป็นการเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยรู้ว่าเป็นธนบัตรปลอมและมีไว้เพื่อจำหน่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานมีธนบัตรปลอมไว้เพื่อจำหน่าย: พฤติการณ์สำคัญประกอบการวินิจฉัย
ในคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่ที่จะนำสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลย แต่ความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 203(3) นั้นแยกเป็นสองฐาน คือฐานจำหน่ายธนบัตรปลอมโดยรู้และฐานมีไว้เพื่อจำหน่าย ความผิดฐานแรกโจทก์ต้องนำสืบถึงการจำหน่ายด้วย ความผิดฐานหลังนำสืบแต่เพียงว่ามีไว้เพื่อจะจำหน่ายก็เป็นความผิดได้แล้ว
การจะวินิจฉัยว่ามีธนบัตรปลอมไว้เพื่อจะจำหน่ายหรือเพื่ออย่างใดนั้นต้องประมวลพฤติการณ์ทั้งหลายที่ปรากฏในสำนวนประกอบแล้ววินิจฉัยเป็นเรื่องๆ ไป พฤติการณ์ที่จำเลยแสดงตนเป็นพระภิกษุแต่ใบสุทธิเป็นที่สงสัย ทำตนเป็นคนหากินทางขายเครื่องรางในวัด เจ้าอาวาสในวัดห้ามไม่ฟัง มีธนบัตรปลอมชนิดฉบับละ 100 บาท7 ฉบับในตัว ห่อไว้ต่างหากแยกจากห่อธนบัตรดี ดังนี้เป็นการเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยรู้ว่าเป็นธนบัตรปลอมและมีไว้เพื่อจำหน่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำแนกความผิดฐานลักทรัพย์ตามเหตุพิเศษและโทษที่แตกต่างกัน
ในเรื่องลักทรัพย์ กฎหมายจำแนกความผิดและกำหนดโทษหนักเบาต่างกันสุดแต่ว่าจะมีเหตุพิเศษตามที่กฎหมายกำหนดไว้
เมื่อจำเลยลักทรัพย์ของนายจ้างในเวลาค่ำคืน การกระทำของจำเลยต้องด้วยมาตรา 294 ข้อ 5 ซึ่งเป็นเหตุพิเศษประกอบกับตัวทรัพย์ที่ถูกลักและประกอบด้วย มาตรา 293 ข้อ 1 อันเป็นเหตุพิเศษประกอบอาการแห่งการลักทรัพย์นั้นด้วย จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 294 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำแนกความผิดฐานลักทรัพย์ตามเหตุพิเศษและลักษณะการกระทำ
ในเรื่องลักทรัพย์ กฎหมายจำแนกความผิดและกำหนดโทษหนักเบาต่างกันสุดแต่ว่าจะมีเหตุพิเศษตามที่กฎหมายกำหนดไว้ เมื่อจำเลยลักทรัพย์ของนายจ้างในเวลาค่ำคืน การกระทำของจำเลยต้องด้วยม.294 ข้อ 5 ซึ่งเป็นเหตุพิเศษประกอบกับตัวทรัพย์ที่ถูกลักและประกอบกับตัวทรัพย์ที่ถูกลักและประกอบด้วย ม.293 ข้อ 1 อันเป็นเหตุพิเศษประกอบอาการแห่งการลักทรัพย์นั้นด้วย จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 294 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1687/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งสิทธิครอบครองโดยการขอรับมรดก ถือเป็นการฟ้องร้องได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ขายที่ดินมีโฉนดแต่มีชื่อบุตรจำเลยเป็นเจ้าของให้แก่โจทก์ด้วยปากเปล่าโจทก์ได้ครอบครองเป็นเจ้าของมา 16 ปี บุตรจำเลยคนหนึ่งถึงแก่ความตาย จำเลยจึงไปประกาศขอรับมรดก แม้จำเลยจะต่อสู้ว่าที่ดินเป็นของบุตรจำเลยก็ตาม ก็ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1687/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งสิทธิครอบครองโดยการขอรับมรดก ถือเป็นการฟ้องร้องได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ขายที่ดินมีโฉนดแต่มีชื่อบุตรจำเลยเป็นเจ้าของให้แก่โจทก์ด้วยปากเปล่า โจทก์ได้ครอบครองเป็นเจ้าของมา 16 ปี บุตรจำเลยคนหนึ่งถึงแก่ความตาย จำเลยจึงไปประกาศขอรับมรดก แม้จำเลยจะต่อสู้ว่าที่ดินเป็นของบุตรจำเลยก็ตาม ก็ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าห้องแถวเพื่อประกอบการค้าขนาดใหญ่ มิใช่เคหะ จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
ห้องแถวพิพาทอยู่ห่างตลาดประมาณ 50 เมตรผู้เช่าได้จดทะเบียนพาณิชย์ประกอบการค้าเครื่องดื่มต่างๆ อาหารและสุรายาสูบ มีลูกจ้างในการค้า 2 คน และยังมีอีกคนหนึ่งทำหน้าที่ขายอาหารแบ่งผลกำไรกับผู้เช่า ห้องพิพาทจึงเป็นร้านค้าโดยตรง ไม่ใช่เป็นการค้าขายเล็กๆ น้อยๆในครอบครัว จึงไม่เป็นเคหะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักษณะเคหะเพื่อการคุ้มครองสัญญาเช่า: การประกอบการค้าเป็นอาชีพย่อมไม่ถือเป็นเคหะ
ห้องแถวพิพาทอยู่ห่างตลาดประมาณ 50 เมตร์ผู้เช่าได้จดทะเบียนพาณิชย์ประกอบการค้าเครื่องดื่มต่าง ๆ อาหารและสุรายาสูบ มีลูกจ้างในการค้า 2 คน และยังมีอีกคนหนึ่งทำหน้าที่ขายอาหารแบ่งผลกำไรกับผู้เช่า ห้องพิพาทจึงเป็นร้านค้าโดยตรง ไม่ใช่เป็นการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ในครอบครัว จึงไม่เป็นเคหะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของร่วมในทรัพย์สินที่ถูกยึด ไม่อำนาจร้องขอปล่อยทรัพย์ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.288
เจ้าของร่วมคนหนึ่งในทรัพย์สินที่ถูกยึดจะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดตาม ป.วิ.แพ่ง 288 ไม่ได้
of 101