คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุลยทรรศน์ปฏิภาณ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,005 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการสินสมรสและการพิสูจน์การสมยอมซื้อขาย หากอ้างเป็นโมฆะ ผู้กล่าวอ้างต้องมีหน้าที่พิสูจน์
สามีเป็นผู้จัดการและมีอำนาจจำหน่ายสินบริคนห์ตาม ป.พ.พ.ม.1468,1473 เมื่อภริยาอ้างว่าการซื้อขายสินบริคนห์ระหว่างสามีกับผู้ซื้อเป็นการสมยอมกันเป็นโมฆะ ภริยาผู้อ้างก็มีหน้าที่จะต้องนำสืบให้ได้ความตามนั้น จึงจะชนะคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1489/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขีดฆ่าในพินัยกรรมไม่ทำให้พินัยกรรมเป็นโมฆะ หากมิใช่สาระสำคัญ
การขีดฆ่าอันมิใช่สารสำคัญในพินัยกรรม โดยไม่มีลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมกำกับ ใช้ไม่ได้เฉพาะที่ขีดฆ่า ไม่ทำให้พินัยกรรมเสียไปทั้งฉบับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1488/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินริมน้ำ, การงอกของที่ดิน, ตลิ่งพัง, ทางน้ำสาธารณะ: การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดินริมน้ำและผลกระทบต่อกรรมสิทธิ์
ที่ดินในโฉนด ถ้าตลิ่งพังก็ย่อมกลายสภาพเป็นทางน้ำสาธารณะ
ทรายมูลเกิดขึ้นกลางน้ำหน้าที่ดินแต่มีร่องน้ำคั่นไม่ใช่ที่งอกอันจะเป็นของเจ้าของ ของที่ดินริมตลิ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483-1484/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดินเช่า แม้มีเจตนาสร้างศาลา แต่กระทำโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ถือเป็นการขัดขวางการครอบครอง
จำเลยรับว่าผู้มีชื่อเช่าที่พิพาทจากวัดและจำเลยได้เข้าไปขุดหลุมตอกหลักในที่พิพาทโดยไม่ได้ของอนุญาตจากผู้เช่า ๆ ทักท้วงจำเลยกับพวกก็ไม่ฟัง ดังนี้แม้จำเลยจะเข้าไปทำด้วยความศรัทธาเพื่อปลูกสร้างศาลาธรรมสังเวช เมื่อจำเลยบังอาจยึดถือเอาที่พิพาทปลูกศาลาโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายแต่ประการใด เช่นนี้เรียกว่าเจตนากระทำให้วัดและผู้เช่าครอบครองที่พิพาทโดยไม่ปกติสุข ตามมาตรา 327 และไม่ใช่เป็นการแย่งกรรมสิทธิทางแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483-1484/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดินเช่า: เจตนาเข้ายึดครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดฐานบุกรุกตามกฎหมายอาญา
จำเลยรับว่าผู้มีชื่อเช่าที่พิพาทจากวัดและจำเลยได้เข้าไปขุดหลุมตอกหลักในที่พิพาทโดยไม่ได้ขออนุญาตจากผู้เช่าผู้เช่าทักท้วงจำเลยกับพวกก็ไม่ฟัง ดังนี้แม้จำเลยจะเข้าไปทำด้วยความศรัทธาเพื่อปลูกสร้างศาลาธรรมสังเวช เมื่อจำเลยบังอาจยึดถือเอาที่พิพาทปลูกศาลาโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายแต่ประการใด เช่นนี้เรียกว่าเจตนากระทำให้วัดและผู้เช่าครอบครองที่พิพาทโดยไม่ปกติสุข ตามมาตรา 327 และไม่ใช่เป็นการแย่งกรรมสิทธิทางแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474-1475/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ค่าทนายความ: เจ้าหนี้ร่วม ลูกหนี้เลือกชำระได้
หนี้เงินค่าทนายที่ศาลสั่งไว้ในคำพิพากษาให้ผู้แพ้คดีชำระให้แก่ผู้ชนะคดีนั้น เป็นหนี้ร่วม ลูกหนี้จะเลือกชำระให้แก่เจ้าหนี้ร่วมคนใดคนหนึ่งก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ พิจารณาจากเจตนาการเช่าและลักษณะการอยู่อาศัยของครอบครัว
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นมารดาของจำเลยที่ 1 ลงในทะเบียนสำมะโนครัวว่าเจ้าบ้านห้องพิพาทและมีบุตรหลานภริยาของจำเลยที่ 1 ร่วมอาศัยอยู่ด้วย แม้จำเลยที่1 จะได้ซื้อห้องใหม่ไว้อีกแห่งหนึ่งแล้วแต่ยังคงไปๆมาๆในห้องพิพาทและในสัญญาเช่าจำเลยที่ 1ก็เป็นผู้เช่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในห้องพิพาทนี้ล้วนเกี่ยวดองอยู่ในครอบครัวของจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น ดังนี้จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
และการที่จำเลยที่ 1 เคยเอาหมูไปพักไว้ในที่พิพาทเป็นการชั่วคราวหรือเลี้ยงเป็ดไก่ ดังนี้ไม่เรียกว่าจำเลยประกอบการค้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมเช่าในภาวะคับขันเมื่อมีการอยู่อาศัยร่วมกันของครอบครัว และไม่ได้ประกอบการค้า
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นมารดาของจำเลยที่ 1 ลงในทะเบียนสำมะโนครัวว่าเจ้าบ้านห้องพิพาทและมีบุตรหลานภริยาของจำเลยที่ 1 ร่วมอาศัยอยู่ด้วย แม้จำเลยที่ 1 จะได้ซื้อห้องใหม่ไว้อีกแห่งหนึ่งแล้วแต่ยังคงไป ๆ มา ๆ ในห้องพิพาทและในสัญญาเช่าจำเลยที่ 1 ก็เป็นผู้เช่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในห้องพิพาทนี้ส่วนเกี่ยวดองอยู่ในครอบครัวของจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น ดังนี้ จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมเช่าในภาวะคับขัน
และการที่จำเลยที่ 1 เคยเอาหมูไปพักไว้ในที่พิพาทเป็นการชั่วคราวหรือเลี้ยงเป็ดไก่ ดังนี้ไม่เรียกว่าจำเลยประกอบกาค้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นโมฆะ และสิทธิในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่น
บิดาเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับบุตร แล้วบิดาได้ทำสัญญากู้เงินจากผู้อื่นโดยนำที่ดินให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ และกล่าวว่าถ้าไม่นำต้นเงินมาส่งภายในกำหนดเวลายอมยกที่ดินให้เป็นสิทธิตลอดไปซึ่งในกรณีนี้มีเพียง 3 เดือน ดังนี้ย่อมเป็นการทำสัญญาซื้อขาย เมื่อคู่สัญญามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว สัญญาย่อมเป็นโมฆะ ผู้ให้กู้จะอ้างสิทธิอย่างใดในที่ดินนั้นไม่ได้ บุตรย่อมเรียกร้องเอาที่ดินคืนได้
เมื่อผู้ครอบครองที่ดินของผู้อื่นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นแล้วปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกลงในที่ดินโดยอ้างว่าปลูกทำลงโดยสุจริตไม่ได้ รูปคดีต้องด้วย ม.1311 และเมื่อเจ้าของที่ดินแสดงได้ว่าตนมิได้ประมาทเลิ่นเล่อ เจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตาม ม.1310

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นโมฆะ เจ้าของมีสิทธิเรียกคืนและบังคับรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
บิดาเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับบุตร แล้วบิดาได้ทำสัญญากู้เงินจากผู้อื่นโดยนำที่ดินให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ และกล่าวว่าถ้าไม่นำต้นเงินมาส่งภายในกำหนดเวลายอมยกที่ดินให้เป็นสิทธิตลอดไปซึ่งในกรณีนี้มีเพียง 3 เดือน ดังนี้ย่อมเป็นการทำสัญญาซื้อขายเมื่อคู่สัญญามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว สัญญาย่อมเป็นโมฆะ ผู้ให้กู้จะอ้างสิทธิอย่างใดในที่ดินนั้นไม่ได้ บุตรย่อมเรียกร้องเอาที่ดินคืนได้
เมื่อผู้ครอบครองที่ดินของผู้อื่นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นแล้วปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกลงในที่ดินโดยอ้างว่าปลูกทำลงโดยสุจริตไม่ได้รูปคดีต้องด้วย มาตรา 1311 และเมื่อเจ้าของที่ดินแสดงได้ว่าตนมิได้ประมาทเลินเล่อ เจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตาม มาตรา 1310
of 101