คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 320

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1981/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ยักยอกเงิน: การฟ้องคดีอาญาแผ่นดินแม้ต่อมาเป็นความผิดอันยอมกันได้
ผู้ควบคุมการไฟฟ้าเทศบาลได้มอบหมายให้จำเลยซึ่งเป็นช่างสายให้ช่วยเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าด้วย เช่นนี้ถือว่า ในเรื่องการเก็บเงินดังที่ได้รับมอบหมายถือว่าเป็นหน้าที่ ฉะนั้นเมื่อจำเลยยักยอกเอาเงินนั้นไป ก็ฟ้องจำเลยได้โดยไม่ต้องมอบอำนาจให้ฟ้อง
เมื่อใช้ประมวลกฎหมายอาญา แทนกฎหมายลักษณะอาญา ความผิดที่จำเลยถูกฟ้อง (ฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอก) เป็นความผิดอันยอมกันได้และต้องร้องทุกข์ก่อนตาม ม. 356, 96 ก็ไม่มีผลย้อนหลังกระทบกระทั่งการฟ้องคดีที่ได้ดำเนินมาโดยชอบแล้ว .

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1981/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่โดยการมอบหมายและการยักยอกเงิน: ความผิดอาญาแผ่นดินแม้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย
ผู้ควบคุมการไฟฟ้าเทศบาลได้มอบหมายให้จำเลยซึ่งเป็นช่างสายให้ช่วยเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าด้วย เช่นนี้ถือว่า ในเรื่องการเก็บเงินดังที่ได้รับมอบหมายถือว่าเป็นหน้าที่ ฉะนั้นเมื่อจำเลยยักยอกเอาเงินนั้นไปก็ฟ้องจำเลยได้โดยไม่ต้องมอบอำนาจให้ฟ้อง
เมื่อใช้ประมวลกฎหมายอาญาแทนกฎหมายลักษณะอาญาความผิดที่จำเลยถูกฟ้อง(ฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอก) เป็นความผิดอันยอมกันได้และต้องร้องทุกข์ก่อน ตาม มาตรา 356,96 ก็ไม่มีผลย้อนหลังกระทบกระทั่งการฟ้องคดีที่ได้ดำเนินมาโดยชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริต, ยักยอกทรัพย์, จดทะเบียนเท็จ: ความผิดตามมาตรา 230 และการสมคบกระทำผิด
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 เป็นพนักงานสังกัดกรมการสัตว์ทหารบก จำเลยที่ 1 เป็นผู้แก้เลขจำนวนของ(ผ้าสีกากีนวล) ในต้นขั้วใบสั่งจ่าย(จาก 107 ผืนเป็น 307 ผืน) และจำเลยที่ 1 ได้ยักยอกผ้ากากีนวลปูนอนที่เจ้าหน้าที่กองคลังจ่ายเกิน (200 ผืนตามจำนวนที่แก้) จากฎีกาที่ตั้งเบิกไปนั้นเสีย ดังนี้เมื่อจำเลยที่3 ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและจดบัญชีสิ่งของ(แอ๊กมี่2) กับเขียนต้นขั้วใบสั่งจ่ายใบสั่งจ่ายของ ใบนำออกและใบแจ้งจำนวนได้คิดราคาผ้าใส่ไว้ในต้นขั้วใบสั่งจ่ายและใบสั่งจ่ายเป็นเงิน 5076 บาทอันเป็นราคาของผ้าจำนวน 307 ผืนตั้งแต่แรก และเมื่อลงบัญชีแอ๊กมี่2จำเลยที่ 3 ยังเอาความเท็จมาแทงจำหน่ายว่าได้จ่ายผ้าให้กรมการสัตว์ทหารบกไป 307 ผืนราคา 5,176 บาท ให้ตรงกันอีกโดยไม่มีข้อแก้ตัว ดังนี้จำเลยที่ 3 ได้ชื่อว่าสมคบกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิด
อนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 3 รู้อยู่ว่าฎีกา (ที่2/2495) ของกรมการสัตว์ทหารบกได้รับอนุญาตให้เบิกผ้าสีกากีนวลปูนอนได้เพียง 107 ผืน แต่จำเลยที่ 3 กลับนำความซึ่งรู้อยู่ว่าเท็จมาจดลงในใบสั่งจ่ายของและบัญชีแอ๊กมี่2ว่าได้จ่ายผ้าสีกากีนวลปูนอนให้กรมการสัตว์ทหารบก 307 ผืนเช่นนี้ จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดตามมาตรา 230 ไม่ใช่ตามมาตรา 133 เพราะจำเลยที่ 3 ไม่ใช่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดๆ แล้วไปกระทำการเกี่ยวข้องหาผลประโยชน์หรือกำไรโดยเอาส่วนลดและกำไรในการซื้อขายหรือเข้าหุ้นส่วนกันซื้อ และไม่ใช่ตามมาตรา 317 ที่โจทก์อ้าง
ความผิดของจำเลยที่ 3 ตามมาตรา 230 นั้นมิใช่ทำต่อทรัพย์ของรัฐบาลที่จำเลยที่ 1 เอาไป จึงไม่ต้องด้วยมาตรา 89 พระราชบัญญัติพระธรรมนูญศาลทหาร 2477 ดังนี้ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยที่ 3 ใช้ราคาทรัพย์ตามที่โจทก์ขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริตออกใบสั่งจ่ายเกินจำนวนจริง และยักยอกทรัพย์ของรัฐ
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 เป็นพนักงานสังกัดกรมการสัตว์ทหารลก จำเลยที่ 1 เป็นผู้แก้เลขจำนวนของ(ผ้าสีกาดีนวล) ในต้นขั้วใบสั่งจ่าย (จาก 107 ผืนเป็น 307 ผืน) และจำเลยที่ 1 ได้ยักยอกผ้ากากีนวลปุนอนที่เจ้าหน้าที่กองคลังจ่ายเกิน(200 ฝืนตามจำนวนที่แก้) จากฎีกาที่ตั้งเบิกไปนั้นเสีย ดังนี้เมื่อจำเลยที่ 3 ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและจดบัญชีสิ่งของ( แอ๊กมี่ 2) กับเขียนต้นขั้วใบสั่งจ่ายของ ใบนำออกและใบสั่งจ่ายเป็นเงิน 5,176 บาทอันเป็นราคาของผ้าจำนวน 307 ผืนตั้งแต่แรก และเมื่อลงบัญชีแอ๊กมี่ 2 จำเลยที่ 3 ยังเอาความเท็จมาแทงจำหน่ายว่าได้จ่ายผ้าให้กรมการสัตว์ทหารบกไป 307 ผืนราคา 5,176 บาทให้ตรงกันอีกโดยไม่มีข้อแก้ตัวดังนี้จำเลยที่ 3 ได้ชื่อว่าสมคบจำเลยที่ 1 กระทำความผิด
อนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 3 รู้อยู่ว่าฎีกา(ที่ 2/2495) ของกรมการสัตว์ทหารบกได้รับอนุญาตให้เบิกผ้าสีกากีนวลปูนอนได้เพียง 107 ผืน แต่จำเลยที่ 3 กลับนำความซึ่งรู้อยู่ว่าเท็จมาจดลงในใบสั่งจ่ายของและบัญชีแอ๊กมี่ 2 ว่าได้จ่ายผ้าสีกากีนวลปูนอนให้กรมการสัตว์ทหารบก 307 ผืนเช่นนี้จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดตามมาตรา 230 ไม่ใช่ตามมาตรา 133 เพราะจำเลยที่ 3 ไม่ใช่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด ๆ แล้วไปกระทำการเกี่ยวข้อหาผลประโยชน์หรือกำไรโดยเอาส่วนลดและกำไรในการซื้อขายหรือเข้าหุ้นส่วนกับผู้ซื้อ และไม่ใช่ตามมาตรา 317 ที่โจทก์อ้าง
ความผิดของจำเลยที่ 3 คาน ม.230 นั้นมิใช่ทำต่อทรัพย์ของรัฐบาลที่จำเลยที่ 1 เอาไป จึงไม่ต้องด้วย ม.89 พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร 2477 ดังนี้ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยที่ 3 ใช้ราคาทรัพย์ตามที่โจทก์ขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดยักยอกทรัพย์หุ้นส่วนและการถอนฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน อัยการไม่มีอำนาจดำเนินคดีต่อหากผู้เสียหายถอนฟ้อง
คำบรรยายฟ้องว่า จำเลยกับโจทก์ร่วมเข้าหุ้นส่วนกันเพื่อซื้อไม้หมอนรถไฟขายแก่บริษัทพันธมิตรจำกัด ไม่ปรากฏว่าได้จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำเลยเป็นผู้เก็บรักษาเงินและเป็นผู้จัดการงาน และผู้เป็นหุ้นส่วนได้ร้องทุกข์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกเงินของหุ้นส่วน ดังนี้ คดีไม่ต้องลักษณะของความผิด ตามมาตรา 319(2)(3) แห่งกฎหมายลักษณะอาญา
ความผิดในข้อ 2 และ 3 แห่งมาตรา 319 กฎหมายลักษณะอาญานั้น เป็นความผิดที่กระทำในกิจการเกี่ยวแก่ความไว้วางใจของสาธารณชน มิใช่จำกัดความไว้วางใจโดยเฉพาะผู้เสียหาย ฉะนั้นจึงเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน
ในคำฟ้องของอัยการโจทก์อ้างมาตรา 314,319 เมื่อคำบรรยายฟ้องของโจทก์ไม่เข้าลักษณะความผิดตามมาตรา 319 แต่เป็นความผิดตามมาตรา 314 และผู้เสียหายได้ยอมความขอให้ถอนคดีแล้ว อัยการก็ไม่มีอำนาจจะดำเนินคดีต่อไป ต้องจำหน่ายคดีเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์: การบรรยายความผิดและช่วงเวลากระทำผิดในฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยหลอกลวงให้เขาส่งทรัพย์ให้โดยมีเจตนาฉ้อโกงหรือมิฉะนั้นจำเลยคิดทุจริตยักยอกทรัพย์ที่เขามอบให้ ขอให้ลงโทษตาม มาตรา 304,314 ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฟ้องเรื่องยักยอกหรือฉ้อโกงโจทก์หาว่าจำเลยกระทำผิดมาถึงวันก่อนฟ้องเดือนเศษ แม้ไม่ปรากฏว่ารู้เรื่องความผิดเมื่อไรก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2487

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน: ถอนได้เฉพาะก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาเท่านั้น
คดีอาญาแผ่นดิน โจทก์ถอนฟ้องได้ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาจะขอถอนฟ้องในชั้นศาลฎีกาไม่ได้ ได้แต่ขอถอนฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 873/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจร: โจทต้องพิสูจน์เจตนาผู้รับรู้ว่าเป็นของร้าย การคืนทรัพย์ที่ถูกลัก
ไนคดีเรื่องรับของโจรนั้นสาลจะยกเอาเหตุที่จำเลยสแดงกัมสิทธิไนทรัพย์ที่รับไว้ไม่ได้หรือที่ศาลไม่เชื่อข้อต่อสู้ของจำเลยเปนข้อชี้ว่าจำเลยได้ทำผิดถานรับของโจรไม่ได้ส่วนทรัพย์ของกลางเมื่อปรากตว่าเปนของเจ้าทรัพย์ที่ถูกผู้ร้ายลักไป แม้สาลจะฟังว่าจำเลยได้รับไว้โดยไม่รู้ว่าเปนของร้าย ก็ต้องคืนไห้แก่เจ้าทรัพย์. ไนคดีเรื่องรับของโจรเปนหน้าที่โจทจะต้องสืบไห้ได้ความชัดว่าจำเลยได้รับทรัพย์ไว้โดยรู้หรือมีเหตุผลควนรู้ว่าเปนของร้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2485

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญา: เงินยักยอกของสุขศาลา คณะกรรมการอำเภอเป็นผู้เสียหาย
เงินที่นายอำเภอมอบให้จำเลยเป็นเงินของสุขศาลาซึ่งอยู่ในความควบคุมของคณะกรรมการอำเภอ จึงถือว่าคณะกรรมการอำเภอเป็นผู้เสียหายในเงินที่จำเลยรับมอบและยักยอกนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2482

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เสียหายในความผิดยักยอกทรัพย์ต้องเป็นผู้ถูกยักยอกทรัพย์โดยตรง ไม่ใช่ผู้เสียหายทางชื่อเสียง
ในความผิดฐานยักยอกบุคคลที่มิได้เป็นผู้เสียหายไม่มีอำนาจร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าว เสียหายในทางชื่อเสียงไม่ถือว่าเป็นผู้เสียหายตามกฏหมาย