คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 306

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 122/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงฐานะเท็จเพื่อฉ้อโกง: จำเลยแสดงตนเป็นผู้จัดการบริษัทแต่ไม่เข้าข่ายความผิดตาม ม.342(1) และหลอกลวงเฉพาะผู้เสียหายรายเดียว
1. จำเลยไม่ได้แสดงตนเป็นคนอื่น แต่เป็นเพียงแสดงฐานะของตนเองเป็นเท็จเท่านั้น ย่อมไม่ผิดฐานแสดงตนเป็นคนอื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 (1)
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2505
2. จำเลยมิได้หลอกประชาชน หากแต่หลอกผู้เสียหายคนเดียวเท่านั้น ย่อมผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ไม่ใช่มาตรา 343 วรรคต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1230/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีอาญาก่อนมี พ.ร.บ.ศาลแขวง และการใช้บทกฎหมายที่หนักกว่าเป็นคุณแก่จำเลย
คดีอาญาเหตุเกิดและอยู่ในระหว่างสอบสวนของพนักงานสอบสวนก่อนใช้ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 อัยการโจทก์ย่อมมีอำนาจดำเนินคดีได้โดยไม่ต้องมีการไต่สวนมูลฟ้องในศาลแขวงก่อน
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดกว่ากฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 306 เพราะกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา306 มีกำหนดโทษจำคุกขั้นต่ำและอัตราปรับอย่างต่ำเป็นบทบังคับไว้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1230/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาก่อน พ.ร.บ.ศาลแขวง และการใช้บทกฎหมายที่หนักกว่าเป็นคุณแก่จำเลย
คดีอาญาเหตุเกิดและอยู่ในระหว่าง สอบสวนของพนักงานสอบสวนก่อนใช้ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวง ฯ พ.ศ. 2499 อัยการโจทก์ย่อมมีอำนาจดำเนินคดีได้โดยไม่ต้องมีการไต่สวนมูลฟ้องในศาลแขวงก่อน
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดกว่ากฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 306 เพราะกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 306 มีกำหนดโทษจำคุกขั้นต่ำและอัตราปรับอย่างต่ำเป็นบทบังคับไว้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1357/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญาฐานฉ้อโกง: ความครบถ้วนของฟ้องและการระบุเวลาที่กระทำผิด
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงโดยกล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2496 จำเลยเอาที่ดินซึ่งอ้างว่าเป็นของจำเลยมาประกันเงินกู้ โจทก์หลงเชื่อจึงให้จำเลยกู้เงินไป และจำเลยได้เขียนระบุที่ดินนั้นไว้ในสัญญากู้ด้วย ความจริงปรากฏต่อมาว่าที่ดินนั้นเป็นของผู้อื่น
สำหรับกรณีเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องระบุว่าเกิดเหตุเวลากลางวันหรือกลางคืน เพราะกิจการที่กล่าวอ้างในฟ้องเป็นเครื่องแสดงให้บังเกิดความหมายและเข้าใจได้แล้วซึ่งจำเลยเองก็มิได้ปฏิเสธความข้อนี้ และจำเลยยอมรับว่าได้ทำสัญญากู้ให้โจทก์ไว้จริงซึ่งหมายความทำกันในวันนั้น หากแต่โต้เถียงว่ามิได้หลอกลวงซึ่งเป็นข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งจะเรียกว่าโจทก์ฟ้องเคลือบคลุม (เพราะไม่มีเวลาเกิดเหตุ)ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1357/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฉ้อโกงที่ไม่จำเป็นต้องระบุเวลาทำผิด หากข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นช่วงเวลาของการกระทำได้ชัดเจน
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงโดยกล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2496 จำเลยเอาที่ดินซึ่งอ้างว่าเป็นของจำเลยมาประกันเงินกู้โจทก์หลงเชื่อจึงให้จำเลยกู้เงินไปและจำเลยได้เขียนระบุที่ดินนั้นไว้ในสัญญากู้ด้วย ความจริงปรากฎต่อมาว่าที่ดินนั้นเป็นของผู้อื่น
สำหรับกรณีเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องระบุว่าเกิดเหตุเวลากลางวันหรือกลางคืน เพราะกิจการที่กล่าวอ้างในฟ้องเป็นเครื่องแสดงให้บังเกิดความหมายและเข้าใจได้แล้วซึ่งจำเลยเองก็มิได้ปฏิเสธความข้อนี้ และจำเลยยอมรับว่าได้ทำสัญญากู้ให้โจทก์ไว้จริงซึ่งหมายความทำกันในวันนั้น หากแต่โต้เถียงว่ามิได้หลอกลวงซึ่งเป็นข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งจะเรียกว่าโจทก์ฟ้องเคลือบคลุม(เพราะไม่มีเวลาเกิดเหตุ) ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานหลอกลวงขายน้ำมนต์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ตามกฎหมาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า 'จำเลยใช้อุบายหลอกลวง โดยเอาความเท็จมากล่าวว่าจำเลยสามารถใช้วิทยาอาคมทำน้ำธรรมดาให้เป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หายได้ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดหลอกลวงให้พวกเจ้าทุกข์ส่งเงินให้แก่จำเลย'และว่า'จำเลยใช้อุบายหลอกลวงโดยเอาความเท็จมากล่าวว่าจำเลยมีความสามารถใช้วิทยาคมได้'
และว่า' จำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าน้ำมนต์ที่จำเลยทำสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หายได้' เหล่านี้ย่อมชัดแจ้งตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้องไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานหลอกลวงประชาชนด้วยการอ้างวิทยาคมและขายน้ำมนต์ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า "จำเลยใช้อุบายหลอกลวง โดยเอาความเท็จมากล่าวว่าจำเลยสามารถใช้วิทยาอาคมทำน้ำธรรมดาให้เป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หายได้ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดหลอกลวงให้พวกเจ้าทุกข์ส่งเงินให้แก่จำเลย"
และว่า "จำเลยใช้อุบายหลอกลวงโดยเอาความเท็จมากล่าวว่า จำเลยมีความสามารถใช้วิทยาคมได้"
และว่า "จำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าน้ำมนต์ที่จำเลยทำสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หายได้" เหล่านี้ย่อมชัดแจ้งตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้องไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสียหายจากการฉ้อโกงและการแจ้งความเท็จ อำนาจฟ้องของผู้ถูกหลอกลวง
จำเลยเอาที่ดินของโจทก์ไปจำนองไว้กับสหกรณ์โดยจำเลยใช้อุบายหลอกลวงกล่าวเท็จกับพนักงานสหกรณ์ว่าเป็นที่ดินของจำเลยพนักงานสหกรณ์หลงเชื่อจึงยอมรับจำนองที่ดินไว้ และจ่ายเงินแก่จำเลยไป ดังนี้ เป็นเรื่องจำเลยฉ้อโกงสหกรณ์ โจทก์ไม่ได้เป็นผู้ถูกหลอกลวงฉ้อโกง โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงได้ แต่ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ ต่อพนักงานสหกรณ์นั้น ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายเหมือนกันโจทก์จึงมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จ ต่อเจ้าพนักงานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตในการหลอกลวงขายของ ศาลพิจารณาจากคำฟ้องที่แสดงถึงความรู้ว่าข้อความเท็จ
ฟ้องของโจทก์แม้จะไม่ใช้ถ้อยคำดัง กฎหมายลักษณะอาญาบัญญัติไว้ในมาตรา 304,306 แต่เมื่อมีข้อความให้เข้าใจได้ดังนั้นก็เป็นการเพียงพอ
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยบังอาจใช้อุบายประกอบด้วยคำเท็จมากล่าวหลอกลวงบอกขายสายสร้อยคอทองคำ 3 สายว่าเป็นทองคำแท้ แก่เจ้าทรัพย์เป็นเงิน 1250 บาท เจ้าทรัพย์หลงเชื่อคำเท็จของจำเลยว่าเป็นทองดี จึงมอบเงินจำนวน 1250 บาทแก่จำเลยไป จำเลยได้รับเงินแล้ว ก็เอาไปเป็นประโยชน์ตนเสีย ซึ่งความจริงไม่ใช่ทองคำอันแท้จริง ดังนี้ก็เป็นฟ้องที่มีองค์เกณฑ์ครบตาม มาตรา 304,310 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงโดยร่วมกันหลอกลวงจำนองทรัพย์สินที่ตนมีสิทธิอยู่แล้ว ศาลให้รอการลงอาญาผู้หญิงมีบุตรอ่อน
ผู้ที่รับซื้อฝากร้านค้าไว้จนหลุดเป็นสิทธิของตนแล้วได้ร่วมคิดกับผู้ขายฝากเอาร้านค้านั้นไปจำนองผู้เสียหายอีกและพูดรับรองว่า ร้านค้านั้นไม่ได้จำนองหรือขายฝากไว้กับผู้ใด ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงรับจำนองไว้ และชำระเงินให้ผู้รับซื้อฝาก ดังนี้ถือว่าผู้รับซื้อฝากสมคบกับผู้จำนองฉ้อโกงผู้เสียหาย
เมื่อโจทก์ถอนฟ้องไม่ดำเนินคดีเอาโทษฐานฉ้อโกงแก่ผู้จำนองซึ่งกระทำผิดและปรากฏว่าผู้รับซื้อฝาก ซึ่งร่วมกระทำผิดด้วยเป็นหญิงมีบุตรอ่อนเห็นควรให้รอการลงอาญาแก่ผู้รับซื้อฝากตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 41,42, ได้
of 2