พบผลลัพธ์ทั้งหมด 742 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วม ฆาตกรรมไตร่ตรองไว้ก่อน การกระทำร่วมตั้งแต่ต้นบ่งชี้เจตนา
การที่จำเลยทั้งสามได้ไปด้วยกันตั้งแต่แรกที่ลวงผู้ตายให้ไปรับเงินชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 และพาผู้ตายไปถึงที่เปลี่ยวเพื่อการฆ่าแล้วได้ฆ่าเสียแสดงว่า จำเลยทั้ง 3 คน คิดกันประกอบการฆาตกรรมนี้ จึงต้องผิดฐานเป็นตัวการด้วยกันทุกคนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,289 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 37/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: ตัวการร่วม
การที่จำเลยทั้งสามได้ไปด้วยกันตั้งแต่แรกที่ลวงผู้ตายให้ไปรับเงินชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 และพาผู้ตายไปถึงที่เปลี่ยวเพื่อการฆ่าแล้วได้ฆ่าเสีย แสดงว่า จำเลยทั้ง 3 คนคิดกันประกอบการฆาตกรรมนี้ จึงต้องผิดฐานเป็นตัวการด้วยกันทุกคนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 289
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 37/2504)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 37/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองบุตร: บิดาจดทะเบียนรับรองบุตร ย่อมมีอำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียว
กรณีที่บิดามิได้จดทะเบียนรับรองบุตรนอกสมรส อำนาจปกครองบุตรย่อมอยู่แก่มารดา แต่ถ้าบิดาได้จดทะเบียนรับรองบุตรนั้นก็เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดา อำนาจปกครองยอมโอนมาอยู่แก่บิดา ไม่ใช่อยู่แก่บิดาและมารดาทั้งสองคน
ผู้ใช้อำนาจปกครองจะมีได้เพียงคนเดียว ผิดกับผู้ปกครองซึ่งอาจมีหลายคนได้.
ผู้ใช้อำนาจปกครองจะมีได้เพียงคนเดียว ผิดกับผู้ปกครองซึ่งอาจมีหลายคนได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองบุตร: บิดาจดทะเบียนรับรองสิทธิโอนมาเป็นของผู้รับรอง
กรณีที่บิดามิได้จดทะเบียนรับรองบุตรนอกสมรส อำนาจปกครองบุตรย่อมอยู่แก่มารดา แต่ถ้าบิดาได้จดทะเบียนรับรอง บุตรนั้นก็เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดาอำนาจปกครองย่อมโอนมาอยู่แก่บิดา ไม่ใช่อยู่แก่บิดาและมารดาทั้งสองคน
ผู้ใช้อำนาจปกครองจะมีได้เพียงคนเดียว ผิดกับผู้ปกครองซึ่งอาจมีหลายคนได้
ผู้ใช้อำนาจปกครองจะมีได้เพียงคนเดียว ผิดกับผู้ปกครองซึ่งอาจมีหลายคนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขอให้ชี้ขาดความเห็นทางภาษี ยังไม่เกิดสิทธิหน้าที่โต้แย้งตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้สั่งสินค้าเครื่องอัดสำเนา"เทอร์โมแฟกส์" จากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ย โดยโจทก์เห็ว่ามีใช่เครื่องถ่ายภาพหรือเอกสารอันต้องเสียภาษีการซื้อโภคภัรฑ์ตามกฎหมาย โจทก์ได้มีหนังสือสอบถามไปยังกรมสรรพากรจำเลย ฯ ได้แจ้งมายังโจทก์ว่าเครื่องอัดสำเนาดังกล่าวเป็นโภคภัณฑ์ประเภทที่ 5(ข) ซึ่งต้องเสียภาษีโภคภัณฑ์ตามประมวลรัษฎากร โจทก์ได้มีหนังสือทักท้วงจำเลยไปหลายครั้ง จำเลยก็คงยืนยันความเห็นเดิม จึงขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าเครื่องอัดสำเนาดังกล่าวไม่ใช่โภคภัณฑ์อันจะต้องเสียภาษีการซื้อโภคภัณฑ์ตามประมวลรัษฎากร ฟ้องเช่นนี้ถือไม่ได้ว่ามีมูลโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 เพราะจำเลยยังมิได้เรียกเก็บหรือสั่งให้โจทก์เสียภาษี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคัดค้านการจัดประเภทสินค้าเพื่อเสียภาษี โดยยังไม่มีการเรียกเก็บภาษี
โจทก์ฟ้องอ้างว่า โจทก์ได้สั่งสินค้าเครื่องอัดสำเนา'เทอร์โมแฟกส์' จากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายโดยโจทก์เห็นว่ามิใช่เครื่องถ่ายภาพหรือเอกสารอันต้องเสียภาษีการซื้อโภคภัณฑ์ตามกฎหมาย โจทก์ได้มีหนังสือสอบถามไปยังกรมสรรพากร จำเลยๆ ได้แจ้งมายังโจทก์ว่าเครื่องอัดสำเนาดังกล่าวเป็นโภคภัณฑ์ประเภทที่ 5(ข) ซึ่งต้องเสียภาษีโภคภัณฑ์ตามประมวลรัษฎากร โจทก์ได้มีหนังสือทักท้วงจำเลยไปหลายครั้ง จำเลยก็คงยืนยันความเห็นเดิมโจทก์จึงฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าเครื่องอัดสำเนาดังกล่าวไม่ใช่โภคภัณฑ์อันจะต้องเสียภาษีการซื้อโภคภัณฑ์ตามประมวลรัษฎากรดังนี้ ถือว่า ฟ้องเช่นนี้ไม่ได้ว่ามีมูลโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 เพราะจำเลยยังมิได้เรียกเก็บหรือสั่งให้โจทก์เสียภาษี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม้คดีอาญาหมดอายุความ
ขับรถยนต์ชนรถยนต์เขาโดยประมาทจนถูกผู้ว่าคดีฟ้องคดีอาญาและศาลพิพากษาลงโทษแล้วเจ้าของรถที่ถูกชนย่อมเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51วรรคสองมีสิทธิฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย แม้เกิน 1ปี นับแต่วันเกิดเหตุได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแพ่งหลังคดีอาญา: ผู้เสียหายในคดีอาญามีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายได้แม้เกิน 1 ปี
ขับรถยนต์ชนรถยนต์เขาโดยประมาทจนถูกผู้ว่าคดีฟ้องคดีอาญาศาลพิพากษาลงโทษแล้ว เจ้าของรถที่ถูกชนย่อมเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตร 51 วรรค 2 มีสิทธิฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายแม้เกิน 1 ปี นับแต่วันเกิดเหตุได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนทางกฎหมาย: ความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการและผู้บังคับบัญชา ไม่ถือเป็นตัวแทน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 รับราชการอยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้กำกับแขวงการทางและมีหน้าที่รับเบิกจ่ายเงินเกี่ยวกับราชการแขวงการทางด้วยจำเลยที่ 1 เบิกเงินจากจำเลยที่ 2 ไป เพื่อชำระค่าสิ่งของที่จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อจากโจทก์มาใช้ในราชการแขวงการทางซึ่งอยู่ในหน้าที่ของจำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1 ยักยอกเงินเสียดังนี้ ถึงแม้จำเลยที่ 2 จะเป็นผู้บังคับบัญชาจำเลยที่ 1 ก็เป็นไปตามกฎหมายหรือระเบียบราชการ จำเลยที่ 1 หาใช่ตัวแทนของจำเลยที่ 2 ไม่จะนำกฎหมายเรื่องตัวการตัวแทนมาใช้บังคับแก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยยักยอกเงินเบิกจ่ายของราชการ ไม่ถือเป็นตัวแทนของผู้บังคับบัญชา
จำเลยที่ 1 รับราชการแขวงการทางจังหวัด เบิกเงินจากจำเลยที่ 2 ผู้กำกับแขวงการทางซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาจำเลยที่ 1 เพื่อชำระค่าสิ่งของที่จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อจากโจทก์มาใช้ในราชการแขวงการทางซึ่งอยู่ในหน้าที่ของจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 1 ยักยอกเงินนั้นเสียดังนี้ แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นผู้บังคับบัญชาจำเลยที่ 1 ก็เป็นไปตามกฎหมายหรือระเบียบการจำเลยที่ 1 หาใช่ตัวแทนของจำเลยที่ 2 ไม่ จะนำกฎหมายเรื่องตัวการตัวแทนมาใช้บังคับแก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้