พบผลลัพธ์ทั้งหมด 742 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยเงินจากการยึดทรัพย์ ต้องแสดงหลักฐานการมอบอำนาจที่ชัดเจนและนำสืบ หากคู่ความไม่ติดใจสืบพยาน ศาลจะไม่รับฟังพยานนอกเหนือจากที่นำสืบ
นายอร่ามผู้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยกับโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยาน ขอให้ศาลวินิจฉัยไปตามคำร้องขอเฉลี่ย กับคำคัดค้านของโจทก์ เมื่อคำร้องขอเฉลี่ยไม่ได้ระบุว่าได้รับมอบอำนาจจากผู้ใด (โดยกล่าวลอย ๆ แต่ว่า เป็นผู้รับมอบอำนาจ) ทั้งไม่มีหนังสือมอบอำนาจด้วย ก็ถือไม่ได้ว่านายอร่ามเป็นผู้รับมอบอำนาจจากผู้อื่น
แม้จะกล่าวในคำร้องว่าจำเลยเป็นลูกนี้ผู้ร้องในคดีแดงที่ 354/2504 แต่โจทก์ก็ปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้เป็นหนี้นายอร่ามผู้ร้อง เมื่อนายอร่ามไม่นำสืบ ก็รับฟังไม่ได้
การที่ศาลจะนำข้อเท็จจริงในคดีที่ผู้ร้องอ้างมาขอเฉลี่ยมาวินิจฉัยคดีนี้หรือคู่ใบมอบอำนาจในคดีดังกล่าวนั้นย่อมเป็นการรับฟังสำนวนหรือเอกสารในสำนวนนั้นเป็นพยาน เมื่อคู่ความแถลงไว้ว่าไม่ติดใจสื่บพยาน ทั้งขอให้ศาลวินิจฉัยไปตามคำร้องและคำคัดค้านด้วย ศาลก็จะรับฟังพยานดังกล่าวไม่ได้.
แม้จะกล่าวในคำร้องว่าจำเลยเป็นลูกนี้ผู้ร้องในคดีแดงที่ 354/2504 แต่โจทก์ก็ปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้เป็นหนี้นายอร่ามผู้ร้อง เมื่อนายอร่ามไม่นำสืบ ก็รับฟังไม่ได้
การที่ศาลจะนำข้อเท็จจริงในคดีที่ผู้ร้องอ้างมาขอเฉลี่ยมาวินิจฉัยคดีนี้หรือคู่ใบมอบอำนาจในคดีดังกล่าวนั้นย่อมเป็นการรับฟังสำนวนหรือเอกสารในสำนวนนั้นเป็นพยาน เมื่อคู่ความแถลงไว้ว่าไม่ติดใจสื่บพยาน ทั้งขอให้ศาลวินิจฉัยไปตามคำร้องและคำคัดค้านด้วย ศาลก็จะรับฟังพยานดังกล่าวไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 806/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิหักเงินเดือนชำระหนี้ - การหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้จากการยืมเงินที่มีข้อตกลง
โจทก์พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรี ฟ้องบังคับให้เทศบาลจำเลยจ่ายเงินเดือน ฯลฯ ซึ่งโจทก์มีสิทธิจะได้รับจำเลยให้การและแถลงว่า การที่ไม่จ่ายเงินตามฟ้อง เพราะโจทก์ยังเป็นลูกหนี้จำเลยอยู่ตามใบยืมโดยมีข้อสัญญากันไว้ในการยืมเงินว่า ถ้าไม่ใช้ก็ยอมให้หักเงินเดือนหรือเงินอื่นใดของผู้ยืมใช้จนครบได้โจทก์แถลงว่าได้มีข้อสัญญาระบุความตกลงยินยอมไว้เช่นนั้นจริง แต่เถียงว่าได้ชำระแก่จำเลยหมดแล้วดังนี้ถ้าหากโจทก์ยังมีหนี้สินติดอยู่จริง ดังจำเลยต่อสู้ จำเลยย่อมมีสิทธิตามสัญญาที่จะหักเงินตามฟ้อง เพื่อชำระหนี้ได้ หาจำต้องฟ้องแย้งขอหักหนี้เข้ามาอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 806/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้: จำเลยมีสิทธิตามสัญญา แม้ไม่ฟ้องแย้ง
โจทก์พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีฟ้องบังคับให้เทศบาลจำเลยจ่ายเงินเดือนเงินสะสมและค่าป่วยการสมาชิกสภาเทศบาลซึ่งโจทก์มีสิทธิจะได้รับ จำเลยให้การและแถลงว่าการที่ไม่จ่ายเงินตามฟ้องให้โจทก์เพราะโจทก์ยังเป็นลูกหนี้จำเลยอยู่ตามใบยืม โดยมีข้อสัญยากันไว้ว่าในการยืมเงิน ถ้าไม่ใช้ก็ยมอให้หักเงินเดือนหรือเงินอื่นใดของผู้ยืมใช้จนครบได้ โจทก์แถลงรับว่าได้มีข้อสัญญาระบุความตกลงยินยอมกันไว้เช่นนั้นจริง แต่เถียงว่าได้ชำระหนี้สินแก่จำเลยหมดแล้วแม่มีติดค้าง ดังนี้ ถ้าหากโจทก์ยังมีหนี้สินติดอยู่จริงดังจำเลยต่อสู้ จำเลยย่อมมีสิทธิตามสัญญาที่จะหัดเงินตามฟ้องเพื่อชำระาหนี้ได้หาจำต้องฟ้องแย้งขอหักหนี้เข้ามาอีกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้และการหยุดอายุความ: การตรวจสอบหลักฐานและการยืนยันเจตนาชำระหนี้
ลูกหนี้รับหนังสือทวงหนี้จากเจ้าหนี้แล้วมีหนังสืบตอบไป 2 ฉบับ ๆ แรกไม่ปฏิเสธหนี้แต่ขอตรวจสอบหลักฐานก่อน ถ้ามีหนี้อยู่จริงก็จะชำระให้ ส่วนฉบับที่ 2 ต่อเนื่องจากฉบับแรก ไม่ปฏิเสธหนี้เหมือนกัน แต่เร่งรัดให้ส่งหลักฐานไปเพื่อพิจารณาดำเนินการให้ต่อไป ซึ่งหมายความว่า ถ้าตรวจทราบว่าเป็นหนี้อยู่จริงก็จะชำระให้ ดังนี้ หนังสือตอบทั้ง 2 ฉบับ ต่างเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์ข้าราชการกับหน่วยงานรัฐเป็นผลจากกฎหมายปกครอง ไม่ใช่สัญญา การละเมิดจึงอายุความ 1 ปี
ความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการกับกระทรวงทะบวงกรมนั้น มีขึ้นโดยกฎหมายฝ่ายปกครอง เช่น พระราชบัญญัติว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนเป็นต้น หาได้เกิดขึ้นและเป็นไปเพราะผลของนิติกรรมสัญญา เช่น จ้างแรงงาน ไม่ (นัยคำพิพากษา ฎีกาที่ 123/2504)
การที่ข้าราชการประมาทเลินเล่อทำให้กระทรวงทะบวงกรมเสียหาย จึงเป็นเรื่องละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 มิใช่เรื่องให้ตัวแทนรับผิดตามมาตรา 812 ฉะนั้น อายุความจึงมี 1 ปี นับแต่ทราบถึงการละเมิดตามมาตรา 448 ตาม นัยคำพิพากษาฎีกาที่กล่าวข้างต้น
การที่ข้าราชการประมาทเลินเล่อทำให้กระทรวงทะบวงกรมเสียหาย จึงเป็นเรื่องละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 มิใช่เรื่องให้ตัวแทนรับผิดตามมาตรา 812 ฉะนั้น อายุความจึงมี 1 ปี นับแต่ทราบถึงการละเมิดตามมาตรา 448 ตาม นัยคำพิพากษาฎีกาที่กล่าวข้างต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์ข้าราชการกับหน่วยงานรัฐเป็นไปตามกฎหมายปกครอง ไม่ใช่สัญญาจ้าง การละเมิดจึงมีอายุความ 1 ปี
ความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการกับกระทรวงทบวงกรมนั้นมีขึ้นโดยกฎหมายฝ่ายปกครอง เช่น พระราชบัญญัติว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนเป็นต้น หาได้เกิดขึ้นและเป็นไปเพราะผลของนิติกรรมสัญญา เช่น จ้างแรงงาน ไม่(นัยคำพิพากษาฎีกาที่ 123/2504)
การที่ข้าราชการประมาทเลินเล่อทำให้กระทรวงทบวงกรมเสียหายจึงเป็นเรื่องละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา420 มิใช่เรื่องให้ตัวแทนรับผิดตามมาตรา 812 ฉะนั้นอายุความจึงมี 1 ปี นับแต่ทราบถึงการละเมิดตามมาตรา448 ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่กล่าวข้างต้น
การที่ข้าราชการประมาทเลินเล่อทำให้กระทรวงทบวงกรมเสียหายจึงเป็นเรื่องละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา420 มิใช่เรื่องให้ตัวแทนรับผิดตามมาตรา 812 ฉะนั้นอายุความจึงมี 1 ปี นับแต่ทราบถึงการละเมิดตามมาตรา448 ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่กล่าวข้างต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 766/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหลังการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ และผลบังคับใช้ของกฎหมายที่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ
โดยปกติศาลเป็นผู้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายมาใช้บังคับแก่คดีจึงมีอำนาจหน้าที่พิจารณาว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดจะใช้บังคับแก่คดีได้หรือไม่เพียงใด เว้นแต่จะมีบทกฎหมายใดบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสถาบันอื่นโดยเฉพาะฉะนั้น เมื่อมีประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 3 ยกเลิกรัฐธรรมนูญที่มีบทบัญญัติให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญเป็นผู้พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดบทกฎหมายใดว่าจะแย้งหรือขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่เสียแล้ว อำนาจหน้าที่ชี้ขาดนี้จึงตกอยู่ที่ศาลยุติธรรมดังเดิม
ในการพิจารณาว่าบทกฎหมายใดมีผลบังคับใช้ได้หรือไม่เพียงใดนั้นเป็นการพิจารณาถึงบทกฎหมายนั้นเมื่อขณะประกาศออกใช้บังคับหาใช่เฉพาะแต่เวลาที่จะยกขึ้นใช้บังคับแก่คดีหนึ่งคดีใดไม่เพราะถ้าบทกฎหมายใดใช้บังคับมิได้แล้ว ก็ย่อมจะใช้บังคับมิได้มาแต่เริ่มแรกหาใช่เพิ่งจะมาใช้บังคับมิได้เอาเมื่อจะยกขึ้นบังคับแก่คดีใดโดยเฉพาะไม่ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่ามาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติเวนคืนฯ พ.ศ.2496 ชัดแจ้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29. ไม่มีผลบังคับตามรัฐธรรมนูญมาตรา 113จึงกระทำได้โดยชอบหาใช้เป็นการที่ศาลเองจะมากำหนดให้รัฐธรรมนูญ มาตรา 29 ใช้บังคับได้อยู่อันเป็นการขัดแย้งกับประกาศคณะปฏิวัติไม่ข้อกฎหมายเกี่ยวกับบทกฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่มีความสำคัญมากยิ่งนัก และเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนโดยตรง แม้คู่ความจะมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างก็สมควรที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33-34/2504)
ในการพิจารณาว่าบทกฎหมายใดมีผลบังคับใช้ได้หรือไม่เพียงใดนั้นเป็นการพิจารณาถึงบทกฎหมายนั้นเมื่อขณะประกาศออกใช้บังคับหาใช่เฉพาะแต่เวลาที่จะยกขึ้นใช้บังคับแก่คดีหนึ่งคดีใดไม่เพราะถ้าบทกฎหมายใดใช้บังคับมิได้แล้ว ก็ย่อมจะใช้บังคับมิได้มาแต่เริ่มแรกหาใช่เพิ่งจะมาใช้บังคับมิได้เอาเมื่อจะยกขึ้นบังคับแก่คดีใดโดยเฉพาะไม่ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่ามาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติเวนคืนฯ พ.ศ.2496 ชัดแจ้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29. ไม่มีผลบังคับตามรัฐธรรมนูญมาตรา 113จึงกระทำได้โดยชอบหาใช้เป็นการที่ศาลเองจะมากำหนดให้รัฐธรรมนูญ มาตรา 29 ใช้บังคับได้อยู่อันเป็นการขัดแย้งกับประกาศคณะปฏิวัติไม่ข้อกฎหมายเกี่ยวกับบทกฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่มีความสำคัญมากยิ่งนัก และเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนโดยตรง แม้คู่ความจะมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างก็สมควรที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33-34/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 766/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการวินิจฉัยบทกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญหลังประกาศคณะปฏิวัติ และผลบังคับใช้ของกฎหมายเมื่อประกาศใช้
โดยปกติศาลเป็นผู้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายมาใช้บังคับแก่คดีจึงมีอำนาจหน้าที่พิจารณาว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดจะใช้บังคับแก่คดีได้หรือไม่เพียงใด เว้นแต่จะมีบทกฎหมายใดบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสถาบันอื่นโดยเฉพาะ ฉะนั้นเมื่อมีประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 3 ยกเลิกรัฐธรรมนูญที่มีบทบัญญัติให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญเป็นผู้พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดบทกฎหมายใดว่าจะแย้งหรือขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่เสียแล้ว อำนาจหน้าที่ชี้ขาดนี้จึงตกอยู่ที่ศาลยุติธรรมดังเดิม
ในการพิจารณาว่าบทกฎหมายใดมีผลบังคับใช้ได้หรือไม่เพียงใดนั้น เป้นการพิจารณาถึงบทกฎหมายนั้นเมื่อขณะประกาศออกใช้บังคับ หาใช่เฉพาะแต่เวลาที่ยกขึ้นใช้บังคับ หาใช่เฉพาะแต่เวลาที่จะยกขึ้นใช้บังคับแก่คดีหนึ่งคดีใดไม่ เพราะถ้าบทกฎหมายใดใช้บังคับมีได้แล้ว ก็ย่อมจะใช้บังคับมิได้มาแต่เริ่มแรก หาใช่เพิ่งจะมาใช้บังคับมีได้เอาเมื่อจะยกขึ้นบังคับแก่คดีใดโดยเฉพาะไม ่ ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่า มาตรา 5 แห่งราชบัญญัติเวนคืน ฯ พ.ศ. 2495 ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 29 ไม่มีผลบังคับตามรัฐธรรมนูญมาตรา 113 จึงกระทำได้โดยชอบหาใช่เป็นการที่ศาลเองจะมากำหนดให้รัฐธรรมนูญมาตรา 29 ใช้บังคับได้อยู่ อันเป็นการขัดแย้งกับประกาศคณะปฏิวัติไม่.
ข้อกฎหมายเกี่ยวกับบทกฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่มีความสำคัญมากยิ่งนัก และเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนโดยตรง แม้คู่ความจะมิได้ยดขึ้นกล่าวอ้าง ก็สมควรที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัย.
ในการพิจารณาว่าบทกฎหมายใดมีผลบังคับใช้ได้หรือไม่เพียงใดนั้น เป้นการพิจารณาถึงบทกฎหมายนั้นเมื่อขณะประกาศออกใช้บังคับ หาใช่เฉพาะแต่เวลาที่ยกขึ้นใช้บังคับ หาใช่เฉพาะแต่เวลาที่จะยกขึ้นใช้บังคับแก่คดีหนึ่งคดีใดไม่ เพราะถ้าบทกฎหมายใดใช้บังคับมีได้แล้ว ก็ย่อมจะใช้บังคับมิได้มาแต่เริ่มแรก หาใช่เพิ่งจะมาใช้บังคับมีได้เอาเมื่อจะยกขึ้นบังคับแก่คดีใดโดยเฉพาะไม ่ ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่า มาตรา 5 แห่งราชบัญญัติเวนคืน ฯ พ.ศ. 2495 ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 29 ไม่มีผลบังคับตามรัฐธรรมนูญมาตรา 113 จึงกระทำได้โดยชอบหาใช่เป็นการที่ศาลเองจะมากำหนดให้รัฐธรรมนูญมาตรา 29 ใช้บังคับได้อยู่ อันเป็นการขัดแย้งกับประกาศคณะปฏิวัติไม่.
ข้อกฎหมายเกี่ยวกับบทกฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่มีความสำคัญมากยิ่งนัก และเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนโดยตรง แม้คู่ความจะมิได้ยดขึ้นกล่าวอ้าง ก็สมควรที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 716/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ส่วนควบของสิ่งปลูกสร้าง: การพิจารณาจากสภาพทรัพย์และเจตนาขายฝาก
ข้อเท็จจริงที่คู่ความรับกันในเรื่องสภาพของสิ่งปลูกสร้างที่พอให้วินิจฉัยปัญหาเรื่องส่วนควบได้แล้ว
เมื่อหนังสือสัญญาระบุว่าขายฝากเรือนหลังหนึ่งก็ย่อมหมายความรวมถึงส่วนควบของเรือนหลังนี้ด้วย และเมื่อเรือนหลังเล็กเป็นส่วนควบของเรือนหลังใหญ่โดยสภาพของทรัพย์อยู่แล้ว จะขอสืบพยานบุคคลว่าได้ตกลงกันไว้ก่อนขายว่าไม่ได้ขายหลังเล็กด้วยไม่ได้
เมื่อหนังสือสัญญาระบุว่าขายฝากเรือนหลังหนึ่งก็ย่อมหมายความรวมถึงส่วนควบของเรือนหลังนี้ด้วย และเมื่อเรือนหลังเล็กเป็นส่วนควบของเรือนหลังใหญ่โดยสภาพของทรัพย์อยู่แล้ว จะขอสืบพยานบุคคลว่าได้ตกลงกันไว้ก่อนขายว่าไม่ได้ขายหลังเล็กด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 716/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายฝากรวมส่วนควบ: สัญญาครอบคลุมส่วนควบโดยสภาพ สิทธิการอ้างตกลงเพิ่มเติมไม่มีผล
เมื่อหนังสือสัญญาระบุว่าขายฝากเรือนหลังหนึ่งก็ย่อมหมายความรวมถึงส่วนควบของเรือนหลังนี้ด้วยและเมื่อเรือนหลังเล็กเป็นส่วนควบของเรือนหลังใหญ่โดยสภาพของทรัพย์อยู่แล้วจะขอสืบพยานบุคคลว่าได้ตกลงกันไว้ก่อนขายว่าไม่ได้ขายหลังเล็กด้วยนั้นไม่ได้