พบผลลัพธ์ทั้งหมด 742 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเรียกบุคคลภายนอกเข้าเป็นจำเลยร่วมต้องยื่นคำร้องพร้อมฟ้อง/ให้การ หรือแสดงเหตุผลที่ไม่อาจยื่นก่อนได้
การที่คู่ความขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาในคดีนั้น ต้องยื่นคำร้องพร้อมกับคำฟ้องคำให้การ หรือในเวลาใด ๆ ก่อนมีคำพิพากษาโดยได้รับอนุญาตจากศาลเมื่อศาลเป็นที่พอใจว่า คำร้องไม่อาจยื่นก่อนนั้นได้ ฉะนั้น เมื่อจำเลยเพิ่งมายื่นคำร้องขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้าเป็นจำเลยร่วมเมื่อจำเลยให้การแล้วถึง 4 เดือน โดยไม่แสดงเหตุที่ไม่อาจ ร้องก่อนได้ ศาลจึงไม่อาจจัดการให้ตามคำร้องนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาในคดี: ระยะเวลาและเหตุผล
การที่คู่ความขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) นั้น ต้องยื่นคำร้องพร้อมกับฟ้อง หรือคำให้การ หรือ ในเวลาใดๆ ก่อนมีคำพิพากษาโดยได้รับอนุญาตจากศาล เมื่อศาลเป็นที่พอใจว่าคำร้องไม่อาจยื่นก่อนนั้นได้ฉะนั้นเมื่อจำเลยเพิ่งมายื่นคำร้องขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมเมื่อจำเลยให้การแล้วถึง 4 เดือน โดยไม่แสดงเหตุที่ไม่อาจร้องก่อนได้นั้น ศาลย่อมไม่อนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องทุกข์ในความผิดต่อส่วนตัว การให้การพยานไม่ถือเป็นการร้องทุกข์โดยปริยาย
ป.ให้การเป็นพยานในเรื่องที่จำเลยถูกหาว่า ฆ่าคนตาย คำให้การพาดพิงถึงการที่ ป. ถูกจำเลยจับไปกักขังไว้ด้วย จะถือว่าเป็นการร้องทุกข์ว่าจำเลยหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ ในร่างกายด้วยโดยปริยาย หาได้ไม่ เมื่อไม่มีการร้องทุกข์ ของผู้เสียหาย แล้ว โจทก์ก็ฟ้องคดีนี้ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องทุกข์ความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวฯ ต้องเป็นการกล่าวหาโดยมีเจตนาให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ การให้การพยานในคดีอื่นไม่ถือเป็นการร้องทุกข์
ป. ให้การเป็นพยานในเรื่องที่จำเลยถูกหาว่าฆ่าคนตายคำให้การพาดพิงถึงการที่ ป. ถูกจำเลยจับไปกักขังไว้ด้วย จะถือว่าเป็นการร้องทุกข์ว่าจำเลยหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายด้วยโดยปริยายหาได้ไม่ เมื่อไม่มีการร้องทุกข์ของผู้เสียหายแล้วโจทก์ฟ้องคดีนี้ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 572/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: จำเลยขอให้วินิจฉัยข้อเท็จจริงซ้ำ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
การที่ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงนั้น แม้จะฟังข้อเท็จจริงต่างกันก็ตาม จำเลยก็ฎีกาขอให้ศาลวินิจฉัยข้อเท็จจริงอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดค่าปรับนายประกันจากผิดสัญญาประกันในชั้นอัยการ
ในกรณีผิดสัญญาประกันที่ทำไว้ชั้นอัยการ โดยไม่ส่งผู้ต้องหาตามกำหนดนั้น เมื่ออัยการฟ้องขอให้ศาลบังคับให้นายประกันชำระค่าปรับหากคดีปรากฏพฤติการณ์และเหตุผลตามสมควรแล้วศาลจะพิพากษาลดค่าปรับนายประกันให้รับผิดลดน้อยลงไม่เต็มตามสัญญาที่ทำไว้ก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดค่าปรับนายประกันจากเหตุผลสมควร ศาลใช้ดุลพินิจตามพฤติการณ์
ในกรณีผิดสัญญาประกันที่ทำไว้ในชั้นอัยการโดยไม่ส่งผู้ต้องหาตามกำหนดนั้น เมื่ออัยการฟ้องขอให้ศาลบังคับให้นายประกันชำระค่าปรับ หากคดีปรากฏพฤติการณ์และเหตุผลตามสมควรแล้ว ศาลจะพิพากษาลดค่าปรับ หากคดีปรากฎพฤติการณ์ และเหตุผลตามสมควรแล้ว ศาลจะพิพากษาลดค่าปรับนายประกันให้รับผิดลดน้อยลงไม่เต็มตามสัญญาที่ทำไว้ก็ได้ (ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำสัญญากู้ใหม่หรือรวมหนี้เดิม ไม่เป็นการแปลงหนี้ และการนำสืบที่มาของหนี้ไม่ถือเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร
บุคคลที่เป็นหนี้เงินกู้ต่อกันนั้น อาจตกลงทำหนังสือกู้กันใหม่หรือนำเงินกู้รายก่อน ๆ มารวมในหนังสือกู้ครั้งหลังได้ และการนำสืบถึงที่มาแห่งหนี้ตามสัญญากู้ฉบับหลังย่อมมิใช่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร เพราะแม้นำสืบได้ ก็ไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไขความรับผิดตามเอกสาร
หนี้เงินกู้ซึ่งทำหนังสือกู้กันใหม่ โดยรวมจำนวนเงินกู้ครั้งหลังเข้าไว้ด้วยกันนั้น มิใช่เป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่ เพราะไม่มีการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้แต่อย่างไร
ผู้กู้จะขอนำสืบว่า ผู้ให้กู้เอาจำนวนดอกเบี้ยเกินอัตรามารวมเป็นต้นเงินในสัญญากู้ได้ เพราะเป็นการนำสืบว่าหนี้อันเกิดจากดอกเบี้ยเกินอัตรานั้นไม่สมบูรณ์อย่างหนึ่ง
หนี้เงินกู้ซึ่งทำหนังสือกู้กันใหม่ โดยรวมจำนวนเงินกู้ครั้งหลังเข้าไว้ด้วยกันนั้น มิใช่เป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่ เพราะไม่มีการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้แต่อย่างไร
ผู้กู้จะขอนำสืบว่า ผู้ให้กู้เอาจำนวนดอกเบี้ยเกินอัตรามารวมเป็นต้นเงินในสัญญากู้ได้ เพราะเป็นการนำสืบว่าหนี้อันเกิดจากดอกเบี้ยเกินอัตรานั้นไม่สมบูรณ์อย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำสัญญากู้ใหม่ – ไม่ถือเป็นการแปลงหนี้ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของหนี้เดิม
หนี้เงินกู้ ซึ่งทำหนังสือกู้กันใหม่ โดยรวมจำนวนเงินกู้ครั้งหลังเข้าไว้ด้วยนั้น มิใช่เป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่เพราะไม่มีการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้แต่อย่างใด
บุคคลที่เป็นหนี้เงินกู้ต่อกัน อาจตกลงทำหนังสือกู้กันใหม่หรือนำเงินกู้รายก่อนๆ มารวมในหนังสือกู้ครั้งหลังได้และการนำสืบถึงที่มาแห่งหนี้ตามหนังสือสัญญากู้ฉบับหลังย่อมมิใช่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารเพราะแม้นำสืบได้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไขความรับผิดตามเอกสาร
ผู้กู้จะขอนำสืบว่า ผู้ให้กู้เอาจำนวนดอกเบี้ยเกินอัตรามารวมเป็นต้นเงินในสัญญากู้ได้ เพราะเป็นการนำสืบว่าหนี้อันเกิดจากดอกเบี้ยเกินอัตรานั้น ไม่สมบูรณ์อย่างหนึ่ง
บุคคลที่เป็นหนี้เงินกู้ต่อกัน อาจตกลงทำหนังสือกู้กันใหม่หรือนำเงินกู้รายก่อนๆ มารวมในหนังสือกู้ครั้งหลังได้และการนำสืบถึงที่มาแห่งหนี้ตามหนังสือสัญญากู้ฉบับหลังย่อมมิใช่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารเพราะแม้นำสืบได้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไขความรับผิดตามเอกสาร
ผู้กู้จะขอนำสืบว่า ผู้ให้กู้เอาจำนวนดอกเบี้ยเกินอัตรามารวมเป็นต้นเงินในสัญญากู้ได้ เพราะเป็นการนำสืบว่าหนี้อันเกิดจากดอกเบี้ยเกินอัตรานั้น ไม่สมบูรณ์อย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณา & เอกสารขีดฆ่าใช้เป็นหลักฐานได้หากปิดแสตมป์ครบ
ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 บัญญัติเพียงว่า ตราสารใดที่ไม่ปิดแสตมป์ครบจำนวนและได้ขีดฆ่าแล้วจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ ไม่ได้บังคับถึงเวลาทีปิดหรือบุคคลผู้ปิดและขีดฆ่า
ศาลกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ พยานโจทก์จำเลยไม่มาศาล ถือว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาความประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรค 2 และมาตรา 202
ศาลกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ พยานโจทก์จำเลยไม่มาศาล ถือว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาความประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรค 2 และมาตรา 202