คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สัญญา ธรรมศักดิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 742 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1129/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตกลงเลิกสัญญาซื้อขายที่ดินและการคืนเงินมัดจำ: สมบูรณ์ด้วยเจตนา
การตกลงเลิกสัญญาจะซื้อขายที่ดิน และคืนเงินมัดจำกันนั้นไม่ใช่เป็นการปลดหนี้ตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ทำเป็นหนังสือ ฉะนั้นเพียงแต่มีการแสดงเจตนาต่อกัน ก็ย่อมสมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขู่เข็ญต้องแสดงให้เห็นถึงเจตนาทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว การบ่นระบายอารมณ์โดยไม่มีลักษณะน่ากลัว ไม่ถือเป็นการขู่เข็ญ
ผู้เสียหายไปทวงเงินจำเลยและกลับไปแล้ว จำเลยโกรธผู้เสียหายจึงเดินด่าผู้เสียหายอยู่บนบ้านของจำเลยว่า "บักถวิล โคตรพ่อโคตรแม่มึง มึงไม่สำนึกตัวว่าจะตายโหง กูมีปืนอยู่ 2 กระบอก กูจะเอามึงให้ตายแน่คราวนี้" โดยจำเลยไม่รู้ว่าผู้เสียหายมาแอบฟัง เช่นนี้แสดงว่า จำเลยบ่นด่าคนเดียวเพื่อระบายอารมณ์ที่ไม่พอใจ ไม่มีลักษณะที่น่ากลัวหรือตกใจว่าจำเลยจะยิงผู้เสียหายจริงจังดังที่พูด คำพูดของจำเลยไม่เป็นการขู่เข็ญตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขู่เข็ญต้องแสดงให้เห็นถึงเจตนาและลักษณะที่น่ากลัว คำพูดระบายอารมณ์ไม่ถึงขั้นขู่เข็ญ
ผู้เสียหายไปทวงเงินจำเลยและกลับไปแล้ว จำเลยโกรธผู้เสียหายจึงเดินด่าผู้เสียหายอยู่บนบ้านของจำเลยว่า "บักถวิล โคตรพ่อโคตรแม่มึง มึงไม่สำนึกตัวว่าจะตายโหงกูมีปืนอยู่ 2 กระบอก กูจะเอามึงให้ตายแน่คราวนี้" โดยจำเลยไม่รู้ว่าผู้เสียหายมาแอบฟังเช่นนี้แสดงว่าจำเลยบ่นด่าคนเดียวเพื่อระบายอารมณ์ที่ไม่พอใจ ไม่มีลักษณะที่น่ากลัวหรือตกใจว่าจำเลยจะยิงผู้เสียหายจริงจังดังที่พูด คำพูดของจำเลยไม่เป็นการขู่เข็ญตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานในคดีขัดทรัพย์ การส่งสัญญาไม่จำเป็นหากจำเลยขาดนัด
ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างด้วยว่าสัญญากู้ระหว่างโจกท์กับจำเลยตามฟ้องของโจทก์นั้นทำขึ้นโดยสมยอมกัน และมิใช่ทำขึ้นตามวันที่ลงไว้ในสัญญา แต่ทำปลอมขึ้นในภายหลัง ศาลกำหนดให้ผู้ร้องนำสืบก่อน ผู้ร้องขาดนัดพิจารณา โจทก์นำพยายานเข้าสืบฝ่ายเดียว แม้โจทก์ได้ส่งหนังสือสัญญากู้ต่อศาล โดยมิได้ส่งสำเนาให้ผู้ร้อง ก็ไม่เป็นเหตุให้ฟังไม่ได้ว่ามีการกู้กันจริง เพราะว่าตามความจริงโจทก์ก็ไม่จำต้องส่งสัญญากู้เป็นพยานในชั้นขัดทรัพย์อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์สัญญาเงินกู้: การนำสืบพยานและการพิสูจน์การกู้จริง
ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างด้วยว่าสัญญากู้ระหว่างโจทก์กับจำเลยตามฟ้องของโจทก์นั้นทำขึ้นโดยสมยอมกัน มิใช่ทำขึ้นตามวันเวลาที่ลงไว้ในสัญญาแต่ทำปลอมขึ้นภายหลัง ศาลกำหนดให้ผู้ร้องนำสืบก่อน ผู้ร้องขาดนัดพิจารณาโจทก์นำพยานเข้าสืบฝ่ายเดียว แม้โจทก์ได้ส่งหนังสือสัญญากู้ต่อศาลโดยมิได้ส่งสำเนาให้ผู้ร้อง ก็ไม่เป็นเหตุให้ฟังไม่ได้ว่ามีการกู้กันจริง เพราะว่าตามความจริงโจทก์ก็ไม่จำต้องส่งสัญญากู้เป็นพยานในชั้นขัดทรัพย์อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายเงินรางวัลจากของกลางที่ขายได้บางส่วน การคำนวณราคาของกลางทั้งหมดเพื่อจ่ายสินบนและรางวัล
คำว่า "ของกลางที่ศาลสั่งริบไม่อาจขายได้" ในมาตรา 7 วรรค 2 นั้น หมายความว่า ขายไม่ได้ทั้งหมด ฉะนั้น ถ้าของกลางขายได้เป็นบางอย่างจะเอาค่าปรับมาจ่ายไม่ได้ต้องจ่ายจากเงินที่ขายของกลางได้ โดยคิดคำนวณเอาราคาของกลางทั้งหมดที่ปรากฎในทางพิจารณา ถ้าเงินที่ขายของกลางใดมีไม่พอก็ให้คิดเฉลี่ยตามส่วน
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2504

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายเงินสินบนจากของกลางริบ - ราคาของกลางเป็นฐานคำนวณ
ความหมายของข้อความใน มาตรา 7 วรรคสอง แห่ง พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด 2489 ที่ว่า ของกลางที่ศาลสั่งริบไม่อาจขายได้นั้น ต้องไม่อาจขายได้ทั้งหมด ถ้าของกลางขายได้บางส่วน การจ่ายเงินสินบนและรางวัลนำจับจึงต้องจ่ายจากราคาของกลางจะจ่ายจากค่าปรับไม่ได้ เพราะขายของกลางได้บ้างแล้ว ส่วนอัตราการจ่ายเงินให้คิดคำนวณเอาจากราคาของกลางทั้งหมด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 873/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานรับของโจร ไม่จำต้องระบุว่า 'รู้ว่าเป็นของร้าย' เพียงกล่าวว่า 'รับไว้จากคนร้าย' ก็เพียงพอ
การฟ้องความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ไม่จำต้องบรรยายว่า รับไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นของร้ายอย่างในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 321 ฉะนั้น เมื่อโจทก์บรรยายเพียงว่าจำเลยบังอาจรับทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งถูกลักไปนั้นไว้จากคนร้ายผู้ได้ทรัพย์นั้นมาในการทำผิดฐานลักทรัพย์ ดังนี้ ก็ครบองค์ความผิดและชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว เพราะการทำความผิดฐานนี้ต้องประกอบด้วยเจตนาตามมาตรา 59 อยู่แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 873/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานรับของโจร ไม่ต้องระบุว่า 'รู้ว่าเป็นของร้าย' หากมีเจตนา
การฟ้องความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ไม่จำต้องบรรยายว่า รับไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นของร้ายอย่างในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 321 ฉะนั้น เมื่อโจทก์บรรยายเพียงว่าจำเลยบังอาจรับทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งถูกลักไปนั้นไว้จากคนร้ายผู้ได้ทรัพย์นั้นมาในการทำผิดฐานลักทรัพย์ ดังนี้ ก็ครบองค์ความผิดและชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว เพราะการทำความผิดฐานนี้ต้องประกอบด้วยเจตนาตามมาตรา 59อยู่แล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 813/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึด/อายัดทรัพย์ในคดีคนอนาถา ทรัพย์ต้องเป็นของผู้ได้รับอนุญาต ไม่ใช่บุคคลอื่น
การที่จะขอให้ศาลสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้ฟ้องหรือต่อสู้ความอย่างคนอนาถานั้น ต้องปรากฎว่าทรัพย์สินนั้นเป็นของผู้ได้รับอนุญาตให้ว่าความอย่างคนอนาถา ไม่ใช่เป็นของบุคคลอื่น
of 75