คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สัญญา ธรรมศักดิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 742 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไล่ลูกจ้างขัดระเบียบกระทรวงการคลัง: คำสั่งไล่ออกไม่ชอบด้วยกฎหมายและอายุความฟ้อง
ระเบียบของกระทรวงการคลังโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีวางระเบียบไว้ว่าลูกจ้างคนใดต้องหาคดีอาญาและถูกควบคุมตัว ก็ให้กรม กองเจ้าสังกัดต่าง ๆ สั่งพักงานลูกจ้างนั้นไว้ก่อน ไม่ให้ไล่ออกทันที ดังนี้ จำเลยซึ่งเป็นกรมเจ้าสังกัดจะต้องปฏิบัติตามระเบียบ ระเบียบเดิมของจำเลยที่ขัดกับระเบียบของกระทรวงการคลังเป็นอันถูกยกเลิกไปในตัว การที่จำเลยอุทธรณ์ระเบียบของจำเลยไปกระทรวงการคลังว่า ขัดกับระเบียบของจำเลย แต่กระทรวงการคลังได้ตอบยืนยันไม่ยอมให้ถือระเบียบของจำเลย การที่จำเลยมีคำสั่งในระหว่างอุทธรณ์ระเบียบให้ไล่โจทก์ออกย้อนไปถึงวันโจทก์ถูกกล่าวหาและถูกจับกุม จึงเป็นการไม่ชอบด้วยระเบียบ
เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งให้ไล่ออกของจำเลยนับถือวันฟ้องเกิน 1 ป คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จต้องเป็นข้อสำคัญในคดี จึงจะมีความผิดฐานเบิกความเท็จ
ที่จะเป็นผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา177 นั้นความเท็จนั้นจะต้องเป็นข้อสำคัญในคดี
โจทก์จ่ายเช็คให้นายหว่องหวั่นหลีเป็นค่าจ้างในการทำรั้วสังกะสี นายหว่องหวั่นหลีไม่ทำรั้วสังกะสีตามสัญญาโจทก์จึงอายัดเช็คไว้และไม่นำเงินเข้าบัญชีให้พอจ่ายตามเช็ค ภายหลังมีบุคคลที่ 3 อ้างว่าเป็นผู้ทรงเช็คนำเช็คนั้นมาฟ้องอาญาแก่โจทก์ฐานจ่ายเช็คไม่มีเงิน ศาลพิพากษายกฟ้องเรื่องเช็ค โดยเห็นว่าโจทก์อายัดเช็คไว้โดยไม่มีเจตนาทุจริตเพราะนายหว่องหวั่นหลีไม่ทำรั้วให้ตามสัญญาระหว่างพิจารณาคดีอาญาเรื่องเช็ค จำเลยได้เข้าเบิกความเป็นพยานในคดีอาญาเรื่องเช็คนั้นว่านายหว่องหวั่นหลีได้นำเช็คนั้นมาแลกเงินสดของจำเลยไปและจำเลยถูกจับเรื่องเล่นการพนันไพ่เผร่วมกับนายหว่องหวั่นหลีแต่มิได้ถูกตำรวจยึดเช็คนั้นไปด้วยดังนี้ แม้ข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลนั้นจะเป็นเท็จก็ไม่ใช่ข้อสำคัญแก่คดีที่จะทำให้โจทก์ต้องรับโทษในคดีเรื่องเช็คนั้นแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จต้องเป็นข้อสำคัญแก่คดี จึงจะมีความผิดฐานเบิกความเท็จ
ที่จะเป็นผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 นั้น ความเท็จนั้นจะต้องเป็นข้อสำคัญในคดี
โจทก์จ่ายเช็คให้นายหว่องหวั่นหลีเป็นค่าจ้างในการทำรั้วสังกะสี นายหว่องหวั่นหลีไม่ทำรั้วสังกะสีตามสัญญา โจทก์จึงอายัดเช็คไว้และไม่นำเงินเข้าบัญชีให้พอจ่ายตามเช็ค ภายหลังมีบุคคลที่ 3 อ้างว่าเป็นผู้ทรงเช็คนำเช็คนั้นมาฟ้องอาญาแก่โจทก์ฐานจ่ายเช็คไม่มีเงิน ศาลพิพากษายกฟ้องเรื่องเช็ค โดยเห็นว่าโจทก์อายัดเช็คไว้โดยไม่มีเจตนาทุจริตเพราะนายหว่องหวั่นหลีไม่ทำรั้วให้ตามสัญญา ระหว่างพิจารณาคดีอาญาเรื่องเช็ค จำเลยได้เข้าเบิกความเป็นพยานในคดีอาญาเรื่องเช็คนั้นว่า นายหว่องหวั่นหลีได้นำเช็คนั้นมาแลกเงินสดของจำเลยไป และจำเลยถูกจับเรื่องเล่นการพนันไพ่เผร่วมกับนายหว่องหวั่นหลี แต่มิได้ถูกตำรวจยึดเช็คนั้นไปด้วย ดังนี้ แม้ข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลนั้นจะเป็นเท็จก็ไม่ใช่ข้อสำคัญแก่คดีที่จะทำให้โจทก์ต้องรับโทษในคดีเรื่องเช็คนั้นแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองรูปร่างสินค้า: แม้มีลักษณะเหมือนกัน แต่หากไม่มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิในการประดิษฐ์ ก็ไม่ถือเป็นการละเมิด
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272(1) เป็นบทบัญญัติว่าด้วยเรื่องเครื่องหมายการค้า มิได้บังคับในเรื่องรูปทรงลวดลายของสินค้าหรือสิ่งผลิตจึงมิใช่เป็นบทบัญญัติห้ามการผลิตวัตถุอันเป็นสินค้ามิให้ ซ้ำกันหรือมีแบบรูปเหมือนคล้ายกัน
เมื่อไม่มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิในการประดิษฐ์สินค้าแม้จำเลยจะผลิตสินค้ามีรูปลักษณะอย่างเดียวกับสินค้าของโจทก์ก็หาเป็นการละเมิดต่อโจทก์ไม่โจทก์จะกล่าวอ้างว่าจำเลยใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหรือใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่โจทก์หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองรูปร่างลักษณะสินค้า: เมื่อไม่มีกฎหมายเฉพาะคุ้มครอง การผลิตสินค้าเลียนแบบจึงไม่ถือเป็นการละเมิด
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272(1) เป็นบทบัญญัติว่าด้วยเรื่องเครื่องหมายการค้า มิได้บังคับในเรื่องรูปทรงลวดลายของสินค้าหรือสิ่งผลิต จึงมิใช่เป็นบทบัญญัติห้ามการผลิตวัตถุอันเป็นสินค้ามิให้ซ้ำกันหรือมีแบบรูปเหมือนคล้ายกัน
เมื่อไม่มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิในการประดิษฐ์สินค้า แม้จำเลยจะผลิตสินค้ามีรูปลักษณะอย่างเดียวกับสินค้าของโจทก์ ก็หาเป็นการละเมิดต่อโจทก์ไม่ โจทก์จะกล่าวอ้างว่าจำเลยใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหรือใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่โจทก์หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 352/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจทำฟืนให้การรถไฟฯ ถือเป็นตราสารตามประมวลรัษฎากร แม้ พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ ไม่ได้เปิดช่อง
พวกสมาชิกนิคมฯ ได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ความว่า ตามที่ได้รับอนุญาตให้ทำฟืนเพื่อการรถไฟฯ นั้น พวกสมาชิกนิคมฯ ได้ตกลงมอบให้บริษัทธนากรเป็นผู้จัดดำเนินการทำฟืนรายนี้ทั้งหมดเพื่อส่งให้แก่การรถไฟฯ เพราะสมาชิกมีกิจจำเป็น ฉะนั้น เพื่อความสะดวกจึงขอมอบให้นายใหญ่ผู้จัดการบริษัทธนากรทำการตัดฟืน ชักลาก ขนส่ง ให้แก่การรถไฟฯ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ และระเบียบของการรถไฟฯ (สมาชิกทุกคนลงชื่อท้ายเอกสาร) เอกสารที่มีข้อความเช่นนี้เป็นตราสารใบมอบอำนาจตามประมวลรัษฎากร
เมื่อเป็นใบมอบอำนาจตามประมวลรัษฎากรแล้ว แม้พระราชบัญญัติป่าไม้ฯ จะเปิดช่องให้มอบอำนาจกันได้หรือไม่ก็ตาม ก็ไม่ทำให้เอกสารดังกล่าวนั้น ไม่เป็นใบมอบอำนาจหน้าที่ของผู้เสียอากรสำหรับใบมอบอำนาจยังคงมีอยู่ตามเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 352/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารมอบอำนาจทำไม้และการเสียอากรแสตมป์ แม้ พ.ร.บ.ป่าไม้ไม่อนุญาต แต่เอกสารยังคงเป็นใบมอบอำนาจตามประมวลรัษฎากร
พวกสมาชิกนิคมฯ ได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ความว่า ตามที่ได้รับอนุญาตให้ทำฟืนเพื่อการรถไฟฯ นั้นพวกสมาชิกนิคมฯ ได้ตกลงมอบให้บริษัทธนากรเป็นผู้จัดดำเนินการทำฟืนรายนี้ทั้งหมดเพื่อส่งให้แก่การรถไฟฯ เพราะสมาชิกมีกิจจำเป็น ฉะนั้น เพื่อความสะดวกจึงขอมอบให้นายใหญ่ผู้จัดการบริษัทธนากรทำการตัดฟืน ชักลาก ขนส่ง ให้แก่การรถไฟฯตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ และระเบียบของการรถไฟฯ (สมาชิกทุกคนลงชื่อท้ายเอกสาร)เอกสารที่มีข้อความเช่นนี้เป็นตราสารใบมอบอำนาจตามประมวลรัษฎากร
เมื่อเป็นใบมอบอำนาจตามประมวลรัษฎากรแล้ว แม้พระราชบัญญัติป่าไม้ฯ จะเปิดช่องให้มอบอำนาจกันได้หรือไม่ก็ตามก็ไม่ทำให้เอกสารดังกล่าวนั้นไม่เป็นใบมอบอำนาจหน้าที่ของผู้เสียอากรสำหรับใบมอบอำนาจยังคงมีอยู่ตามเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายประกันเมื่อผู้ต้องหาหลบหนี แม้ถูกจับในคดีอื่น
นายประกันได้ประกันตัวผู้ต้องหาในคดีหนึ่ง ต่อมาผู้ต้องหานั้นถูกจับในอีกคดีหนึ่ง และได้หลบหนีการควบคุมไปได้เมื่อปรากฏว่านายประกันไม่ได้ขอถอนสัญญาประกันและส่งมอบตัวผู้ต้องหาต่อเจ้าพนักงานผู้ต้องหาจึงยังอยู่ในระหว่างประกันตัวในคดีแรกอยู่เมื่อนายประกันไม่สามารถส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีได้นายประกันจะต้องรับผิดตามสัญญาประกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายประกันเมื่อผู้ต้องหาหลบหนี การไม่ขอถอนประกันทำให้ยังต้องรับผิดตามสัญญา
นายประกันได้ประกันตัวผู้ต้องหาในคดีหนึ่ง ต่อมาผู้ต้องหานั้นถูกจับในอีกคดีหนึ่ง และได้หลบหนีการควบคุมไปได้ เมื่อปรากฏว่านายประกันไม่ได้ขอถอนสัญญาประกันและส่งมอบตัวผู้ต้องหาต่อเจ้าพนักงาน ผู้ต้องหาจึงยังอยู่ในระหว่างประกันตัวในคดีแรกอยู่ เมื่อนายประกันไม่สามารถส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีได้ นายประกันจะต้องรับผิดตามสัญญาประกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1781/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของที่ดินรับผิดภาษีค้างชำระหลังรับโอนโกดังจากผู้ล้มละลาย สัญญาเช่าระงับ
ผู้มีชื่อเช่าที่ดินปลูกโกดังและโอนกันต่อๆ มา เจ้าของโกดังคนสุดท้ายถูกฟ้องล้มละลาย ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วจึงเป็นผลให้สัญญาเช่านั้นต้องระงับไป โกดังจึงตกเป็นกรรมสิทธิแก่จำเลยทันทีตามข้อตกลงในสัญญาเช่า เพราะโกดังเป็นส่วนควบของที่ดิน ไม่ต้องไปทำการโอนจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าของคนใหม่
มาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 เป็นบทบัญญัติที่รัฐจะติดตามเอาค่าภาษีให้ได้ไม่ว่ากรรมสิทธิแห่งทรัพย์สินนั้นจะได้โอนไปเป็นของเจ้าของใหม่โดยเหตุใดๆ ก็ตาม บรรดาเจ้าของคนเก่าและคนใหม่ต้องเป็นลูกหนี้ค่าภาษีร่วมกัน
การที่เจ้าหนี้บุริมสิทธิไม่ไปขอรับชำระหนี้ของผู้ล้มละลายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จะถือว่าเป็นการปลดหนี้ไม่ได้เพราะเจ้าหนี้มิได้แสดงเจตนาต่อลูกหนี้ว่าจะปลดหนี้ให้ หนี้จึงยังไม่ระงับ
ค่าภาษีที่มิได้ชำระภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดเป็นเงินภาษีค้างชำระซึ่งกฎหมายบัญญัติให้เพิ่มจำนวนขึ้น เงินค่าภาษีที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นค่าภาษีที่ค้างชำระซึ่งเจ้าของโรงเรือนและที่ดินคนใหม่ต้องรับผิด
เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าภาษีที่ค้างรวมทั้งเงินเพิ่มภาษี โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากหนี้เงินในระหว่างเวลาผิดนัดได้ ไม่เป็นการเรียกดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย
การที่โจทก์ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไว้น้อยกว่าจำนวนที่แท้จริง ไม่ทำให้โจทก์เสียสิทธิที่จะเรียกให้จำเลยชำระหนี้ตามจำนวนที่แท้จริง
การชำระค่าภาษีเป็นภาระของผู้รับประเมินจะพึงนำไปชำระจะถือว่าเทศบาลประมาทเลินเล่อไม่เรียกเก็บมิได้ จำเลยมีหน้าที่ต้องนำภาษีไปชำระโจทก์ แต่กลับเพิกเฉยเสีย จนโจทก์ต้องฟ้อง จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมเมื่อแพ้คดี
of 75