คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สัญญา ธรรมศักดิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 742 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำและขอบเขตแห่งข้อตกลงสัญญาเช่า: การแบ่งแยกฟ้องร้องในมูลเหตุเดียวกันและการแยกแยะข้อตกลงในสัญญา
คดีแรก โจทก์ฟ้องให้จำเลยส่งมอบสถานที่เช่าคืน คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์โจทก์มาฟ้องคดีหลังเรียกค่าเสียหาย อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุที่จำเลยไม่ส่งมอบสถานที่เช่าคืน เช่นนี้ คดีหลังต้องห้ามมิให้โจทก์ยื่นฟ้องได้อีก ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 (1) (คดีก่อนยังไม่ถึงที่สุด)
ส่วนในคดีหลัง ข้อที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินทุนที่โจทก์ออกทดรองไปก่อนในการก่อสร้าง แม้ข้อตกลงข้อนี้จะปรากฏอยู่ในสัญญาเช่าฉบับเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องคดีแรก ฟ้องคดีหลังก็ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะหนังสือสัญญาฉบับนี้แบ่งแยกข้อตกลงระหว่างคู่สัญญาออกได้เป็นส่วน ๆ มีลักษณะเป็นคนละเรื่องต่างหากจากกัน (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำและขอบเขตข้อตกลงในสัญญาเช่า: การแบ่งแยกข้อตกลงและผลกระทบต่อการฟ้องร้อง
คดีแรก โจทก์ฟ้องให้จำเลยส่งมอบสถานที่เช่าคืนคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์โจทก์มาฟ้องคดีหลังเรียกค่าเสียหายอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุที่จำเลยไม่ส่งมอบสถานที่เช่าคืนเช่นนี้ คดีหลังต้องห้ามมิให้โจทก์ยื่นฟ้องได้อีกตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1) (คดีก่อนยังไม่ถึงที่สุด)
ส่วนในคดีหลัง ข้อที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินทุนที่โจทก์ออกทดรองไปก่อนในการก่อสร้างแม้ข้อตกลงข้อนี้จะปรากฏอยู่ในสัญญาเช่าฉบับเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องคดีแรก ฟ้องคดีหลังก็ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะหนังสือสัญญาฉบับนี้แบ่งแยกข้อตกลงระหว่างคู่สัญญาออกได้เป็นส่วนๆมีลักษณะเป็นคนละเรื่องต่างหากจากกัน (ประชุมใหญ่ครั้งที่4/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 462/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตโฉนดเป็นข้อสันนิษฐานกรรมสิทธิ์ โจำเลยต้องพิสูจน์หักล้าง
เมื่อที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์โจทก์ย่อมได้รับข้อสันนิษฐานว่าที่พิพาทเป็นสิทธิของโจทก์ ถ้าจำเลยอ้างว่าเป็นของจำเลย ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายจำเลยที่จะต้องนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานนี้ หากนำสืบไม่ได้ จำเลยก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 462/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตโฉนดเป็นข้อสันนิษฐานกรรมสิทธิ์ หากจำเลยไม่นำสืบหักล้าง โจทก์ชนะคดี
เมื่อที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์โจทก์ย่อมได้รับข้อสันนิษฐานว่าที่พิพาทเป็นสิทธิของโจทก์ถ้าจำเลยอ้างว่าเป็นของจำเลย ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายจำเลยที่จะต้องนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานนี้หากนำสืบไม่ได้จำเลยก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดลักทรัพย์/รับของโจรในต่างประเทศ: โจทก์ไม่ต้องพิสูจน์ว่าผิดกฎหมายต่างประเทศ
ความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรซึ่งคนไทยทำขึ้นในต่างประเทศ นั้นประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 มิได้มีข้อความกำหนดให้โจทก์จำต้องนำสืบว่าจะต้องเป็นการกระทำที่กฎหมายในต่างประเทศบัญญัติว่าเป็นความผิด ทั้งความผิดทั้งสองฐานนี้ก็ได้มีบัญญัติไว้ใน มาตรา 8(8)(12)แล้วฉะนั้นถึงแม้ความผิดทั้งสองฐานนี้จะเกิดในต่างประเทศโจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องนำสืบว่าความผิดดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายของต่างประเทศนั้นๆ ด้วย (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดลักทรัพย์-รับของโจรในต่างประเทศ: ไม่จำต้องพิสูจน์ความผิดตามกฎหมายต่างประเทศ
ความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรซึ่งคนไทยทำขึ้นในต่างประเทศ นั้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 มิได้มีข้อความกำหนดให้โจทก์จำต้องนำสืบว่า จะต้องเป็นการกระทำที่กฎหมายในต่างประเทศบัญญัติว่า เป็นความผิด ทั้งความผิดทั้งสองฐานนี้ก็ได้มีบัญญัติไว้ใน มาตรา 8 (8) (12) แล้วฉะนั้นถึงแม้ความผิดทั้งสองฐานนี้จะเกิดในต่างประเทศ โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องนำสืบว่าควรผิดดังกล่าว เป็นความผิดตามกฎหมายของต่างประเทศนั้น ๆ ด้วย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกเงินค่าจำนำวิทยุ ไม่ใช่การยักยอกทรัพย์ ยักยอกเงินค่าจำนำถือเป็นเรื่องบังคับชำระหนี้ ไม่เป็นความผิดอาญา
ตามฟ้องของโจทก์นี้ (ดูฟ้องโจทก์) แปลได้ว่า เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกเงินค่าจำนำวิทยุ (ไม่ใช่ยักยอกเครื่องวิทยุ) จึงไม่มีมูลคดีอาญา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกเงินค่าจำนำวิทยุ ไม่ใช่การยักยอกทรัพย์ โจทก์ไม่มีมูลฟ้องอาญา
ตามฟ้องของโจทก์นี้ (ดูฟ้องโจทก์) แปลได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกเงินค่าจำนำวิทยุ (ไม่ใช่ยักยอกเครื่องวิทยุ)จึงไม่มีมูลคดีอาญา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์แนวเขตที่ดินโดยวิธีขึงเชือกและทิ้งดิ่ง ศาลฎีกาเห็นชอบด้วยวิธีสอบแนวเขต
ศาลพิพากษาให้โจทก์รื้อหลังคาเรือนโจทก์ที่รุกล้ำเข้าไปในแนวเขตที่ดินของจำเลย ระหว่างหลัก ย.409845 กับ หลัก ย.461688 ในชั้นบังคับคดี ได้ทำการขึงเชือกจากหลัก ย. 409845 ถึงหลักกลางไปยังหลัก ย. 415625 และทิ้งดิ่งจากชายคาเรือนโจทก์ ปรากฏว่า ชายคาเรือนของโจทก์รุกล้ำเข้าไปในแนวเขตที่ดินของจำเลยดังนี้ การที่ศาลสอบด้วยวิธีขึงเชือกและทิ้งดิ่งเป็นการสอบแนวเขตถูกต้อง และชอบตามคำพิพากษาแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์แนวเขตที่ดินโดยการขึงเชือกและทิ้งดิ่งเป็นวิธีที่ถูกต้องตามคำพิพากษา
ศาลพิพากษาให้โจทก์รื้อหลังคาเรือนโจทก์ที่รุกล้ำเข้าไปในแนวที่ดินของจำเลย ระหว่างหลัก ย.409845กับหลักย.461688 ในชั้นบังคับคดี ได้ทำการขึงเชือกจากหลักย.409845 ถึงหลักกลางไปยังหลัก ย.415625 และทิ้งดิ่งจากชายคาเรือนของโจทก์ ปรากฏว่าชายคาเรือนของโจทก์รุกล้ำเข้าไปในแนวเขตที่ดินของจำเลย ดังนี้ การที่ศาลสอบด้วยวิธีขึงเชือกและทิ้งดิ่งเป็นการสอบแนวเขตถูกต้องและชอบตามคำพิพากษาแล้ว
of 75