พบผลลัพธ์ทั้งหมด 742 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนสืบพยานหลายครั้งที่ไม่ใช่ความผิดโจทก์ ศาลมิควรสั่งจำหน่ายคดีโดยง่าย
การขอเลื่อนสืบพยานโจทก์ถึง 6 ครั้ง ถ้าแต่ละครั้งไม่ใช่ความผิดของโจทก์ ศาลก็ไม่ควรสั่งจำหน่ายคดี
ในการนัดสืบพยานโจทก์ครั้ง ที่ 4 พยานโจทก์บางคนโทรเลขแจ้งว่าป่วย บางคนเซ็นทราบนัดแล้ว ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง โจทก์แถลงขอให้ศาลออกหมายจับพยานศาลสั่งให้ไต่สวนก่อนออกหมายจับและสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์ต่อไปและออกหมายเรียกพยานโดยกำหนดวันไว้ด้วย เป็นวันหลังจากนัดนัดไต่สวนเพื่อออกหมายจับพยาน การที่ในวันนัดไต่สวนไม่มีคู่ความมาศาลเลย ทั้ง 2 ฝ่าย เช่นนี้ จะถือว่าเป็นความผิดของโจทก์ไม่ได้ เพราะการออกหมายเรียกให้พยานมาเบิกความในวันต่อไปนั้น ก็เท่ากับให้โอกาศพยานอีกครั้ง การไต่สวนเพื่ออกหมายจับก็ย่อมไม่จำเป็นซึ่งโจทก์อาจเข้าใจเช่นนี้ก็ได้ จึงไม่ได้มาศาลในวันนัดไต่สวน
ในการนัดสืบพยานโจทก์ครั้ง ที่ 4 พยานโจทก์บางคนโทรเลขแจ้งว่าป่วย บางคนเซ็นทราบนัดแล้ว ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง โจทก์แถลงขอให้ศาลออกหมายจับพยานศาลสั่งให้ไต่สวนก่อนออกหมายจับและสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์ต่อไปและออกหมายเรียกพยานโดยกำหนดวันไว้ด้วย เป็นวันหลังจากนัดนัดไต่สวนเพื่อออกหมายจับพยาน การที่ในวันนัดไต่สวนไม่มีคู่ความมาศาลเลย ทั้ง 2 ฝ่าย เช่นนี้ จะถือว่าเป็นความผิดของโจทก์ไม่ได้ เพราะการออกหมายเรียกให้พยานมาเบิกความในวันต่อไปนั้น ก็เท่ากับให้โอกาศพยานอีกครั้ง การไต่สวนเพื่ออกหมายจับก็ย่อมไม่จำเป็นซึ่งโจทก์อาจเข้าใจเช่นนี้ก็ได้ จึงไม่ได้มาศาลในวันนัดไต่สวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากความล่าช้าในการสืบพยาน มิใช่ความผิดของโจทก์ ศาลต้องพิจารณาเหตุผลประกอบ
การขอเลื่อนสืบพยานโจทก์ถึง 6 ครั้ง ถ้าแต่ละครั้งไม่ใช่ความผิดของโจทก์ ศาลก็ไม่ควรสั่งจำหน่ายคดี
ในการนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่ 4 พยานโจทก์บางคนโทรเลขแจ้งว่าป่วย บางคนเซ็นทราบนัดแล้วไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง โจทก์แถลงขอให้ศาลออกหมายจับพยานศาลสั่งให้ไต่สวนก่อนออกหมายจับและสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์ต่อไปและออกหมายเรียกพยานโดยกำหนดวันไว้ด้วยเป็นวันหลังจากวันนัดไต่สวนเพื่อออกหมายจับพยาน การที่ในวันนัดไต่สวนไม่มีคู่ความมาศาลเลย ทั้ง 2 ฝ่าย เช่นนี้ จะถือว่าเป็นความผิดของโจทก์ไม่ได้เพราะการออกหมายเรียกให้พยานมาเบิกความในวันต่อไปนั้น ก็เท่ากับให้โอกาสพยานอีกครั้ง การไต่สวนเพื่อออกหมายจับก็ย่อมไม่จำเป็นซึ่งโจทก์อาจเข้าใจ เช่นนี้ก็ได้ จึงไม่ได้มาศาลในวันนัดไต่สวน
ในการนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่ 4 พยานโจทก์บางคนโทรเลขแจ้งว่าป่วย บางคนเซ็นทราบนัดแล้วไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง โจทก์แถลงขอให้ศาลออกหมายจับพยานศาลสั่งให้ไต่สวนก่อนออกหมายจับและสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์ต่อไปและออกหมายเรียกพยานโดยกำหนดวันไว้ด้วยเป็นวันหลังจากวันนัดไต่สวนเพื่อออกหมายจับพยาน การที่ในวันนัดไต่สวนไม่มีคู่ความมาศาลเลย ทั้ง 2 ฝ่าย เช่นนี้ จะถือว่าเป็นความผิดของโจทก์ไม่ได้เพราะการออกหมายเรียกให้พยานมาเบิกความในวันต่อไปนั้น ก็เท่ากับให้โอกาสพยานอีกครั้ง การไต่สวนเพื่อออกหมายจับก็ย่อมไม่จำเป็นซึ่งโจทก์อาจเข้าใจ เช่นนี้ก็ได้ จึงไม่ได้มาศาลในวันนัดไต่สวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์สัตว์พาหนะและการซื้อขายที่ยังไม่จดทะเบียน: การกระทำไม่ถึงฐานลักทรัพย์
จำเลยได้ขายกระบือของกลางให้แก่ผู้เสียหายไปแล้ว แต่ตั๋วรูปพรรณยังมีจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. สัตว์พาหนะ พงศ. 2482 ม. 14 การซื้อขายจึงตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 456 แม้การชำระราคายังโต้เถียงกัน จำเลยยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อยู่ ส่วนผู้เสียหายคงมีสิทธิครอบครองเท่านั้น เมื่อจำเลยไปเอากระบือจากผู้เสียหายมา ดังนี้ จำเลยยังไม่มีผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์สัตว์พาหนะยังไม่โอน การเอากระบือคืนไม่เป็นลักทรัพย์
จำเลยได้ขายกระบือของกลางให้แก่ผู้เสียหายไปแล้วแต่ตั๋วรูปพรรณยังมิจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ตาม พระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ.2482 มาตรา 14 การซื้อขายจึงตกเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 แม้การชำระราคายังโต้เถียงกัน จำเลยยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อยู่ส่วนผู้เสียหายคงมีสิทธิครอบครองเท่านั้น เมื่อจำเลยไปเอากระบือจากผู้เสียหายมาดังนี้ จำเลยยังไม่มีผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือวิ่งราวทรัพย์ต้องมุ่งเอาทรัพย์เป็นของตนเองหรือผู้อื่น
ความผิดฐานลักทรัพย์ เป็นเรื่องเอาทรัพย์ของคนอื่นหรือเอาทรัพย์ซึ่งคนอื่นมีเจ้าของร่วมด้วยไปโดยเจตนาจะเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือผู้อื่น ฉะนั้นเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเจตนาที่จะเอาทรัพย์เป็นของตนหรือของผู้อื่น แต่แสดงว่าเป็นเรื่องเจตนาอย่างอื่น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือวิ่งราวทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือวิ่งราวทรัพย์ ต้องมีเจตนาเอาทรัพย์เป็นของตนเองหรือผู้อื่น หากไม่มีเจตนาดังกล่าว ไม่ถือเป็นความผิด
ความผิดฐานลักทรัพย์เป็นเรื่องเอาทรัพย์ของคนอื่นหรือเอาทรัพย์ซึ่งคนอื่นมีเจ้าของร่วมด้วย ไปโดยเจตนาจะเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือผู้อื่น ฉะนั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเจตนาที่จะเอาทรัพย์เป็นของตนหรือของผู้อื่น แต่แสดงว่า เป็นเรื่องเจตนาอย่างอื่น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือวิ่งราวทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 277/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ-เบิกความเท็จเป็นละเมิด โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้
จำเลยถูกลงโทษคดีถึงที่สุดในเรื่องแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จว่า โจทก์รับสิ่งของไว้โดยรู้ว่า เป็นสิ่งของที่หลีกเหลี่ยงอากรขาเข้าจนเป็นเหตุให้โจทก์ถูกฟ้องในคดีอาญาเช่นนี้ ถือว่า การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายทดแทนเพื่อเหตุละเมิดได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 420, 438 และในการพิจารณาคดีส่วนแพ่ง เรื่องนี้ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงตามคดีอาญา คือ ฟังว่าจำเลยได้แจ้งความเท็จและเบิกความเท็จจริง เมื่อจำเลยยังต่อสู้ในเรื่องค่าเสียหายอยู่ ศาลจะต้องฟังพยานของคู่ความต่อไป เฉพาะในเรื่องจำนวนค่าเสียหายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 277/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายทางแพ่ง: สิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
จำเลยถูกลงโทษคดีถึงที่สุดในเรื่องแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จว่าโจทก์รับสิ่งของไว้โดยรู้ว่าเป็นสิ่งของที่หลีกเลี่ยงอากรขาเข้าจนเป็นเหตุให้โจทก์ถูกฟ้องในคดีอาญาเช่นนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายทดแทนเพื่อเหตุละเมิดได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420,438 และในการพิจารณาคดีส่งแพ่งเรื่องนี้ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงตามคดีอาญาคือ ฟังว่าจำเลยได้แจ้งความเท็จและเบิกความเท็จจริง เมื่อจำเลยยังต่อสู้ในเรื่องค่าเสียหายอยู่ ศาลจะต้องฟังคำพยานของคู่ความต่อไปเฉพาะในเรื่องจำนวนค่าเสียหายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเช็ค: สมคบร่วมกระทำผิดได้ แม้ไม่ใช่ผู้ออกเช็ค
การกระทำความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 นั้นไม่จำต้องกระทำโดยบุคคลเพียงคนหนึ่งคนเดียว แต่บุคคลหลายคนอาจสมคบร่วมกระทำผิดด้วยกันได้
โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยสมคบกับพวกออกเช็คไม่มีเงิน จำเลยเป็นผู้กรอกรายการต่าง ๆ ในเช็คนั้น และระบุชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นมาในฟ้องด้วย เช่นนี้ ศาลอาญาก็ชอบที่จะต้องรับประทับฟ้องของโจทก์ดังกล่าวนี้ไว้พิจารณาต่อไป
โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยสมคบกับพวกออกเช็คไม่มีเงิน จำเลยเป็นผู้กรอกรายการต่าง ๆ ในเช็คนั้น และระบุชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นมาในฟ้องด้วย เช่นนี้ ศาลอาญาก็ชอบที่จะต้องรับประทับฟ้องของโจทก์ดังกล่าวนี้ไว้พิจารณาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเช็คสมคบร่วมกันได้ แม้ไม่ใช่ผู้ออกเช็คโดยตรง
การกระทำความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 นั้น ไม่จำต้องกระทำโดยบุคคลเพียงคนหนึ่งคนเดียว แต่บุคคลหลายคนอาจสมคบร่วมกระทำผิดด้วยกันได้
โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยสมคบกับพวกออกเช็คไม่มีเงินจำเลยเป็นผู้กรอกรายการต่างๆ ในเช็คนั้น และระบุชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นมาในฟ้องด้วย เช่นนี้ศาลอาญาก็ชอบที่จะต้องรับประทับฟ้องของโจทก์ดังกล่าวนี้ไว้พิจารณาต่อไป
โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยสมคบกับพวกออกเช็คไม่มีเงินจำเลยเป็นผู้กรอกรายการต่างๆ ในเช็คนั้น และระบุชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นมาในฟ้องด้วย เช่นนี้ศาลอาญาก็ชอบที่จะต้องรับประทับฟ้องของโจทก์ดังกล่าวนี้ไว้พิจารณาต่อไป