พบผลลัพธ์ทั้งหมด 742 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องความผิดฐานประมาทต้องระบุรายละเอียดการกระทำ หากโจทก์ฟ้องเฉพาะเจตนา ศาลลงโทษประมาทไม่ได้
ความผิดฐานพยายามฆ่าคนโดยเจตนากับความผิดฐานประมาททำให้คนรับอันตรายแก่กายถึงสาหัสนั้น ลักษณะการกระทำแตกต่างกัน อันถือว่าเป็นสาระสำคัญ กล่าวคือ ในความผิดที่กระทำโดยประมาทโจทก์จะต้องบรรยายฟ้องให้จำเลยทราบว่า การกระทำของจำเลยเป็นประการใดจึงเรียกว่าจำเลยกระทำโดยประมาท จำเลยจะได้ต่อสู้คดีในฐานประมาทได้ด้วย มิฉะนั้น เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยพยายามฆ่าโดยเจตนา จะลงโทษฐานประมาททำให้คนรับอันตรายแก่กายถึงสาหัสไม่ได้หากโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยฐานประมาททำให้คนรับอันตรายแก่กายถึงสาหัสด้วย โจทก์ก็ชอบที่จะบรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยเป็นท้องเรื่องมาในฟ้องอันเห็นได้ว่า หากจำเลยไม่เจตนาจำเลยก็ได้กระทำการโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้น จักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์เช่นนี้ ศาลก็ยังอาจจะลงโทษจำเลยฐานทำอันตรายแก่กายถึงสาหัสโดยประมาทได้เพราะเป็นเรื่องอยู่ในฟ้องแล้ว (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 75/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพที่ไม่เป็นความผิดตามฟ้อง: เช็คลงวันที่ขัดแย้งกัน
การที่จะลงโทษจำเลยในคดีที่จำเลยรับสารภาพ ต้องอาศัยคำฟ้อง การกระทำของจำเลยที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องนั้น ไม่เป็นความผิด เพราะโจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยออกเช็คในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2500 ให้จ่ายเงินแก่นางจารุวรรณย้อนหลัง ไปในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2500 และในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2500 นั้น นางจารุวรรณได้นำเช็คดังกล่าวไปขอรับเงินจากธนาคาร เมื่อฟ้องคงเป็นอยู่เช่นนี้ แม้จำเลยจะรับสารภาพ ก็เป็นการรับสารภาพตามฟ้องที่ไม่เป็นความผิด ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2502)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 75/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพที่ไม่เป็นความผิดตามฟ้อง ศาลไม่อาจลงโทษจำเลยได้
การที่จะลงโทษจำเลยในคดีที่จำเลยรับสารภาพ ต้องอาศัยคำฟ้องการกระทำของจำเลยที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องนั้นไม่เป็นความผิด เพราะโจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยออกเช็คในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2500 ให้จ่ายเงินแก่นางจารุวรรณย้อนหลังไปในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2500 และในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2500 นั้น นางจารุวรรณได้นำเช็คดังกล่าวไปขอรับเงินจากธนาคาร เมื่อฟ้องคงเป็นอยู่เช่นนี้ แม้จำเลยจะรับสารภาพ ก็เป็นการรับสารภาพตามฟ้องที่ไม่เป็นความผิดย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ในที่สาธารณะ ไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 329(4) และอำนาจศาลในการนับโทษ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา329 (4) บัญญัติถึงกรณีที่ว่า ได้มีการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุมแล้วได้มีการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมในเรื่องนั้น ๆ
จำเลยพูดกล่าวถ้อยคำอันเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ในที่ประชุมสาธารณะจำเลยจะยก มาตรา 329(4) มาเพื่อให้พ้น ผิดหาได้ไม่
การนับโทษจำเลยต่อ เป็นอำนาจศาลที่จะสั่งให้โทษจำคุกในคดีหนึ่ง ๆ เริ่มนับแต่วันใดได้ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้
จำเลยพูดกล่าวถ้อยคำอันเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ในที่ประชุมสาธารณะจำเลยจะยก มาตรา 329(4) มาเพื่อให้พ้น ผิดหาได้ไม่
การนับโทษจำเลยต่อ เป็นอำนาจศาลที่จะสั่งให้โทษจำคุกในคดีหนึ่ง ๆ เริ่มนับแต่วันใดได้ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ในที่สาธารณะ ไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(4) และอำนาจศาลในการนับโทษ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(4) บัญญัติถึงกรณีที่ว่าได้มีการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม แล้วได้มีการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมในเรื่องนั้นๆ
จำเลยพูดกล่าวถ้อยคำอันเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ในที่ประชุมสาธารณะ จำเลยจะยก มาตรา 329(4) มาเพื่อให้พ้นผิดหาได้ไม่
การนับโทษจำเลยต่อ เป็นอำนาจศาลที่จะสั่งให้โทษจำคุกในคดีหนึ่งๆเริ่มนับแต่วันใดได้ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้
จำเลยพูดกล่าวถ้อยคำอันเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ในที่ประชุมสาธารณะ จำเลยจะยก มาตรา 329(4) มาเพื่อให้พ้นผิดหาได้ไม่
การนับโทษจำเลยต่อ เป็นอำนาจศาลที่จะสั่งให้โทษจำคุกในคดีหนึ่งๆเริ่มนับแต่วันใดได้ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าโดยมีเจตนาไม่สุจริตและอาศัยความนิยมของเครื่องหมายผู้อื่นเพื่อแสวงหาประโยชน์
โจทก์ได้ใช้คำว่า แฟ๊บ (FAB) เป็นเครื่องหมายการค้า สำหรับผงซักฟอกมาช้านานและแพร่หลาย จำเลยจงใจใช้เครื่องหมายการค้า FAB สำหรับผงซักฟอกมาช้านานและแพร่หลาย จำเลยจงใจใช้เครื่องหมายการค้า FAB ให้เหมือนกันเครื่องหมายการค้าของโจทก์ สำหรับสินค้าแปรงสีฟันของจำเลย โดยจำเลยเห็นว่า สินค้าของโจทก์ที่มีเครื่องหมายนี้ เป็นที่นิยมแพร่หลาย เพื่อให้ผู้ซื้อหลงว่าสินค้าที่มีเครื่องหมายนี้เป็นสินค้าของเจ้าของสินค้ารายเดียวกัน สินค้าของจำเลยจะได้ขายได้ดีตามที่ผู้คนนิยมเชื่อถือสินค้าที่มีเครื่องหมายนี้มาแล้ว เมื่อโจทก์ไปขอจดทะเบียนเครื่องหมายแฟ๊บ (FAB) สำหรับสินค้าจำพวกแปรงสีฟัน ปรากฏว่าจำเลย ได้ขอจดทะเบียนคำว่าแฟ๊บ (FAG) สำหรับสินค้าจำพวกแปรงสีฟันไว้ก่อนแล้ว การกระทำของจำเลยเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยอาศัยแอบอิง เอารูปเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาเพื่อใช้กับสินค้าของจำเลยโดยเจตนาไม่สุจริต เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เช่นนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารายนี้ดีกว่า จำเลย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 16/2502)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 16/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เครื่องหมายการค้าที่คล้ายกันโดยเจตนาทุจริตและแสวงหาประโยชน์จากชื่อเสียงของผู้อื่น
โจทก์ได้ใช้คำว่า 'แฟ๊บ'(FAB)เป็นเครื่องหมายการค้าสำหรับผงซักฟอกมาช้านานและแพร่หลาย จำเลยจงใจใช้เครื่องหมายการค้าFABให้เหมือนกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์สำหรับสินค้าแปรงสีฟันของจำเลย โดยจำเลยเห็นว่าสินค้าของโจทก์ที่มีเครื่องหมายนี้เป็นที่นิยมแพร่หลายเพื่อให้ผู้ซื้อหลงว่าสินค้าที่มีเครื่องหมายนี้เป็นสินค้าของเจ้าของสินค้ารายเดียวกันสินค้าของจำเลยจะได้ขายได้ดีตามที่ผู้คนนิยมเชื่อถือสินค้าที่มีเครื่องหมายนี้มาแล้ว เมื่อโจทก์ไปขอจดทะเบียนเครื่องหมายแฟ๊บ(FAB)สำหรับสินค้าจำพวกแปรงสีฟันปรากฏว่าจำเลยได้ขอจดทะเบียนคำว่าแฟ๊บ(FAB)สำหรับสินค้าจำพวกแปรงสีฟันไว้ก่อนแล้วการกระทำของจำเลยเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยอาศัยแอบอิงเอารูปเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาเพื่อใช้กับสินค้าของจำเลยโดยเจตนาไม่สุจริต เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เช่นนี้โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารายนี้ดีกว่าจำเลย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2502)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าเป็ด: ความผิดตามมาตรา 358 ไม่ใช่ความผิดตามมาตรา 359
จำเลยเจตนาฆ่าเป็ดของผู้เสียหาย โดยโปรยข้าวเปลือกผสมยาพิษให้เป็ดกินเป็ดตายเพราะเหตุนี้ 33 ตัว การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม มาตรา 358 ไม่ผิดตามมาตรา 359 เพราะเป็ดไม่ใช่ปศุสัตว์ตาม มาตรา 359(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าเป็ด: ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 และการใช้ดุลพินิจกำหนดโทษ
จำเลยเจตนาฆ่าเป็ดของผู้เสียหาย โดยโปรยข้าวเปลือกผสมยาพิษให้เป็ดกิน เป็ดตาย เพราะเหตุนี้ 33 ตัว การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม มาตรา 358 ไม่ผิดตามมาตรา 259 เพราะเป็ดไม่ใช่ปศุสัตว์ตาม มาตรา 359(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11-13/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมต้องเพื่อประโยชน์แก่ทรัพย์อื่น การฟ้องเคลือบคลุม และหน้าที่ของผู้เช่า
อสังหาริมทรัพย์อาจตกอยู่ในภาระจำยอม ก็เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่นเท่านั้น จะอ้างว่าใช้ที่ดินนั้นเพื่อประโยชน์แก่การค้าน้ำแข็งหาได้ไม่
ผู้ที่ต้องยอมรับภารจำยอมคือ เจ้าของทรัพย์ จำเลยเป็นเพียงผู้เช่าที่ดินของวัด จำเลยย่อมไม่มีหน้าที่จะ ยกวัดเข้ามาเป็นจำเลย
โจทก์ฟ้องอ้างภาระจำยอม โดยกล่าวว่า โจทก์ได้ใช้ที่ดินนั้นเข้าออกเพื่อประโยชน์อื่น เช่นนี้ เป็นการฟ้องเคลือบคลุม ไม่แจ้งชัดว่าประโยชน์ใด โจทก์จะนำสืบมิได้ เพราะไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรค 2
ประเด็นในคดีเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยของโจทก์ภายหลังการกั้นรั้วของจำเลยหรือเพราะเหตุที่กั้นรั้วนั้น ว่าโจทก์ยังสุขสบายตามสมควรหรือไม่ เช่นนี้ ศาลไม่จำเป็นต้องสืบพยานถึงความสุขสบายของโจทก์ ตั้งแต่ครั้งที่จำเลยยังไม่กั้นรั้วและศาลยังไม่ไปเดินเผชิญสืบ
ผู้ที่ต้องยอมรับภารจำยอมคือ เจ้าของทรัพย์ จำเลยเป็นเพียงผู้เช่าที่ดินของวัด จำเลยย่อมไม่มีหน้าที่จะ ยกวัดเข้ามาเป็นจำเลย
โจทก์ฟ้องอ้างภาระจำยอม โดยกล่าวว่า โจทก์ได้ใช้ที่ดินนั้นเข้าออกเพื่อประโยชน์อื่น เช่นนี้ เป็นการฟ้องเคลือบคลุม ไม่แจ้งชัดว่าประโยชน์ใด โจทก์จะนำสืบมิได้ เพราะไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรค 2
ประเด็นในคดีเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยของโจทก์ภายหลังการกั้นรั้วของจำเลยหรือเพราะเหตุที่กั้นรั้วนั้น ว่าโจทก์ยังสุขสบายตามสมควรหรือไม่ เช่นนี้ ศาลไม่จำเป็นต้องสืบพยานถึงความสุขสบายของโจทก์ ตั้งแต่ครั้งที่จำเลยยังไม่กั้นรั้วและศาลยังไม่ไปเดินเผชิญสืบ