พบผลลัพธ์ทั้งหมด 742 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะและการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรงเป็นเหตุลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 เป็นคุณแก่จำเลยยิ่งกว่ากฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 55
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุก่อน คือ เมาสุราเข้าไปในวงหมากรุกที่จำเลยที่ 1 กำลังเล่นอยู่ แล้วใช้เท้าปัดหรือกวาดตัวหมากรุกในกระดานต่อหน้าประชาชนที่ล้อมดูอยู่เป็นอันมาก การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามข่มเหงน้ำใจจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เพราะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันอยู่
การกระทำโดยบันดาลโทสะที่จะได้รับความปราณีลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จะต้องปรากฏว่า ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวข้างต้น เกิดในบริเวณวัดซึ่งกำลังมีงานเผาศพต่อหน้าประชาชนจำนวนไม่น้อย จำเลยที่ 1 ย่อมจะรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองเป็นอย่างมาก ย่อมถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 แล้ว
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุก่อน คือ เมาสุราเข้าไปในวงหมากรุกที่จำเลยที่ 1 กำลังเล่นอยู่ แล้วใช้เท้าปัดหรือกวาดตัวหมากรุกในกระดานต่อหน้าประชาชนที่ล้อมดูอยู่เป็นอันมาก การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามข่มเหงน้ำใจจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เพราะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันอยู่
การกระทำโดยบันดาลโทสะที่จะได้รับความปราณีลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จะต้องปรากฏว่า ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวข้างต้น เกิดในบริเวณวัดซึ่งกำลังมีงานเผาศพต่อหน้าประชาชนจำนวนไม่น้อย จำเลยที่ 1 ย่อมจะรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองเป็นอย่างมาก ย่อมถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะและการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง ทำให้ศาลลดโทษจำเลยได้ตามกฎหมาย
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 เป็นคุณแก่จำเลยยิ่งกว่ากฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 55
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุก่อน คือ เมาสุราเข้าไปในวงหมากรุกที่จำเลยที่ 1 กำลังเล่นอยู่ แล้วใช้เท้าปัดหรือกวาดตัวหมากรุกในกระดานต่อหน้าประชาชนคนที่ล้อมดูอยู่เป็นอันมาก การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามข่มเหงน้ำใจจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเพราะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันอยู่
การกระทำโดยบันดาลโทสะที่จะได้รับความปราณีลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จะต้องปรากฏว่า ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวข้างต้น เกิดในบริเวณวัดซึ่งกำลังมีงานเผาศพต่อหน้าประชาชนจำนวนไม่น้อย จำเลยที่ 1 ย่อมจะรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองเป็นอย่างมาก ย่อมถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 แล้ว
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุก่อน คือ เมาสุราเข้าไปในวงหมากรุกที่จำเลยที่ 1 กำลังเล่นอยู่ แล้วใช้เท้าปัดหรือกวาดตัวหมากรุกในกระดานต่อหน้าประชาชนคนที่ล้อมดูอยู่เป็นอันมาก การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามข่มเหงน้ำใจจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเพราะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันอยู่
การกระทำโดยบันดาลโทสะที่จะได้รับความปราณีลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จะต้องปรากฏว่า ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวข้างต้น เกิดในบริเวณวัดซึ่งกำลังมีงานเผาศพต่อหน้าประชาชนจำนวนไม่น้อย จำเลยที่ 1 ย่อมจะรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองเป็นอย่างมาก ย่อมถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะ: การลดโทษอาญาในกรณีที่ผู้ถูกข่มเหงกระทำผิดต่อผู้ข่มเหงภายหลังเหตุข่มเหง
ผู้ตายไปพบนางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยอยู่บ้านคนเดียวก็คุกคามเกรี้ยวกราดเป็นทำนองข่มเหงว่าจะฆ่าจะชำเรา ครั้นนางเกษร้องเอ็ดอึงขึ้น ผู้ตายเป็นพระภิกษุจึงต้องรีบลงจากเรือนไป แต่พอดีจำเลยทั้งสองกลับมาได้ยินเสียงร้องและเมื่อทราบเรื่องเลยออกติดตามทันที จำเลยตามไปห่างเรือน 6-7 เส้น ก็ทันและทำร้ายผู้ตายนอนตายอยู่บนถนน ถือว่าการกระทำของนายสุวรรณจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นแล้ว
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ผู้ถูกข่มเหงไม่จำเป็นจะต้องกระทำลงทันทีหรือ ณ ที่ซึ่งถูกข่มเหง หากได้กระทำผิดต่อผู้ที่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ก็ยังถือว่ากระทำโดยบันดาลโทสะได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2502)
นายสอจำเลยกับนายสุวรรณจำเลยเป็นเพียงเพื่อนสนิทกัน การที่นางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยถูกข่มเหงรังแก ย่อมเป็นการข่มเหงนายสุวรรณผู้สามีด้วย เป็นเหตุผลเกี่ยวกับตัวบุคคลหาใช่ลักษณะคดีไม่ แม้จำเลยทั้งสองจะทำผิดร่วมกัน ก็จะปรับบทลงโทษนายสอจำเลยตาม มาตรา 72 คือ เหตุลดโทษเพราะบันดาลโทสะด้วยหาได้ไม่
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ผู้ถูกข่มเหงไม่จำเป็นจะต้องกระทำลงทันทีหรือ ณ ที่ซึ่งถูกข่มเหง หากได้กระทำผิดต่อผู้ที่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ก็ยังถือว่ากระทำโดยบันดาลโทสะได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2502)
นายสอจำเลยกับนายสุวรรณจำเลยเป็นเพียงเพื่อนสนิทกัน การที่นางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยถูกข่มเหงรังแก ย่อมเป็นการข่มเหงนายสุวรรณผู้สามีด้วย เป็นเหตุผลเกี่ยวกับตัวบุคคลหาใช่ลักษณะคดีไม่ แม้จำเลยทั้งสองจะทำผิดร่วมกัน ก็จะปรับบทลงโทษนายสอจำเลยตาม มาตรา 72 คือ เหตุลดโทษเพราะบันดาลโทสะด้วยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากเหตุข่มเหง: การลดโทษอาญาในคดีทำร้ายถึงแก่ชีวิต
ผู้ตายไปพบนางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยอยู่บ้านคนเดียว ก็คุกคามเกรี้ยวกราดเป็นทำนองข่มเหงว่าจะฆ่าจะชำเรา ครั้นนางเกษร้องเอ็ดอึงขึ้น ผู้ตายเป็นพระภิกษุจึงต้องรีบลงจากเรือนไป แต่พอดีจำเลยทั้งสองกลับมาได้ยินเสียงร้องและเมื่อทราบเรื่องเลยออกติดตามทันทีจำเลยตามไปห่างเรือน 6 - 7 เส้น ก็ทันและทำร้ายผู้ตายนอนตายอยู่บนถนน ถือว่า การกระทำของนายสุวรรณจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นแล้ว
ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.72 ผู้ถูกข่มเหงไม่จำเป็นจะต้องกระทำลงทันทีหรือ ณ ที่ซึ่งถูกข่มเหง หากได้กระทำผิดต่อผู้ที่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ก็ยังถือว่ากระทำโดยบันดาลโทสะได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2502)
นายสอจำเลยกับนายสุวรรณจำเลยเป็นเพียงเพื่อนสนิทกัน การที่นางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยถูกข่มเหงรังแก ย่อมเป็นการข่มเหงนายสุวรรณผู้สามีด้วย เป็นเหตุผลเกี่ยวกับตัวบุคคล หาใช่ลักษณะคดีไม่ แม้จำเลยทั้งสองจะทำผิดร่วมกัน ก็จะปรับบทลงโทษนายสอจำเลยตาม มาตรา 72 คือ เหตุลดโทษเพราะบันดาลโทสะด้วยหาได้ไม่
ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.72 ผู้ถูกข่มเหงไม่จำเป็นจะต้องกระทำลงทันทีหรือ ณ ที่ซึ่งถูกข่มเหง หากได้กระทำผิดต่อผู้ที่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ก็ยังถือว่ากระทำโดยบันดาลโทสะได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2502)
นายสอจำเลยกับนายสุวรรณจำเลยเป็นเพียงเพื่อนสนิทกัน การที่นางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยถูกข่มเหงรังแก ย่อมเป็นการข่มเหงนายสุวรรณผู้สามีด้วย เป็นเหตุผลเกี่ยวกับตัวบุคคล หาใช่ลักษณะคดีไม่ แม้จำเลยทั้งสองจะทำผิดร่วมกัน ก็จะปรับบทลงโทษนายสอจำเลยตาม มาตรา 72 คือ เหตุลดโทษเพราะบันดาลโทสะด้วยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 790/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อจากคดีอื่น: จำเลยต้องแสดงตนเป็นบุคคลเดียวกันในคดีเดิม
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่ง ซึ่งศาลได้พิพากษาแล้ว ศาลได้ส่งสำเนาให้จำเลยรับไปแล้ว เมื่อไม่ปรากฏในสำนวนเลยว่า จำเลยเป็นคนเดียวกับคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ดังนี้ จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 790/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อจากคดีอื่น จำเลยต้องแสดงตนเป็นบุคคลเดียวกันในคดีเดิม
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่ง ซึ่งศาลได้พิพากษาแล้ว ศาลได้ส่งสำเนาให้จำเลยรับไปแล้ว เมื่อไม่ปรากฏในสำนวนเลยว่า จำเลยเป็นคนเดียวกับคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ดังนี้ จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณค่าเสียหายกรณีเสียชีวิต และสิทธิเรียกร้องค่าความทุกข์ทางจิตใจ
ผู้ตายมีอายุ 44 ปี มีรายได้เลี้ยงครอบครัว ได้นั่งรถยนต์ของจำเลยไปชนต้นไม้ถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือว่าในปัจจุบันชีวิตของบุคคลทั่ว ๆ ไป ในสังคมที่มีการแพทย์และการสาธารณสุขดี ยาวกว่าแต่ก่อน ผู้ตายมีร่างกายแข็งแรงและไม่มีโรคประจำตัว จึงควรคำนวณได้ว่า ผู้ตายอาจมีชีวิตทำมาหาได้ต่อไปข้างหน้าอีก 10 ปี
สามีไม่มีสิทธิฟ้อง เรียกค่าเสียหายทางจิตใจที่เกิดความว้าเหว่ เพราะสูญเสียภริยาผู้เคยปฏิบัติให้ชีวิตของสามีมีความสุขจากผู้ที่ทำให้ภริยาของตนถึงแก่ความตาย เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เรียกร้องได้ (อ้างฎีกาที่ 1742/2499)
สามีไม่มีสิทธิฟ้อง เรียกค่าเสียหายทางจิตใจที่เกิดความว้าเหว่ เพราะสูญเสียภริยาผู้เคยปฏิบัติให้ชีวิตของสามีมีความสุขจากผู้ที่ทำให้ภริยาของตนถึงแก่ความตาย เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เรียกร้องได้ (อ้างฎีกาที่ 1742/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณค่าเสียหายกรณีเสียชีวิต และสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายทางจิตใจ
ผู้ตายมีอายุ 44 ปี มีรายได้เลี้ยงครอบครัว ได้นั่งรถยนต์ของจำเลยไปชนต้นไม้ถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือว่าในปัจจุบันชีวิตของบุคคลทั่วๆ ไปในสังคมที่มีการแพทย์และการสาธารณสุขดี ยาวกว่าแต่ก่อน ผู้ตายมีร่างกายแข็งแรงและไม่มีโรคประจำตัว จึงควรคำนวณได้ว่า ผู้ตายอาจมีชีวิตทำมาหาได้ต่อไปข้างหน้าอีก 10 ปี
สามีไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายทางจิตใจที่เกิดความว้าเหว่เพราะสูญเสียภริยาผู้เคยปฏิบัติให้ชีวิตของสามีมีความสุขจากผู้ที่ทำให้ภริยาของตนถึงแก่ความตายเพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เรียกร้องได้ (อ้างฎีกาที่ 1742/2499)
สามีไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายทางจิตใจที่เกิดความว้าเหว่เพราะสูญเสียภริยาผู้เคยปฏิบัติให้ชีวิตของสามีมีความสุขจากผู้ที่ทำให้ภริยาของตนถึงแก่ความตายเพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เรียกร้องได้ (อ้างฎีกาที่ 1742/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษตามมาตรา 92 เมื่อมีความผิดขณะรอการลงโทษ: โทษที่รอการลงโทษไม่นับเป็นโทษที่กำลังรับอยู่
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา92 ที่บัญญัติว่า "ผู้ใดต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก ถ้าและได้กระทำความผิดใดๆอีกในระหว่างที่ยังจะต้องรับโทษอยู่ก็ดี ฯลฯ" นั้น คำว่ารับโทษในประโยคหลัง หมายความถึง ได้รับโทษจำคุกในประโยคแรกนั่นเอง โทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้จึงไม่เป็นโทษที่กำลังรับอยู่หรือยังจะต้องรับอยู่ตามความหมายในมาตรานี้จะนำมาเป็นเหตุเพิ่มโทษตาม มาตรา92 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษ ม.92 กับผู้ที่รอการลงโทษ: โทษที่รอการลงโทษไม่ถือเป็นโทษที่กำลังรับอยู่
ประมวลกฎหมายอาญา ม.92 ที่บัญญัติว่า "ผู้ใดต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก ถ้าและได้กระทำความผิดใด ๆ อีกในระหว่างที่ยังจะต้องรับโทษอยู่ก็ดี ฯลฯ" นั้น คำว่า รับโทษในประโยคหลัง หมายความถึง ได้รับโทษจำคุกในประโยคแรกนั่นเอง โทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้จึงไม่เป็นโทษที่กำลังรับอยู่หรือยังจะต้องรับอยู่ ตามความหมายในมาตรานี้ จะนำมาเป็นเหตุเพิ่มโทษ ตาม ม.92 หาได้ไม่