คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สัญญา ธรรมศักดิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 742 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานลักทรัพย์: การปรับบทลงโทษเมื่อกฎหมายใหม่ไม่ถือว่าการลักของใช้ราชการเป็นเหตุฉกรรจ์
เหตุเกิดในขณะใช้กฎหมายลักษณะอาญา จำเลยทั้ง 4 คนสมคบกันลักของใช้สำหรับราชการ และลักในเวลาค่ำคืน แต่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 มิได้บัญญัติว่าการลักของใช้ในราชการเป็นเหตุฉกรรจ์ของการลักทรัพย์ จึงลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 294(4) ไม่ได้(เทียบฎีกาที่ 535/2500) แต่ว่าโดยที่การกระทำของจำเลยยังเป็นเหตุฉกรรจ์ของการลักทรัพย์อยู่อีก 2 ประการ คือ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนและร่วมกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปซึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ยังบัญญัติไว้ให้เป็นเหตุฉกรรจ์อยู่ในอนุมาตรา (1) และ (7) ซึ่งตรงกับกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293(1) และ (11) และโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293 เบากว่าโทษในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 เช่นนี้ ต้องวางบทลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 293(1) และ(11)
ขณะนี้ผลแห่งการตรวจสอบด้วยเครื่องจับเท็จ ยังมิใช่เป็นพยานหลักฐานทีศาลยุติธรรมจะรับฟังเป็นยุติ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานลักทรัพย์: เลือกใช้บทลงโทษเบากว่าเมื่อกฎหมายใหม่ไม่ถือเป็นเหตุฉกรรจ์
เหตุเกิดในขณะใช้กฎหมายลักษณะอาญา จำเลยทั้ง 4 คน สมคบกันลักของใช้สำหรับราชการ และลักในเวลาค่ำคืน แต่ประมวลกฎหมายอาญา ม.335 มิได้บัญญัติว่าการลักของใช้ในราชการเป็นเหตุฉกรรจ์ของการลักทรัพย์ จึงลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. 294 (4) ไม่ได้ (เทียบฎีกาที่ 535/2500)
แต่ว่าโดยที่การกระทำของจำเลยยังเป็นเหตุฉกรรจ์ ของการลักทรัพย์อยู่อีก 2ประการคือ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และร่วมกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ซึ่งประมวลกฎหมาย ม. 335 ยังบัญญัติไว้ให้เป็นเหตุฉกรรจ์อยู่ในอนุมาตรา (1) และ (7) ซึ่งตรงกับกฎหมายลักษณะอาญา ม.293(1) และ (11) และโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. 293 เบากว่าโทษในประมวลกฎหมายอาญา ม.335 เช่นนี้ ต้องวางบทลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. 293 (1) และ (11)
ขณะนี้ผลแห่งการตรวจสอบด้วยเครื่องจับเท็จ ยังมิใช่เป็นพยานหลักฐานที่ศาลยุติธรรมจะรับฟังเป็นยุติ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 636-640/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับการค้างชำระค่าเช่า จำเลยต้องพิสูจน์ข้อต่อสู้
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ได้ผิดสัญญาเรื่องชำระค่าเช่า จำเลยนำค่าเช่าไปชำระให้โจทก์ โจทก์ไม่ยอมรับค่าเช่าจากจำเลยเอง ดังนี้ เท่ากับจำเลยยอมรับว่าได้ค้างค่าเช่าโจทก์อยู่จริง จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบให้สมข้อต่อสู้ เมื่อจำเลยไม่สืบพยานจำเลยก็ต้องแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 636-640/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ยอมรับค่าเช่าของเจ้าหนี้ถือเป็นการยอมรับหนี้ของผู้เช่า จำเลยต้องพิสูจน์ข้อต่อสู้
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ได้ผิดสัญญาเรื่องชำระค่าเช่า
จำเลยนำค่าเช่าไปชำระให้โจทก์ โจทก์ไม่ยอมรับค่าเช่าจากจำเลยเองดังนี้ เท่ากับจำเลยยอมรับว่าได้ค้างค่าเช่าโจทก์อยู่จริง จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบให้สมข้อต่อสู้ เมื่อจำเลยไม่สืบพยานจำเลยก็ต้องแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาจ้างลูกจ้างรายเดือน และการจ่ายค่าจ้างตามกำหนด
โจทก์เป็นลูกจ้างรายเดือนของจำเลย ได้มีกำหนดเวลาจ่ายค่าจ้างเมื่อสิ้นเดือน ต่อมาได้เปลี่ยนเวลาจ่ายค่าจ้างออกเป็น 2 ครั้ง คือ กลางเดือนครั้งหนึ่งปลายเดือนครั้งหนึ่ง เพื่อช่วยเหลือโจทก์ได้มีเงินสดซื้อข้าวสาร ดังนี้หาทำให้โจทก์เปลี่ยนฐานะจากลูกจ้างรายเดือนไม่ ฉะนั้น การที่จำเลยบอกเลิกสัญญาจ้างกับโจทก์ในตอนจ่ายค่าจ้างกลางเดือน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวล่วงหน้าเมื่อถึงกำหนด จ่ายสินจ้างคราวใดคราวหนึ่ง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 582.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาจ้างลูกจ้างรายเดือน การเปลี่ยนแปลงกำหนดจ่ายค่าจ้างไม่กระทบสถานะลูกจ้าง และการบอกกล่าวล่วงหน้าตามกฎหมาย
โจทก์เป็นลูกจ้างรายเดือนของจำเลย ได้มีกำหนดเวลาจ่ายค่าจ้างเมื่อสิ้นเดือน ต่อมาได้เปลี่ยนเวลาจ่ายค่าจ้างออกเป็น 2 ครั้งคือกลางเดือนครั้งหนึ่งปลายเดือนครั้งหนึ่ง เพื่อช่วยเหลือโจทก์ได้มีเงินสดซื้อข้าวสารดังนี้ หาทำให้โจทก์เปลี่ยนฐานะจากลูกจ้างรายเดือนไม่ฉะนั้นการที่จำเลยบอกเลิกสัญญาจ้างกับโจทก์ในตอนจ่ายค่าจ้างกลางเดือนจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวล่วงหน้าเมื่อถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวใดคราวหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดบังคับคดี: ต้องมีการบังคับคดีเกิดขึ้นแล้ว จึงจะยื่นคำร้องได้
ถ้าปรากฏว่าจากวันที่ศาลพิพากษาและออกคำบังคับแก่จำเลยแล้ว ก็ยังไม่มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาอันจะต้องขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลย จำเลยจะร้องต่อศาลให้งดการบังคับคดีไว้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 293 ยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดบังคับคดีเมื่อยังไม่มีการบังคับคดีเกิดขึ้น และมีคดีอื่นที่อาจหักกลบได้
ถ้าปรากฏว่าจากวันที่ศาลพิพากษาและออกคำบังคับแก่จำเลยแล้ว ก็ยังไม่มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาอันจะต้องขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลย จำเลยจะร้องต่อศาลให้งดการบังคับคดีไว้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 ยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้สลักหลังเช็ค และวันออกเช็คตาม พ.ร.บ.เช็ค
เช็คมีชื่อผู้สลักหลังหลายคน ผู้สลักหลังแต่ละคนย่อมมีความรับผิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 989, 914, 959, 967. เมื่อนำเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้ ผู้สลักหลังคนใดคนหนึ่งย่อมเป็นผู้เสียหายที่จะดำเนินการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ได้.
วันออกเช็คตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 (2) (3) คือ วันที่ลงในเช็คนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้สลักหลังเช็คและการกำหนดวันออกเช็คที่เกี่ยวข้องกับความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
เช็คมีชื่อผู้สลักหลังหลายคน ผู้สลักหลังแต่ละคนย่อมมีความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 989,914,959,967 เมื่อนำเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้ผู้สลักหลังคนใดคนหนึ่งย่อมเป็นผู้เสียหายที่จะดำเนินการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 ได้
วันออกเช็คตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3(2)(3) คือ วันที่ลงในเช็คนั้น
of 75