พบผลลัพธ์ทั้งหมด 161 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับว่าที่ดินเป็นของห้างหุ้นส่วน มีผลสละสิทธิในการถอนหุ้น แม้ชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์
จำเลยทั้งสามให้การร่วมกันว่า ที่จำเลยที่ 1 โอนที่ดินให้จำเลยที่ 2, 3 ซึ่งเป็นบุตรจำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำผิดข้อบังคับของห้างหุ้นส่วน เพราะจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้ถอนเอาที่ดินคืนออกจากห้างหุ้นส่วนเลย โจทก์ก็ทราบแล้วและไม่คัดค้าน ดังนี้ ตามคำให้การของจำเลยทั้ง 3 เป็นการยอมรับว่าที่ดินนั้นยังคงเป็นของห้างหุ้นส่วนอยู่ แม้จะมีชื่อจำเลยที่ 2, 3 ถือกรรมสิทธิ์ จำเลยก็หาได้โต้เถียงไม่ว่าที่ดินนั้นเป็นของจำเลย ไม่ใช่ของห้างหุ้นส่วน จำเลยจะมาโต้เถียงภายหลังว่าที่ดินไม่ใช่ของห้างหุ้นส่วนย่อมไม่ได้
ที่ดินเป็นของห้างหุ้นส่วน เมื่อเลิกห้างหุ้นส่วนและมีการชำระบัญชีกัน ผู้ชำระบัญชีก็มีอำนาจที่จะขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนเอาเงินชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ได้
จำเลยให้การรับว่า ที่ดินยังเป็นของห้างหุ้นส่วนอยู่ เมื่อคู่ความตกลงกันให้ตั้งผู้ชำระบัญชี และให้ขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดเพื่อนำเงินมาแบ่งกัน ดังนี้ แสดงว่าจำเลยตกลงยอมให้ขายที่ดินซึ่งเป็นของห้างหุ้นส่วนด้วย จำเลยมาอ้างภายหลังว่าขณะนั้นยังไม่ทราบว่าผู้ชำระบัญชีจะเอาที่ดินเป็นของห้างหุ้นส่วนด้วยหรือไม่ ย่อมฟังไม่ขึ้นและเมื่อจำเลยตกลงยอมให้ขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดแล้ว ก็ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิที่จะถอนหุ้นเอาที่ดินของตนคืน
ที่ดินเป็นของห้างหุ้นส่วน เมื่อเลิกห้างหุ้นส่วนและมีการชำระบัญชีกัน ผู้ชำระบัญชีก็มีอำนาจที่จะขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนเอาเงินชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ได้
จำเลยให้การรับว่า ที่ดินยังเป็นของห้างหุ้นส่วนอยู่ เมื่อคู่ความตกลงกันให้ตั้งผู้ชำระบัญชี และให้ขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดเพื่อนำเงินมาแบ่งกัน ดังนี้ แสดงว่าจำเลยตกลงยอมให้ขายที่ดินซึ่งเป็นของห้างหุ้นส่วนด้วย จำเลยมาอ้างภายหลังว่าขณะนั้นยังไม่ทราบว่าผู้ชำระบัญชีจะเอาที่ดินเป็นของห้างหุ้นส่วนด้วยหรือไม่ ย่อมฟังไม่ขึ้นและเมื่อจำเลยตกลงยอมให้ขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดแล้ว ก็ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิที่จะถอนหุ้นเอาที่ดินของตนคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับว่าที่ดินเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วน ย่อมมีผลผูกพันในการชำระบัญชี
จำเลยทั้งสามให้การร่วมกันว่า ที่จำเลยที่ 1 โอนที่ดินให้จำเลยที่ 2,3 ซึ่งเป็นบุตรจำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำผิดข้อบังคับของห้างหุ้นส่วน เพราะจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้ถอนเอาที่ดินคืนออกจากห้างหุ้นส่วนเลย โจทก์ก็ทราบแล้วและไม่คัดค้าน ดังนี้ ตามคำให้การของจำเลยทั้ง 3 เป็นการยอมรับว่าที่ดินนั้นยังคงเป็นของห้างหุ้นส่วนอยู่ แม้จะมีชื่อจำเลยที่ 2,3 ถือกรรมสิทธิ์จำเลยก็หาได้โต้แย้งไม่ว่าที่ดินนั้นเป็นของจำเลยไม่ใช่ของห้างหุ้นส่วนจำเลยจะมาโต้เถียงภายหลังว่าที่ดินไม่ใช่ของห้างหุ้นส่วนย่อมไม่ได้
ที่ดินเป็นของห้างหุ้นส่วน เมื่อเลิกห้างหุ้นส่วนและมีการชำระบัญชีกันผู้ชำระบัญชีก็มีอำนาจที่จะขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนเอาเงินชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ได้
จำเลยให้การรับว่า ที่ดินยังเป็นของห้างหุ้นส่วนอยู่เมื่อคู่ความตกลงกันให้ตั้งผู้ชำระบัญชี และให้ขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดเพื่อนำเงินมาแบ่งกันดังนี้ แสดงว่าจำเลยตกลงยอมให้ขายที่ดินซึ่งเป็นของห้างหุ้นส่วนด้วย จำเลยจะมาอ้างภายหลังว่าขณะนั้นยังไม่ทราบว่าผู้ชำระบัญชีจะเอาที่ดินเป็นของห้างหุ้นส่วนด้วยหรือไม่ ย่อมฟังไม่ขึ้นและเมื่อจำเลยตกลงยอมให้ขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดแล้วก็ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิที่จะถอนหุ้นเอาที่ดินของตนคืน
ที่ดินเป็นของห้างหุ้นส่วน เมื่อเลิกห้างหุ้นส่วนและมีการชำระบัญชีกันผู้ชำระบัญชีก็มีอำนาจที่จะขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนเอาเงินชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ได้
จำเลยให้การรับว่า ที่ดินยังเป็นของห้างหุ้นส่วนอยู่เมื่อคู่ความตกลงกันให้ตั้งผู้ชำระบัญชี และให้ขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดเพื่อนำเงินมาแบ่งกันดังนี้ แสดงว่าจำเลยตกลงยอมให้ขายที่ดินซึ่งเป็นของห้างหุ้นส่วนด้วย จำเลยจะมาอ้างภายหลังว่าขณะนั้นยังไม่ทราบว่าผู้ชำระบัญชีจะเอาที่ดินเป็นของห้างหุ้นส่วนด้วยหรือไม่ ย่อมฟังไม่ขึ้นและเมื่อจำเลยตกลงยอมให้ขายทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดแล้วก็ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิที่จะถอนหุ้นเอาที่ดินของตนคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดชอบในสัญญาซื้อขายที่ดินช่วง และผลผูกพันตามกฎหมาย
การที่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันซื้อที่ดินมาจัดสรรแบ่งขายเป็นแปลง ๆ ด้วยความประสงค์ที่จะหากำไรมาแบ่งปันกันเป็นการกระทำที่เป็นหุ้นส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012
การที่หุ้นส่วนของจำเลยยอมให้โจทก์ขายช่วงที่ดินและยอมรับเงินนั้นไว้เมื่อได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาของการค้าของห้างหุ้นส่วนจำเลยย่อมจะต้องมีความผูกพันและรับผิดชอบร่วมด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050
การที่หุ้นส่วนของจำเลยยอมให้โจทก์ขายช่วงที่ดินและยอมรับเงินนั้นไว้เมื่อได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาของการค้าของห้างหุ้นส่วนจำเลยย่อมจะต้องมีความผูกพันและรับผิดชอบร่วมด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดชอบต่อการซื้อขายที่ดินร่วมกัน แม้ไม่ได้ยินยอมโดยตรง
การที่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันซื้อที่ดินมาจัดสรรแบ่งขายเป็นแปลง ๆ ด้วยความประสงค์ที่จะหากำไรมาแบ่งปันกัน เป็นการกระทำที่เป็นหุ้นส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012
การที่หุ้นส่วนของจำเลยยอมให้โจทก์ขายช่วงที่ดินและยอมรับเงินนั้นไว้ เมื่อได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาของการค้าของห้างหุ้นส่วน จำเลยย่อมจะต้องมีความผูกพันและรับผิดชอบร่วมด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050
การที่หุ้นส่วนของจำเลยยอมให้โจทก์ขายช่วงที่ดินและยอมรับเงินนั้นไว้ เมื่อได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาของการค้าของห้างหุ้นส่วน จำเลยย่อมจะต้องมีความผูกพันและรับผิดชอบร่วมด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นผิดสัญญาถูกยุติ ผลดุลพินิจศาลคำนวณค่าเสียหายได้ แม้โจทก์มิได้พิสูจน์
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญา ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดสัญญา แต่โจทก์ไม่เสียหาย ให้ยกฟ้อง จำเลยมิได้อุทธรณ์ในประเด็นข้อนี้ไว้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย จำเลยจะฎีกาว่าจำเลยมิได้ผิดสัญญามิได้ เพราะประเด็นเรื่องผิดสัญญายุติถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว
ค่าเสียหายฐานผิดสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 นั้น แม้โจทก์จะนำสืบถึงค่าเสียหายไม่ได้ ศาลก็คำนวณค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นให้โจทก์ได้ตามพฤติการณ์ที่ปรากฏในคดี
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2509)
ค่าเสียหายฐานผิดสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 นั้น แม้โจทก์จะนำสืบถึงค่าเสียหายไม่ได้ ศาลก็คำนวณค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นให้โจทก์ได้ตามพฤติการณ์ที่ปรากฏในคดี
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นผิดสัญญาที่ยุติแล้ว และการคำนวณค่าเสียหายโดยศาล แม้โจทก์มิได้นำสืบ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญา ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดสัญญา แต่โจทก์ไม่เสียหาย ให้ยกฟ้อง จำเลยมิได้อุทธรณ์ในประเด็นข้อนี้ไว้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย จำเลยจะฎีกาว่าจำเลยมิได้ผิดสัญญามิได้ เพราะประเด็นเรื่องผิดสัญญายุติถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว
ค่าเสียหายฐานผิดสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 นั้น แม้โจทก์จะนำสืบถึงค่าเสียหายไม่ได้ ศาลก็คำนวณค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นให้โจทก์ได้ตามพฤติการณ์ที่ปรากฏในคดี (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2509)
ค่าเสียหายฐานผิดสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 นั้น แม้โจทก์จะนำสืบถึงค่าเสียหายไม่ได้ ศาลก็คำนวณค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นให้โจทก์ได้ตามพฤติการณ์ที่ปรากฏในคดี (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 916/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญ และผลของการผ่อนชำระหนี้ต่ออายุความ
จำเลยรับฝากผ้าไปขายและซื้อเชื่อผ้าไปจากร้านศิริเอเซียซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน มีโจทก์และโจทก์ร่วมเป็นหุ้นส่วนกัน แม้จำเลยจะอ้างว่าโจทก์จะไม่มีอำนาจฟ้องเรียกหนี้ในนามของตนเองแต่ผู้เดียว แต่ภายหลังโจทก์ร่วมขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม การฟ้องเรียกหนี้จึงเป็นการเรียกร้องเพื่อประโยชน์แก่ผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยทุกคน โจทก์และโจทก์ร่วมย่อมมีสิทธิฟ้องได้
เมื่อจำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ อายุความย่อมสะดุดหยุดลงและสิทธิเรียกร้องของโจทก์ไม่ขาดอายุความ
เมื่อจำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ อายุความย่อมสะดุดหยุดลงและสิทธิเรียกร้องของโจทก์ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 916/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญ และผลของการผ่อนชำระหนี้ต่ออายุความ
จำเลยรับฝากผ้าไปขายและซื้อเชื่อผ้าไปจากร้านศิริเอเซียซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนมีโจทก์และโจทก์ร่วมเป็นหุ้นส่วนกัน แม้จำเลยจะอ้างว่าโจทก์จะไม่มีอำนาจฟ้องเรียกหนี้ในนามของตนเองแต่ผู้เดียว แต่ภายหลังโจทก์ร่วมขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมการฟ้องเรียกหนี้จึงเป็นการเรียกร้องเพื่อประโยชน์แก่ผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยทุกคน โจทก์และโจทก์ร่วมย่อมมีสิทธิฟ้องได้
เมื่อจำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ อายุความย่อมสะดุดหยุดลงและสิทธิเรียกร้องของโจทก์ไม่ขาดอายุความ
เมื่อจำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ อายุความย่อมสะดุดหยุดลงและสิทธิเรียกร้องของโจทก์ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐาน: ภาพถ่ายเอกสารไม่ใช่ต้นฉบับ และหลักการวินิจฉัยนอกฟ้อง
ภาพถ่ายเอกสาร (ซึ่งถ่ายจากต้นฉบับ) ไม่ใช่ต้นฉบับของเอกสาร. จึงต้องห้ามมิให้รับฟัง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93.
ฟ้องว่าเป็นหุ้นส่วนกันตามหนังสือสัญญาเช่าหุ้นส่วน เมื่อศาลไม่เชื่อว่าเป็นหุ้นส่วนกันตามหนังสือสัญญาหุ้นส่วนนั้น. ศาลจะนำพฤติการณ์อื่นซึ่งโจทก์มิได้ฟ้องมาวินิจฉัยว่ามีหุ้นส่วนกันมิได้. เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง.
ฟ้องว่าเป็นหุ้นส่วนกันตามหนังสือสัญญาเช่าหุ้นส่วน เมื่อศาลไม่เชื่อว่าเป็นหุ้นส่วนกันตามหนังสือสัญญาหุ้นส่วนนั้น. ศาลจะนำพฤติการณ์อื่นซึ่งโจทก์มิได้ฟ้องมาวินิจฉัยว่ามีหุ้นส่วนกันมิได้. เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารภาพถ่ายไม่เป็นหลักฐานได้ + วินิจฉัยนอกฟ้อง
ภาพถ่ายเอกสาร(ซึ่งถ่ายจากต้นฉบับ) ไม่ใช่ต้นฉบับของเอกสาร จึงต้องห้ามมิให้รับฟัง ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 93
ฟ้องว่าเป็นหุ้นส่วนกันตามหนังสือสัญญาเข้าหุ้นส่วน เมื่อศาลไม่เชื่อว่าเป็นหุ้นส่วนกันตามหนังสือสัญญาหุ้นส่วนนั้น ศาลจะนำพฤติการณ์อื่นซึ่งโจทก์มิได้ฟ้องมาวินิจฉัยว่ามีหุ้นส่วนกันมิได้เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง
ฟ้องว่าเป็นหุ้นส่วนกันตามหนังสือสัญญาเข้าหุ้นส่วน เมื่อศาลไม่เชื่อว่าเป็นหุ้นส่วนกันตามหนังสือสัญญาหุ้นส่วนนั้น ศาลจะนำพฤติการณ์อื่นซึ่งโจทก์มิได้ฟ้องมาวินิจฉัยว่ามีหุ้นส่วนกันมิได้เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง