พบผลลัพธ์ทั้งหมด 218 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มรดกที่ได้ระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่เป็นทรัพย์สินร่วมกัน
การที่โจทก์อยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลย แต่มิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายนั้น ทรัพย์ที่โจทก์ได้รับมรดกมาในระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลย จำเลยก็ไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์ร่วมกับโจทก์ เพราะการที่โจทก์ได้รับมรดกทรัพย์นั้นมาย่อมไม่ใช่ทรัพย์ที่โจทก์และจำเลยร่วมกันหามา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภริยาน้อยไม่มีสิทธิในสินสมรส: การแบ่งทรัพย์สินระหว่างภริยาที่ถูกต้องตามกฎหมายและภริยาน้อย
ผู้ตายมีภริยาชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้วคนหนึ่งต่อมาได้ภริยาน้อยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาอยู่ร่วมด้วยอีกคนหนึ่งดังนี้ ถือว่าภริยาน้อยเข้ามาอยู่ในครอบครัวของผู้ตายในฐานะเป็นบริวารหรือนางบำเรอเท่านั้นจึงหามีสิทธิที่จะเข้ามามีส่วนเป็นเจ้าของรวมในกองทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างผู้ตายกับภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายไม่
การที่สามีเอาที่ดินอันเป็นสินบริคณห์โอนยกให้แก่บุตรโดยเสน่หานั้นเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ภริยาจะขอให้เพิกถอนไม่ได้
การที่สามีเอาที่ดินอันเป็นสินบริคณห์โอนยกให้แก่บุตรโดยเสน่หานั้นเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ภริยาจะขอให้เพิกถอนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภริยาน้อยไม่มีสิทธิในสินสมรสของภริยาหลวง การโอนทรัพย์ให้บุตรโดยชอบด้วยศีลธรรมเป็นไปได้
ผู้ตายมีภริยาชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้วคนหนึ่ง ต่อมาได้ภริยาน้อยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาอยู่ร่วมด้วยอีกคนหนึ่ง ดังนี้ ถือว่าภริยาน้อยเข้ามาอยู่ในครอบครัวของผู้ตายในฐานะเป็นบริวารหรือนางบำเรอเท่านั้น จึงหามีสิทธิที่จะเข้ามามีส่วนเป็นเจ้าของรวมในกองทรัพย์สินที่ด้มาระหว่างผู้ตายกับภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายไม่
การที่สามีเอาที่ดินอันเป็นสินบริคณห์โอนยกให้แก่บุตรโดยเสน่หานั้น เป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ภริยาจะขอให้เพิกถอนไม่ได้
การที่สามีเอาที่ดินอันเป็นสินบริคณห์โอนยกให้แก่บุตรโดยเสน่หานั้น เป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ภริยาจะขอให้เพิกถอนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ทรัพย์ตกเป็นของอีกฝ่ายเมื่อตาย พินัยกรรมยกทรัพย์ให้ผู้อื่นเป็นโมฆะ
สัญญาประนีประนอมยอมความที่ผู้มีชื่อคนหนึ่งกับจำเลยตกลงเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทร่วมกัน ใครตายก่อนให้ตกเป็นของอีกคนหนึ่งนั้น เป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดหนี้โดยมีเงื่อนไขและเป็นสัญยาต่างตอบแทน ฉะนั้น เมื่อผู้มีชื่อตายทรัพย์พิพาทย่อมตกเป็นของจำเลย ผู้มีชื่อที่ตายจะทำพินัยกรรมทรัพย์นั้นให้คนอื่นอีกไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเหนือพินัยกรรมเมื่อสัญญาระบุการตกเป็นเจ้าของทรัพย์หลังตาย
สัญญาประนีประนอมยอมความที่ผู้มีชื่อคนหนึ่งกับจำเลยตกลงเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทร่วมกันใครตายก่อนให้ตกเป็นของอีกคนหนึ่งนั้นเป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดหนี้โดยมีเงื่อนไขและเป็นสัญญาต่างตอบแทนฉะนั้น เมื่อผู้มีชื่อตาย ทรัพย์พิพาทย่อมตกเป็นของจำเลย ผู้มีชื่อที่ตายจะไปทำพินัยกรรมยกทรัพย์นั้นให้คนอื่นอีกไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2504)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ของบุคคลอื่น มิได้เป็นลูกหนี้เอง ศาลไม่อนุญาต
จำเลยมิใช่เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้อง ผู้ร้องเป็นแต่เพียงเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของภริยา (ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) ของจำเลย จะมาร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่จำเลยถูกยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาโดยอ้างว่าโจทก์ได้นำยึดทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำเลยทำมาหาได้ร่วมกับภริยามาเสียหมดแล้ว หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาที่ไม่จดทะเบียนสมรส: สิทธิในการคัดค้านการยึด
สามีภริยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในเรือนที่โจทก์นำยึดในคดีที่สามีเป็นจำเลยภริยาไม่มีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินของคู่สามีภริยาที่ไม่จดทะเบียนสมรส: สิทธิในการคัดค้านการยึด
สามีภริยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในเรือนที่โจทก์นำยึดในคดีที่สามีเป็นจำเลย ภริยาไม่มีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องเรียกทรัพย์คืน (กระบือ) ไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุรายละเอียดจำนวนเพศกระบือ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า กระบือที่อยู่กับจำเลยฝูงหนึ่งมีจำนวน 33 ตัว เป็นกระบือที่โจทก์เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยครึ่งหนึ่ง โดยโจทก์ได้รับมรดกมาจากบิดามารดา ในขณะที่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ และจำเลยซึ่งเป็นผู้ปกครองโจทก์ได้ปกครองกระบือนั้นไว้แทนโจทก์ ครั้นโจทก์ได้สามีแยกไปจากจำเลยแล้ว ขอแบ่งเอากระบือส่วนของโจทก์ จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ จึงต้องฟ้องเช่นนี้ เป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด ไม่จำเป็นต้องบรรยายในฟ้องว่าเป็นกระบือตัวผู้กี่ตัว ตัวเมียกี่ตัว เพราะนั้นเป็นรายละเอียดมากเกินควรและเกินความจำเป็นที่จะต้องบรรยายสำหรับคำฟ้องเช่นนี้ เพียงเท่าที่โจทก์บรรยายมานั้น ก็แสดงถึงสภาพแห่งข้อหาชัดแจ้งมากพออยู่แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุรายละเอียดจำนวนเพศกระบือ หากบรรยายสภาพแห่งข้อหาชัดเจนเพียงพอ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า กระบือที่อยู่กับจำเลยฝูงหนึ่งมีจำนวน 33 ตัว เป็นกระบือที่โจทก์เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยครึ่งหนึ่ง โดยโจทก์ได้รับมรดกมาจากบิดามารดาในขณะที่ยังเป็นเด็กเล็กๆ และจำเลยซึ่งเป็นผู้ปกครองโจทก์ได้ปกครองกระบือนั้นไว้แทนโจทก์ ครั้นโจทก์ได้สามีแยกไปจากจำเลยแล้วขอแบ่งเอากระบือส่วนของโจทก์จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ จึงต้องฟ้อง เช่นนี้ เป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด ไม่จำเป็นต้องบรรยายในฟ้องว่าเป็นกระบือตัวผู้กี่ตัว ตัวเมียกี่ตัว เพราะนั่นเป็นรายละเอียดมากเกินควรและเกินความจำเป็นที่จะต้องบรรยายสำหรับคำฟ้อง เช่นนี้ เพียงเท่าที่โจทก์บรรยายมานั้น ก็แสดงถึงสภาพแห่งข้อหาชัดแจ้งมากพออยู่แล้ว