คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1357

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 218 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2016/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของร่วม: การพิสูจน์ส่วนได้เสียและผลของการรับโอนโดยไม่สุจริต
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1357 เป็นแต่เพียงความสันนิษฐานของกฎหมายเท่านั้นว่า ผู้เป็นเจ้าของร่วมมีส่วนเท่ากันแต่ผู้เป็นเจ้าของร่วมกัน ย่อมนำสืบได้ว่า มีส่วนมากน้อยกว่ากันได้ ฉะนั้นผู้มีชื่อในโฉนดร่วมกันย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้แสดงว่าใครมีส่วนเป็นเจ้าของมากน้อยเพียงใดได้
ที่ดินมีชื่อผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนดร่วมกัน 2 คน เจ้าของร่วมคนหนึ่งขายส่วนของตนให้แก่ผู้ซื้อ แล้วถูกผู้ซื้อฟ้องศาลจนศาลพิพากษาให้โอนแก่ผู้ซื้อ ในชั้นบังคับคดีผู้เป็นเจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลว่าเจ้าของร่วมผู้ขายมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นเพียง 3 ไร่ ไม่ใช่ครึ่งหนึ่ง ศาลได้รับข้อค้านนั้นไว้ดำเนินการพิจารณาต่อไป หลังจากนั้นผู้ซื้อจึงได้รับโอนที่ดินนั้นกึ่งหนึ่ง ดังนี้ ย่อมถือได้ว่ารับโอนไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าผู้ขายมีกรรมสิทธิ์ไม่ถึงครึ่งหนึ่งดังที่มีชื่อในโฉนด เพราะมีข้อพิพาทกันต่อไปแล้วว่า ผู้ขายมีส่วนเป็นเจ้าของเท่าไรแน่ ฉะนั้นจึงเป็นการรับโอนโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2016/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิรวม สันนิษฐานเท่ากัน แต่พิสูจน์ส่วนได้เสียต่างกันได้ การรับโอนรู้ส่วนได้เสียไม่สุจริต
ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1357 เป็นแต่เพียงความสันนิษฐานของกฎหมายเท่านั้นว่า ผู้เป็นเจ้าของร่วมมีส่วนเท่ากันแต่ผู้เป็นเจ้าของร่วมกันย่อมนำสืบได้ว่า มีส่วนมากน้อยกว่ากันได้ ฉะนั้นผู้มีชื่อในโฉนดร่วมกันย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้แสดงว่าใครมีส่วนเป็นเจ้าของมากน้อยเพียงใดได้
ที่ดินมีชื่อผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิในโฉนดร่วมกัน 2 คน เจ้าของร่วมคนหนึ่งขายส่วนของคนให้แก่ผู้ซื้อ แล้วถูกผู้ซื้อฟ้องศาลจนศาลพิพากษาให้โอนแก่ผู้ซื้อ ในชั้นบังคับคดีผู้เป็นเจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลว่าเจ้าของร่วมผู้ขายมีกรรมสิทธิในที่ดินนั้น เพียง 3 ไร่ ไม่ใช่ครึ่งหนึ่ง ศาลได้รับข้อค้านนั้นไว้ดำเนินการพิจารณาต่อไป หลังจากนั้นผู้ซื้อจึงได้รับโอนที่ดินนั้นกึ่งหนึ่ง ดังนี้ ย่อมถือได้ว่ารับโอนไว้โดยรู้อยู่แล้วว่า ผู้ตายมีกรรมสิทธิไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ดังที่มีชื่อในโฉนดเพราะมีข้อพิพาทกันต่อไปแล้วว่า ผู้ขายมีส่วนเป็นเจ้าของเท่าไรแน่ ฉะนั้นจึงเป็นการรับโอนโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุปฏิเสธการสมรสและการแบ่งทรัพย์สินหลังสร้างเรือนหอ
ชายหญิงทำพิธีแต่งงานกันตามประเพณี แต่หญิงไม่ยอมหลับนอนร่วมประเวณีกับชายฉันสามีภริยาโดยแยกไปนอนเสียคนละห้องกับชายอยู่มาประมาณ 10 วัน มารดาของหญิงบอกให้ชายพาหญิงเข้าห้องเอาเองชายจึงเข้าไปจับเอวหญิงออกมาจากห้องที่หญิงนอน หญิงฉวยแจกันตีศีรษะชายแตกโลหิตออกแจกันหักแล้วยังใช้แจกันตีชายถูกโหนกแก้มเป็นบาดแผลต้องเย็บถึง 7 เข็ม ชายจึงกลับบ้านและไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับหญิงดังนี้ถือว่าการกระทำของหญิงเป็นเหตุผลสำคัญอันพอที่จะทำให้ชายปฏิเสธไม่ยอมสมรสด้วยหญิงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1441 ได้ ชายจึงมีสิทธิเรียกของหมั้นคืนจากหญิงได้
โจทก์จำเลยร่วมกันนำสัมภาระและลงทุนปลูกสร้างเรือนขึ้น 1หลัง แต่ไม่ได้ความพอจะชี้ได้ว่าสัมภาระชิ้นใดเป็นของผู้ใดได้ทุกชิ้น ทั้งไม่ได้ความว่าแต่ละฝ่ายได้มีส่วนเป็นเจ้าของอยู่เกินกว่าครึ่ง ดังนี้ ต้องถือว่า โจทก์และจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของเรือนรายนี้เท่าๆกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธการสมรสและการเรียกคืนหมั้นเนื่องจากทำร้ายร่างกาย และการแบ่งทรัพย์สินจากการลงทุนร่วม
ชายหญิงทำพิธีแต่งงานกันตามประเพณี แต่หญิงไม่ยอมหลับนอนร่วมประเวณีกับชายฉันท์สามีภริยาโดยแยกไปนอนเสียคนละห้องกับชายอยู่มาประมาณ 10 วัน มารดาของหญิงบอกให้ชายพาหญิงเข้าห้องเอาเอง ชายจึงเข้าไปจับเอวหญิงออกมาจากห้องที่หญิงนอน หญิงฉวยแจกันตีศีร์ษะชายแตก โลหิตออกแจกันหักแล้วยังใช้แจกันตีชายถูกโหนกแก้มเป็นบาดแผลต้องเย็บถึง 7 เข็มชายจึงกลับบ้านและไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับหญิง ดังนี้ถือว่าการกระทำของหญิงเป็นเหตุผลสำคัญอันพอที่จะทำให้ชายปฏิเสธไม่ยอมสมรสด้วยหญิงตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1441 ได้ ชายจึงมีสิทธิเรียกของหมั้นคืนจากหญิงได้
โจทก์จำเลยร่วมกันนำสัมภาระและลงทุนปลูกสร้างเรือนขึ้น 1 หลัง แต่ไม่ได้ความพอจะชี้ได้ว่าสัมภาระชิ้นใดเป็นของผู้ใดได้ทุกชิ้น ทั้งไม่ได้ความว่าแต่ละฝ่ายได้มีส่วนเป็นเจ้าของอยู่เกินกว่าครึ่ง ดังนี้ต้องถือว่า โจทก์และจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของเรือนรายนี้เท่า ๆ กัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้กรรมสิทธิ์ที่ดินตามสัญญา เอกสารที่รับรองแล้วมีผลผูกพัน ห้ามเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเดิม
โฉนดมีชื่อโจทก์กับจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน และยังปรากฏตามเอกสารสัญญาให้กรรมสิทธิ์ที่ดินนี้ ซึ่งโจทก์ได้รับรองแล้วแปลความหมายได้แจ้งชัดว่า ผู้ให้(โจทก์) ได้ให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินแก่จำเลยทั้งสอง 2/3 ของที่ดินตามโฉนดนี้ ดังนี้ โจทก์จะนำสืบว่าเป็นแต่ยกให้จำเลยทั้งสองเพียงครึ่งหนึ่งของที่ดิน ย่อมเป็นการสืบแก้ไขเอกสารสัญญาซึ่งโจทก์ได้รับรองแล้วโดยตรง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความสัญญาให้กรรมสิทธิที่ดินที่ขัดแย้งกับชื่อในโฉนด ศาลยึดตามเอกสารที่ผู้ให้รับรอง
โฉนดมีชื่อโจทก์กับจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิร่วมกันและยังปรากฎตามเอกสารสัญญาให้กรรมสิทธิที่ดินนี้ ซึ่งโจทก์ได้รับรองแล้วแปลความหมายได้แจ้งชัดว่า ผู้ให้ (โจทก์) ได้ให้กรรมสิทธิในที่ดินแก่จำเลยทั้งสอง 2/3 ของที่ดินตามโฉนดนี้ ดังนี้โจทก์จะนำสืบว่าเป็นแต่ยกให้จำเลยทั้งสองเพียงครึ่งหนึ่งของที่ดินย่อมเป็นการสืบแก้ไขเอกสารสัญญาซึ่งโจทก์ได้รับรองแล้วโดยตรง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดิน - สันนิษฐานส่วนได้เท่ากันเมื่อมิได้ระบุ
มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดร่วมกับคนอื่นรวม 6 ชื่อด้วยกันเมื่อไม่ปรากฏการจดแจ้งในทะเบียนว่ามีส่วนได้น้อยกว่า 1 ใน 6 ก็ย่อมต้องสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1357 ว่าผู้เป็นเจ้าของร่วมมีส่วนเท่ากัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดิน: สันนิษฐานส่วนเท่ากันหากไม่ระบุในทะเบียน
มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดร่วมกับคนอื่นรวม 6 ชื่อด้วยกัน เมื่อไม่ปรากฏการจดแจ้งในทะเบียนว่ามีส่วนได้น้อยกว่า 1 ใน 6 ก็ย่อมต้องสันนิษฐานตาม ป.พ.พ. ม. 1357 ว่าผู้เป็นเจ้าของร่วมมีส่วนเท่ากัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินและเรือนพิพาท: เจ้าของเดิม vs. บุตรภรรยา
โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องกับที่ดินและเรือนโดยอ้างว่าเป็นของโจทก์และภรรยาจำเลยต่อสู้ว่าที่ดินและเรือนพิพาทเป็นของจำเลยทำมาหากินได้ด้วยตนเองตลอดจนเรือนก็ปลูกสร้างขึ้นด้วยทุนของจำเลยดังนี้ เมื่อได้ความตามทางพิจารณาว่าที่ดินและเรือนเป็นของโจทก์กับภรรยามิใช่ของจำเลยทำมาหาได้ด้วยตนเองตามที่ต่อสู้ไว้แล้ว แม้จะได้ความว่าจำเลยเป็นบุตรของภรรยาโจทก์ติดมารดามาอยู่กับโจทก์ขับไล่และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องในที่และเรือนพิพาทได้ และคดีไม่มีประเด็นเรื่องมรดกศาลไม่จำต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินและเรือนพิพาท: การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของและการพิพากษาขับไล่
โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องกับที่ดินและเรือนโดยอ้างว่าเป็นของโจทก์และภรรยา จำเลยต่อสู้ว่าที่ดินและเรือนพิพาทเป็นของจำเลยทำมาหาได้ด้วยตนเองตลอดจนเรือนก็ปลูกสร้างขึ้นด้วยทุนของจำเลย ดังนี้ เมื่อได้ความตามทางพิจารณาว่าที่ดินและเรือนเป็นของโจทก์กับภรรยา มิใช่ของจำเลยทำมาหาได้ด้วยตนเองตามที่ต่อสู้ไว้แล้ว แม้จะได้ความว่าจำเลยเป็นบุตรของภรรยาโจทก์ติดมารดามาอยู่กับโจทก์ศาลก็พิพากษาขับไล่และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องในที่และเรือนพิพาทได้ และคดีไม่มีประเด็นเรื่องมรดกศาลไม่จำต้องวินิจฉัย
of 22