พบผลลัพธ์ทั้งหมด 38 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1642/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างไม่มีสิทธิฟ้องเรียกภาษีเงินได้จากลูกจ้าง หากมิได้หักภาษีไว้แต่แรก ตามประมวลรัษฎากร
ตามประมวลรัษฎากร แม้จะบัญญัติให้นายจ้างหักเงินภาษีของลูกจ้าง และให้นายจ้างต้องรับผิดในเงินภาษีที่มิได้หักไว้จริง แต่ก็มิได้มีบทบัญญัติให้นายจ้างมีสิทธิเรียกร้องภาษีจากลูกจ้างในกรณีที่มิได้หักเงินภาษีไว้ และบัญญัติให้ลูกจ้างหลุดพ้นความรับผิดในการชำระภาษีเงินได้ เฉพาะแต่กรณีที่นายจ้างหักเงินภาษีไว้แล้วมิได้ให้สิทธินายจ้างฟ้องเรียกเงินภาษีที่มิได้หักไว้ นายจ้างจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินภาษีที่ยังมิได้หักจากลูกจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1642/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างไม่มีสิทธิเรียกร้องภาษีจากลูกจ้างที่มิได้หักไว้ แม้ตามกฎหมายจะกำหนดให้เป็นผู้รับผิด
ตามประมวลรัษฎากร แม้จะบัญญัติให้นายจ้างหักเงินภาษีของลูกจ้าง และให้นายจ้างต้องรับผิดในเงินภาษีที่มิได้หักไว้จริง แต่ก็มิได้มีบทบัญญัติให้นายจ้างมีสิทธิเรียกร้องภาษีจากลูกจ้างในกรณีที่มิได้หักเงินภาษีไว้ และบัญญัติให้ลูกจ้างหลุดพ้นความรับผิดในการชำระภาษีเงินได้เฉพาะแต่กรณีที่นายจ้างหักเงินภาษีไว้แล้ว มิได้ให้สิทธินายจ้างฟ้องเรียกเงินภาษีที่มิได้หักไว้ นายจ้างจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินภาษีที่ยังมิได้หักจากลูกจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม: เงินผ่อนชำระค่าออกแบบ หรือ เงินยืมทดรอง?
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ออกแบบสร้างคานเรือ 150,000 บาท จำเลยผ่อนชำระ 50,000 บาท ที่เหลือไม่ชำระ จำเลยให้การต่อสู้และว่าเงิน 50,000 บาท เป็นเงินที่ให้โจทก์ยืมทดรองไปใช้ จึงฟ้องแย้งเรียกคืน นั้น ฟ้องแย้งนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์โดยตรง ศาลจำต้องพิจารณาประเด็นข้อนี้ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาขยายการยื่นคำให้การ ต้องนับวันถัดจากวันสั่งขยายเป็นวันแรก
การนับระยะเวลาภายใน 8 วัน ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177-178 บัญญัติไว้นั้น ต้องนับตามวิธีที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158-190 บัญญัติไว้ คือ ไม่นับวันแรกแห่งระยะเวลานั้นรวมคำนวณเข้าด้วย ถ้าระยะเวลานั้นผ่อนออกไป ให้นับเอาวันซึ่งต่อจากวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาเดิมนั้นเป็นวันต้นแห่งระยะเวลาซึ่งผ่อนออกไป
ศาลชั้นต้นสั่งในวันที่ 22 ส.ค. 2503 ว่าให้ยืดเวลายื่นคำให้การไป 3 วัน จำเลยมีสิทธิยื่นคำให้การได้ในวันที่ 25 ส.ค. 2503
ศาลชั้นต้นสั่งในวันที่ 22 ส.ค. 2503 ว่าให้ยืดเวลายื่นคำให้การไป 3 วัน จำเลยมีสิทธิยื่นคำให้การได้ในวันที่ 25 ส.ค. 2503
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1300/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งสิทธิในที่ดินของบุคคลที่สามที่ไม่เป็นคู่ความ
จำเลยจะฟ้องแย้งโดยกล่าวว่า โจทก์ละเมิดสิทธิของบุคคลที่สาม (บุตรของจำเลย) ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1300/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฟ้องแย้งจำกัดเฉพาะผู้เสียหายโดยตรง บุคคลอื่นไม่สามารถอ้างสิทธิแทนได้
จำเลยจะฟ้องแย้งโดยกล่าวว่า โจทก์ละเมิดสิทธิของบุคคลที่สาม(บุตรของจำเลย)ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งตกไปเมื่อฟ้องเดิมถูกยกฟ้อง - อำนาจฟ้องแทนผู้เยาว์
เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องของโจทก์แล้ว ฟ้องแย้งของจำเลยย่อมตกไปเพราะฟ้องแย้งนั้นจะต้องมีฟ้องเดิมและตัวโจทก์เดิมที่จะเป็นจำเลยต่อไปเป็นหลักอยู่ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งตกไปเมื่อฟ้องเดิมถูกยกฟ้อง เหตุขาดตัวโจทก์เดิมที่เป็นจำเลย
เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องของโจทก์แล้ว ฟ้องแย้งของจำเลยย่อมตกไป เพราะฟ้องแย้งนั้นจะต้องมีฟ้องเดิมและตัวโจทก์เดิมที่ะเป็นจำเลยตอ่ไปเป็นหลักอยู่ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบที่ดินเพื่อชำระหนี้โดยมิได้จดทะเบียน ไม่ก่อให้เกิดสิทธิยึดถือ เจ้าของกรรมสิทธิมีสิทธิเรียกคืนได้
มอบที่ดินให้เจ้าหนี้ทำกินต่างดอกเบี้ยโดยทำสัญญากันเอง ไม่ได้จดทะเบียนแต่อย่างใด ย่อมไม่มีผลสมบูรณ์ที่จะใช้บังคับให้เกิดสิทธิยึดถือไว้ เมื่อเจ้าของกรรมสิทธิติดตามเอาคืน โดยขอชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้ต้องคืนที่ดินให้แก่เจ้าของกรรมสิทธิไป
คำพิพากษาคดีอาญาศาลชั้นต้นที่ศาลสูงได้พิพากษากลับแล้วนั้น จะนำเอาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดมาใช้ในคดีแพ่งไม่ได้
โจทก์ขอให้จำเลยรับชำระหนี้ 300 บาท และคืนนาให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่ากู้กัน 1300 บาท ไม่ใช่ 300 บาท ดังนี้ จำนวนหนี้ที่แท้จริงจะบังคับกันได้หรือไม่ และจะเป็นจำนวนมากกว่า 300 บาทหรือเท่าใดนั้น จำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ให้ใช้เงินอันจะต้องเสียค่าธรรมเนียมตาม ป.ม.วิแพ่ง ศาลจึงไม่วินิจฉัยปัญหาเรื่องจำนวนหนี้ให้.
(อ้างฎีกา 1283/80, 231/82)
คำพิพากษาคดีอาญาศาลชั้นต้นที่ศาลสูงได้พิพากษากลับแล้วนั้น จะนำเอาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดมาใช้ในคดีแพ่งไม่ได้
โจทก์ขอให้จำเลยรับชำระหนี้ 300 บาท และคืนนาให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่ากู้กัน 1300 บาท ไม่ใช่ 300 บาท ดังนี้ จำนวนหนี้ที่แท้จริงจะบังคับกันได้หรือไม่ และจะเป็นจำนวนมากกว่า 300 บาทหรือเท่าใดนั้น จำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ให้ใช้เงินอันจะต้องเสียค่าธรรมเนียมตาม ป.ม.วิแพ่ง ศาลจึงไม่วินิจฉัยปัญหาเรื่องจำนวนหนี้ให้.
(อ้างฎีกา 1283/80, 231/82)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบที่ดินโดยมิได้จดทะเบียน ไม่ก่อให้เกิดสิทธิยึดถือ เจ้าของกรรมสิทธิ์มีสิทธิเรียกคืนได้
มอบที่ดินให้เจ้าหนี้ทำกินต่างดอกเบี้ยโดยทำสัญญากันเอง ไม่ได้จดทะเบียนแต่อย่างใด ย่อมไม่มีผลสมบูรณ์ที่จะใช้บังคับให้เกิดสิทธิยึดถือไว้ เมื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ติดตามเอาคืน โดยขอชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เจ้าหนี้ต้องคืนที่ดินให้แก่เจ้าของกรรมสิทธิ์ไป
คำพิพากษาคดีอาญาศาลชั้นต้นที่ศาลสูงได้พิพากษากลับแล้วนั้นจะนำเอาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดมาใช้ในคดีแพ่งไม่ได้
โจทก์ขอให้จำเลยรับชำระหนี้ 300 บาท และคืนนาให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่ากู้กัน 1300 บาท ไม่ใช่ 300บาท ดังนี้ จำนวนหนี้ที่แท้จริงจะบังคับกันได้หรือไม่และจะเป็นจำนวนมากกว่า 300 บาทหรือเท่าใดนั้นจำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ให้ใช้เงินอันจะต้องเสียค่าธรรมเนียมตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลจึงไม่วินิจฉัยปัญหาเรื่องจำนวนหนี้ให้
(อ้างฎีกา1283/2480,231/2482)
คำพิพากษาคดีอาญาศาลชั้นต้นที่ศาลสูงได้พิพากษากลับแล้วนั้นจะนำเอาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดมาใช้ในคดีแพ่งไม่ได้
โจทก์ขอให้จำเลยรับชำระหนี้ 300 บาท และคืนนาให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่ากู้กัน 1300 บาท ไม่ใช่ 300บาท ดังนี้ จำนวนหนี้ที่แท้จริงจะบังคับกันได้หรือไม่และจะเป็นจำนวนมากกว่า 300 บาทหรือเท่าใดนั้นจำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ให้ใช้เงินอันจะต้องเสียค่าธรรมเนียมตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลจึงไม่วินิจฉัยปัญหาเรื่องจำนวนหนี้ให้
(อ้างฎีกา1283/2480,231/2482)