พบผลลัพธ์ทั้งหมด 173 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิอุทธรณ์ฎีกาเมื่อมิได้ยกประเด็นในชั้นต้น และการที่จำเลยไม่อุทธรณ์ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น
จำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยที่ 1 มิได้ให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อนี้
ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่นั้น ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
จำเลยที่ 2 จำนองที่ดินเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ฉะนั้น การบอกกล่าวบังคับจำนองจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จึงเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 โดยเฉพาะ เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ฎีกาประเด็นข้อนี้ จึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 จะฎีกาแทนจำเลยที่ 2 ไม่ได้
ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่นั้น ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
จำเลยที่ 2 จำนองที่ดินเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ฉะนั้น การบอกกล่าวบังคับจำนองจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จึงเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 โดยเฉพาะ เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ฎีกาประเด็นข้อนี้ จึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 จะฎีกาแทนจำเลยที่ 2 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลสร้างหนี้ใหม่ การบังคับคดีจากทรัพย์จำนองทำได้แม้ไม่ใช่ฟ้องบังคับจำนอง
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ชำระหนี้จำนองแล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยอมชำระหนี้จำนองศาลพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้วดังนี้ถือว่าเป็นเพียงฟ้องในมูลหนี้สามัญและมี ผลทำให้หนี้เดิมระงับ เกิดหนี้ใหม่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์ย่อม บังคับคดีแก่ทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลย รวมทั้งทรัพย์ที่จำนองได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1683/2498, 127/2506 และ 989/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้จำนองระงับด้วยสัญญาประนีประนอม สิทธิบังคับคดีตามสัญญาใหม่
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ชำระหนี้จำนอง แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยอมชำระหนี้จำนอง ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ ถือว่าเป็นเพียงฟ้องในมูลหนี้สามัญ และมีผลทำให้หนี้เดิมระงับ เกิดหนี้ใหม่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ย่อมบังคับคดีแก่ทรัพย์สินอื่นๆ ของจำเลยรวมทั้งทรัพย์ที่จำนองได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1683/2498,127/2506 และ 989/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับจำนองสังหาริมทรัพย์ที่ไม่อาจจำนองได้ และประเด็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเดิม
ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์เคยฟ้องจำเลยตามสำนวนคดีแพ่งแดงที่ 328/2507 ของศาลจังหวัดว่าจำเลยทำสัญญาจำนองทรัพย์ไว้กับโจทก์ (สัญญาฉบับเดียวกับที่ฟ้องคดีนี้) ขอให้ชำระดอกเบี้ยที่ค้างชำระเฉพาะ 2 เดือน 5,000 บาท โดยไม่ได้ฟ้องขอบังคับจำนอง จำเลยให้การในคดีนั้นว่า สัญญาจำนองเป็นโมฆะ แต่ไม่ได้ยกข้อต่อสู้ว่าทรัพย์หมายเลข 2 ถึงเลข 7 จำนองกันไม่ได้ดังคำให้การในคดีนี้ ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับจำนองตามสัญญาจำนองฉบับเดียวกับคดีก่อน ศาลชั้นต้นสั่งงดรอคดีนี้ไว้ฟังผลของคดีก่อน ในที่สุด ศาลฎีกาพิพากษาคดีก่อนว่า โจทก์จำเลยไปจดทะเบียนนิติกรรมจำนองด้วยกัน การกล่าวอ้างและข้อนำสืบของจำเลยไม่น่าเชื่อฟัง พิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ย 5,000 บาท ดังนี้ ในคดีก่อนไม่มีประเด็นว่า ทรัพย์รายใดจำนองกันได้หรือไม่ได้ตามกฎหมาย เพราะมิใช่คดีฟ้องบังคับจำนอง ศาลฎีกาจึงชี้ขาดก่อนเพียงในประเด็นว่า จำเลยได้ทำสัญญาจำนองโดยจดทะเบียนนิติกรรมไว้จริง ไม่ได้ชี้ขาดไปถึงว่าทรัพย์ที่ระบุไว้ในสัญญาจำนองรายการใดจำนองกันได้หรือไม่ได้ แต่ในคดีนี้จำเลยได้ต่อสู้ด้วยว่า ทรัพย์หมายเลข 2 ถึงเลข 7 ไม่เป็นทรัพย์ที่อาจจำนองได้ ศาลจึงต้องชี้ขาดในประเด็นนี้อีก ไม่เป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อน
เครื่องผสมอาหาร เรือยนต์ (ไม่ปรากฏระวางบรรทุก) เรือลำเลียงขนาด 2 ตัน เครื่องบดอาหาร รถยนต์บรรทุกและตู้ฟักไข่ ไม่มีกฎหมายใดให้จดทะเบียนได้เฉพาะการและไม่เป็นทรัพย์ที่จะจำนองได้
เมื่อคำขอท้ายฟ้องอุทธรณ์มากเกินกว่าที่จะได้ ศาลก็พิพากษาให้เท่าที่กล่าวในฟ้องได้ ไม่เป็นฟ้องอุทธรณ์เคลือบคลุม
เครื่องผสมอาหาร เรือยนต์ (ไม่ปรากฏระวางบรรทุก) เรือลำเลียงขนาด 2 ตัน เครื่องบดอาหาร รถยนต์บรรทุกและตู้ฟักไข่ ไม่มีกฎหมายใดให้จดทะเบียนได้เฉพาะการและไม่เป็นทรัพย์ที่จะจำนองได้
เมื่อคำขอท้ายฟ้องอุทธรณ์มากเกินกว่าที่จะได้ ศาลก็พิพากษาให้เท่าที่กล่าวในฟ้องได้ ไม่เป็นฟ้องอุทธรณ์เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สังหาริมทรัพย์จำนองไม่ได้: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม แม้มีการต่อสู้เรื่องทรัพย์จำนองไม่ได้เพิ่มเติม
ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์เคยฟ้องจำเลยตามสำนวนคดีแพ่งแดงที่ 328/2507 ของศาลจังหวัดว่าจำเลยทำสัญญาจำนองทรัพย์ไว้กับโจทก์(สัญญาฉบับเดียวกับที่ฟ้องคดีนี้) ขอให้ชำระดอกเบี้ยที่ค้างชำระเฉพาะ2 เดือน 5,000 บาท โดยไม่ได้ฟ้องขอบังคับจำนอง จำเลยให้การในคดีนั้นว่า สัญญาจำนองเป็นโมฆะ แต่ไม่ได้ยกข้อต่อสู้ว่าทรัพย์หมายเลข 2 ถึงเลข 7 จำนองกันไม่ได้ดังคำให้การในคดีนี้ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับจำนองตามสัญญาจำนองฉบับเดียวกับคดีก่อน ศาลชั้นต้นสั่งงดรอคดีนี้ไว้ฟังผลของคดีก่อน ในที่สุดศาลฎีกาพิพากษาคดีก่อนว่า โจทก์จำเลยไปจดทะเบียนนิติกรรมจำนองด้วยกันการกล่าวอ้างและข้อนำสืบของจำเลยไม่น่าเชื่อฟัง พิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ย 5,000 บาท ดังนี้ในคดีก่อนไม่มีประเด็นว่า ทรัพย์รายใดจำนองกันได้หรือไม่ได้ตามกฎหมาย เพราะมิใช่คดีฟ้องบังคับจำนองศาลฎีกาจึงชี้ขาดคดีก่อนเพียงในประเด็นว่า จำเลยได้ทำสัญญาจำนองโดยจดทะเบียนนิติกรรมไว้จริง ไม่ได้ชี้ขาดไปถึงว่า ทรัพย์ที่ระบุไว้ในสัญญาจำนองรายการใดจำนองกันได้หรือไม่ได้ แต่ในคดีนี้จำเลยได้ต่อสู้ด้วยว่า ทรัพย์หมายเลข 2 ถึงเลข 7 ไม่เป็นทรัพย์ที่อาจจำนองได้ ศาลจึงต้องชี้ขาดในประเด็นนี้อีก ไม่เป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อน
เครื่องผสมอาหาร เรือยนต์ (ไม่ปรากฏระวางบรรทุก)เรือลำเลียงขนาด 2 ตัน เครื่องบดอาหาร รถยนต์บรรทุกและตู้ฟักไข่ไม่มีกฎหมายใดให้จดทะเบียนได้เฉพาะการ และไม่เป็นทรัพย์ที่จะจำนองได้
เมื่อคำขอท้ายฟ้องอุทธรณ์มากเกินกว่าที่จะได้ ศาลก็พิพากษาให้เท่าที่กล่าวในฟ้องได้ ไม่เป็นฟ้องอุทธรณ์เคลือบคลุม
เครื่องผสมอาหาร เรือยนต์ (ไม่ปรากฏระวางบรรทุก)เรือลำเลียงขนาด 2 ตัน เครื่องบดอาหาร รถยนต์บรรทุกและตู้ฟักไข่ไม่มีกฎหมายใดให้จดทะเบียนได้เฉพาะการ และไม่เป็นทรัพย์ที่จะจำนองได้
เมื่อคำขอท้ายฟ้องอุทธรณ์มากเกินกว่าที่จะได้ ศาลก็พิพากษาให้เท่าที่กล่าวในฟ้องได้ ไม่เป็นฟ้องอุทธรณ์เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 40/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองชำระหนี้ไม่ครบ ศาลฎีกาตัดสินลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดในส่วนที่ขาด
จำนองเป็นสัญญาที่เอาทรัพย์สินตราไว้เป็นประกันการชำระหนี้จึงมีหนี้ที่จะต้องชำระแก่กันอันเป็นหนี้ประธาน และมีจำนองเป็นอุปกรณ์ของหนี้นั้น
การบังคับจำนองแก่ทรัพย์ซึ่งจำนองจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อมีการไม่ชำระหนี้อันเป็นประธานเกิดขึ้น ดังนั้น ในกรณีที่มีการบังคับจำนองโดยเอาทรัพย์สินของจำเลยซึ่งจำนองไว้ออกขายทอดตลาดเพื่อใช้เงินที่จำเลยกู้โจทก์ไป แต่ขายได้เงินสุทธิน้อยกว่าเงินที่จำเลยค้างชำระอยู่หากในสัญญาจำนองไม่ปรากฏว่าจำเลยยอมให้เอาทรัพย์อื่นนอกจากทรัพย์ที่จำนองชำระหนี้ได้อีกแล้ว จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดในจำนวนเงินที่ขาดโจทก์จะขอให้ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยมาชำระหนี้อีกหาได้ไม่
การบังคับจำนองแก่ทรัพย์ซึ่งจำนองจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อมีการไม่ชำระหนี้อันเป็นประธานเกิดขึ้น ดังนั้น ในกรณีที่มีการบังคับจำนองโดยเอาทรัพย์สินของจำเลยซึ่งจำนองไว้ออกขายทอดตลาดเพื่อใช้เงินที่จำเลยกู้โจทก์ไป แต่ขายได้เงินสุทธิน้อยกว่าเงินที่จำเลยค้างชำระอยู่หากในสัญญาจำนองไม่ปรากฏว่าจำเลยยอมให้เอาทรัพย์อื่นนอกจากทรัพย์ที่จำนองชำระหนี้ได้อีกแล้ว จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดในจำนวนเงินที่ขาดโจทก์จะขอให้ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยมาชำระหนี้อีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองประกันหนี้: สิทธิโจทก์บังคับคดีจำนองเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระ ผู้จำนองต้องรับผิดตามคำพิพากษา
การบังคับคดีต้องอาศัยคำพิพากษาเป็นหลัก. เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ค้ำประกันหนี้ด้วยทรัพย์ที่จำนองไว้กับโจทก์. และโจทก์ก็ได้ฟ้องบังคับจำนองกับจำเลยที่ 2ด้วย. ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินแก่โจทก์. ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ. ก็ให้จำเลยที่ 2ไถ่จำนองเต็มจำนวนหนี้ที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระ. และหากบังคับจำนองขายทรัพย์ที่จำนองได้ไม่พอชำระหนี้ก็ให้โจทก์ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยที่ 1 ขายใช้หนี้ได้จนครบ. ดังนี้ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้. จำเลยที่2 ผู้จำนองเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 จึงต้องไถ่จำนองเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อปัดป้องมิให้ตนต้องถูกบังคับจำนอง. และเมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ชำระหนี้.หรือไม่ไถ่จำนอง.ก็ต้องถูกบังคับจำนองขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองตามคำพิพากษา. โจทก์จึงมีสิทธิยึดทรัพย์ที่จำนองเพื่อขายทอดตลาดได้. จำเลยที่ 2 จะอ้างสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 688,689,690 ว่าด้วยค้ำประกัน.มาใช้เป็นประโยชน์แก่ตนหาได้ไม่. มิฉะนั้นแล้วบทบัญญัติในลักษณะจำนองดังกล่าวแล้วก็จะไร้ผลและผิดหลักการจำนองเป็นประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองประกันหนี้: สิทธิบังคับคดีจากทรัพย์จำนองเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระ
การบังคับคดีต้องอาศัยคำพิพากษาเป็นหลัก เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ค้ำประกันหนี้ด้วยทรัพย์ที่จำนองไว้กับโจทก์ และโจทก์ก็ได้ฟ้องบังคับจำนองกับจำเลยที่ 2 ด้วย ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินแก่โจทก์ ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ก็ให้จำเลยที่ 2ไถ่จำนองเต็มจำนวนหนี้ที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระ และหากบังคับจำนองขายทรัพย์ที่จำนองได้ไม่พอชำระหนี้ก็ให้โจทก์ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยที่ 1 ขายใช้หนี้ได้จนครบ ดังนี้ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ จำเลยที่ 2 ผู้จำนองเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 จึงต้องไถ่จำนองเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อปัดป้องมิให้ตนต้องถูกบังคับจำนอง และเมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ชำระหนี้หรือไม่ไถ่จำนองก็ต้องถูกบังคับจำนองขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองตามคำพิพากษา โจทก์จึงมีสิทธิยึดทรัพย์ที่จำนองเพื่อขายทอดตลาดได้ จำเลยที่ 2 จะอ้างสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 688, 689, 690 ว่าด้วยค้ำประกันมาใช้เป็นประโยชน์แก่ตนหาได้ไม่ มิฉะนั้นแล้วบทบัญญัติในลักษณะจำนองดังกล่าวแล้วก็จะไร้ผลและผิดหลักการจำนองเป็นประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองประกันหนี้: สิทธิโจทก์บังคับคดีจำนองได้ก่อน แม้จำเลยที่ 1 ยังไม่ถูกบังคับคดี
การบังคับคดีต้องอาศัยคำพิพากษาเป็นหลัก เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ค้ำประกันหนี้ด้วยทรัพย์ที่จำนองไว้กับโจทก์ และโจทก์ก็ได้ฟ้องบังคับจำนองกับจำเลยที่ 2 ด้วย ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินแก่โจทก์ ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ก็ให้จำเลยที่ 2 ไถ่จำนองเต็มจำนวนหนี้ที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระ และหากบังคับจำนองขายทรัพย์ที่จำนองได้ไม่พอชำระหนี้ก็ให้โจทก์ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยที่ 1 ขายใช้หนี้ได้จนครบ ดังนี้ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ จำเลยที่ 2 ผู้จำนองเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 จึงต้องไถ่จำนองเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อปัดป้องมิให้ตนต้องถูกบังคับจำนอง และเมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ชำระหนี้ หรือไม่ไถ่จำนอง ก็ต้องถูกบังคับจำนองขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองตามคำพิพากษา โจทก์จึงมีสิทธิยึดทรัพย์ที่จำนองเพื่อขายทอดตลาดได้ จำเลยที่ 2 จะอ้างสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 688,689,690 ว่าด้วยค้ำประกันมาใช้เป็นประโยชน์แก่ตนหาได้ไม่ มิฉะนั้นแล้วบทบัญญัติในลักษณะจำนองดังกล่าวแล้วก็จะไร้ผลและผิดหลักการจำนองเป็นประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยเกินกฎหมาย-การบังคับจำนอง: แม้ตกลงนอกสัญญาแต่ไม่มีสิทธิเรียกคืน/ฟ้องบังคับจำนองได้หากยินดีไถ่ถอน
แม้สัญญาจำนองกำหนดดอกเบี้ยตามอัตราที่กฎหมายกำหนด แต่ผู้จำนองผู้รับจำนองตกลงกันนอกสัญญากำหนดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ อันเป็นความผิดทางอาญา เมื่อผู้จำนองชำระดอกเบี้ยให้ไป ย่อมไม่มีสิทธิจะเรียกคืนได้ และไม่มีสิทธิจะเอาดอกเบี้ยส่วนที่ชำระเกินคิดหักชำระต้นเงิน
ผู้รับจำนองฟ้องขอให้ผู้จำนองไถ่ถอนจำนอง ผู้จำนองให้การว่า ผู้รับจำนองไม่ได้บอกกล่าวบังคับจำนอง วันชี้สองสถาน คู่ความแถลงรับว่ายินดีไถ่ถอนการจำนอง เพียงแต่โต้เถียงกันเรื่องจำนวนเงินที่จะไถ่ถอน ดังนี้ถือว่า คู่ความไม่ติดใจโต้เถียงกันเรื่องการบังคับจำนอง เมื่อศาลชี้ขาดถึงจำนวนเงินที่ต้องชำระกัน ก็ชอบจะพิพาทบังคับจำนองไปได้
ผู้รับจำนองฟ้องขอให้ผู้จำนองไถ่ถอนจำนอง ผู้จำนองให้การว่า ผู้รับจำนองไม่ได้บอกกล่าวบังคับจำนอง วันชี้สองสถาน คู่ความแถลงรับว่ายินดีไถ่ถอนการจำนอง เพียงแต่โต้เถียงกันเรื่องจำนวนเงินที่จะไถ่ถอน ดังนี้ถือว่า คู่ความไม่ติดใจโต้เถียงกันเรื่องการบังคับจำนอง เมื่อศาลชี้ขาดถึงจำนวนเงินที่ต้องชำระกัน ก็ชอบจะพิพาทบังคับจำนองไปได้