คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 247.

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2289-2290/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่ของผู้เช่าช่วง – การวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามที่คู่ความท้า – การไม่ติดใจสืบพยาน
โจทก์เช่าที่พิพาทจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ ให้จำเลยทั้งสองสำนวนอาศัยปลูกบ้านบนที่ดินดังกล่าว เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยทั้งสองอยู่ในที่พิพาทโดย ฟ้องขับไล่จำเลย จำเลยทั้งสองก็ต้องออกไปจากที่พิพาทจะอ้างว่าโจทก์ให้เช่าช่วงที่พิพาทและไม่เคยบอกเลิก สัญญาเช่าช่วงโดยไม่ปรากฏว่ามีสัญญาเช่าช่วงต่อกันหาได้ไม่และไม่ว่าข้อเท็จจริงจะฟังว่าจำเลยทั้งสองอาศัยที่พิพาท จากโจทก์หรือเช่าช่วงจากโจทก์ก็ตาม โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง ขับไล่จำเลยทั้งสองได้
ในคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 (แก้ไขโดยฉบับที่ 6 พ.ศ. 2518) ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาจำต้องถือตาม ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตาม มาตรา 238 และมาตรา 247 เมื่อโจทก์จำเลยแถลงร่วมกัน ทำให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นเดียวว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ส่วนพยานโจทก์ที่สืบมาแล้วนั้นโจทก์ไม่ติดใจซึ่งมี ผลเท่ากับว่าคู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยอำนาจฟ้องของโจทก์ ตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยเท่านั้นการที่ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดจากที่คู่ความ ท้ากันอันเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดต่อกฎหมายศาลฎีกา จึงฟังข้อเท็จจริงใหม่แทนข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมานั้น ได้ตามมาตรา 243 (3) และมาตรา 247 ดังที่มาตรา 238 บัญญัติไว้
โจทก์จำเลยแถลงร่วมกันขอท้าให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นข้อ เดียวว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ศาลชั้นต้นได้ จดรายงานกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการสืบพยานไว้ว่าส่วน พยานโจทก์ที่สืบมาแล้วนั้น โจทก์ไม่ติดใจเมื่อเป็นเช่นนี้ คดีเสร็จการพิจารณาข้อความดังกล่าวแสดงชัดอยู่ใน ตัวเองว่าการสืบพยานนั้นต่างฝ่ายต่างก็ไม่ประสงค์จะสืบพยาน แม้โจทก์จะได้สืบพยานไปแล้ว โจทก์ก็ไม่ติดใจจำเลยทั้งสองมิได้แถลงขอสืบพยานหรือแถลงคัดค้านแต่ประการใด เช่นนี้จำเลยทั้งสองจึงไม่มีสิทธิจะสืบพยานตามคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1597/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่ต้องพิจารณาเจ้ากรรมสิทธิ์ หากที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติ โจทก์ไม่มีสิทธิอื่นใด ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์อ้างเป็นเจ้าของที่พิพาทฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าเพราะเหตุสัญญาเช่าครบกำหนดเวลา จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินและโจทก์ไม่มีสิทธิอื่นใดในที่พิพาท โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย (อ้างฎีกาที่ 948/2501)
เมื่อศาลชั้นต้นงดสืบพยานในประเด็นข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่ปัญหาที่ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยตามที่จำเลยต่อสู้หรือไม่ ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามให้พิจารณาพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 826/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในทรัพย์มรดกของบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรอง และสิทธิของผู้เยาว์ที่ต้องได้รับการพิจารณา
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า ก. ไม่เป็นภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายของ พ. เพราะไม่ได้จดทะเบียนสมรส จำเลยไม่ได้ต่อสู้ความข้อนี้ เป็นแต่กล่าวในคำให้การถึงเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์ว่า ทรัพย์นั้นเป็นสินสมรสของ พ. และ ก. ซึ่งได้สร้างขึ้นเมื่อเป็นสามีภรรยากันมาโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ ต้องถือว่าในข้อที่ว่า พ. กับ ก. เป็นผัวเมียกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น จำเลยไม่ได้ต่อสู้ไว้โดยชัดแจ้ง จึงต้องฟังตามคำโจทก์ว่า พ. กับ ก. ไม่ได้เป็นผัวเมียกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
การที่ศาลจะแบ่งทรัพย์ระหว่างชายหญิงซึ่งไม่ใช่ผัวเมียกันอย่างเป็นเจ้าของร่วมนั้น ต้องเป็นทรัพย์ที่ชายหญิงทำมาหาได้มาด้วยกัน โดยเห็นเจตนาได้ว่าการที่เขาปฏิบัติต่อกันฉันท์สามีภรรยา และช่วยกันหาทรัพย์มาเช่นนี้ มีความประสงค์จะหาร่วมกัน
ตามมาตรา 1627 ป.ม.แพ่งฯ บุตรนอกกฎหมายถ้าบิดาได้รับรองแล้ว แม้จะยังไม่ถึงกับเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย ก็ยังอาจมีสิทธิรับมฤดกของชายผู้ให้กำเนิดได้ ในฐานะเป็นผู้สืบสันดานตามมาตรา 1629 (1) ป.ม.แพ่ง ฯ
จำเลยเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรนอกกฎหมายของ พ. โจทก์ฟ้องห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องกับทรัพย์มฤดกของ พ. แต่ข้อเท็จจริงที่ว่า พ. ได้รับโองเด็กเป็นบุตร อันจะทำให้เด็กมีสิทธิได้รับมฤดกของ พ. หรือไม่ ยังไม่ปรากฎ ความข้อนี้คู่ความยกขึ้นโต้เถียงอย่างชัดแจ้งในศาลล่าง แต่เป็นปัญหาที่กระทบกระเทือนสิทธิของผู้เยาว์ ซึ่งไม่ได้เป็นคู่ความ เพราะถ้าห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับทรัพย์นี้ในฐานที่เป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กผู้เยาว์ ผู้เยาว์อาจเสียหายได้ ดังนี้ย่อมเป็นข้อกฎหมายซึ่งเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนซึ่ง ศาลฎีกามีอำนาจย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาในข้อนี้ แล้วพิพากษาใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแลกเปลี่ยนที่ดินกับผู้เยาว์: ศาลยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกับโจทก์ และโจทก์ได้โอนที่ดินของโจทก์ให้จำเลยไปแล้ว จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยไม่เคยจะแลกเปลี่ยนที่ดินกับโจทก์ ที่ดินที่โจทก์โอนให้จำเลยนี้ โจทก์โดนให้โดยเสน่หา โจทก์แถลงรับว่าเมื่อตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินนั้น จำเลยยังเป็นผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของโจทก์ได้ความดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานแล้วพิพากษายกฟ้อง โดยอ้างว่าการแลกเปลี่ยนที่ดินนี้จะฟ้องร้องบังคับกันไม่ได้ เพราะเป็นการทำนิติกรรมกับผู้เยาว์ และทั้งไม่ได้ทำให้ถูกแบบตาม ป.ม.แพ่ง ฯ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้ ยังไม่เพียงพอจะให้วินิจฉัยคดีได้ ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาพิพากษาใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้องเคลือบคลุมและการโต้แย้งคำสั่งศาล หากจำเลยไม่โต้แย้งคำสั่งศาลในขั้นตอนนั้น ย่อมไม่อาจยกขึ้นเป็นเหตุฎีกาได้
วันชี้สองสถานจำเลยแถลงว่าฟ้องเคลือบคลุม ศาลสั่งว่า เมื่อจำเลยว่าฟ้องเคลือบคลุมก็ให้โจทก์แถลงในข้อนี้แล้ว ศาลชั้นต้นก็อนุญาตให้โจทก์นำสืบถึงข้อที่โจทก์แถลงต่อหน้าศาลได้ ฝ่ายจำเลยหาได้โต้แย้งคำสั่งศาลตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 226 ไม่ จำเลยจึงฎีกาในข้อนี้ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิในหุ้นโดยการครอบครองปรปักษ์: ระยะเวลาเริ่มนับเมื่อใด
จำเลยฎีกา แต่ฝ่ายโจทก์มิได้ให้การแก้ฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น ศาลฎีกาย่อมฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างฟังมา
โจทก์สั่งให้จำเลยที่ 1 โอนหุ้นให้ ร.ต.อ. ประดิษฐ์ เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 79 จำเลยที่ 1 จัดการโอนโดยแก้ทะเบียนให้ ต่อมา 11 ม.ค. 79 ร.ต.อ.ประดิษฐ์ได้เข้าประชุมในฐานะผู้ถือหุ้นเป็นครั้งแรกและได้เข้าประชุมต่อมาอีกหลายคราว ร.ต.อ.ประดิษฐ์ตายเมื่อ 8 ธ.ค. 84 ดังนี้ ต้องถือว่า ร.ต.อ.ประดิษฐ์ได้เข้าครอบครองหุ้นตั้งแต่ 27 ต.ค. 79 จนถึงวันตาย ครบ 5 ปี ย่อมได้เป็นกรรมสิทธิในหุ้นนั้นแล้วตามมาตรา 1382.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่เป็นประโยชน์เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว แม้จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นก่อนพิพากษา
จำเลยขอให้ศาลชี้ขาดปัญหาข้อกฏหมายเบื้องต้นตาม ป.วิ.แพ่ง ม.24 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วมีคำสั่งให้ยกคำขอของจำเลยเสีย จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นคงดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นอีก ดังนี้ ถือว่าคดีย่อมถึงที่สุดเด็ดขาดตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์ยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำขอของจำเลยนั้น จำเลยฎีกาคำสั่งนั้นต่อศาลฎีกาอีก ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีจำเลยอย่างใด เพราะศาลฎีกาไม่อาจจะพิพากษายกหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ถึงที่สุดเด็ดขาดแล้วนั้นได้ และฎีกาชะนิดนี้ไม่เป็นประเด็นในผลแห่งคดี ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทุเลาการบังคับคดีเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นแล้ว ถือว่าไม่มีประเด็นให้วินิจฉัย
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอทุเลาการบังคับคดีไว้ชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้องนั้นเสีย
จำเลยจึงฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์แต่ในระหว่างที่ฎีกาคำสั่งอยู่ที่ศาลฎีกา ปรากฏว่า ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นแล้ว ดังนี้ ข้อที่จำเลยขอทุเลาการบังคับไว้ชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ จึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2488

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจับกุมของตำรวจที่ถูกมอบหมายให้รักษาการณ์นอกสถานี: เขตอำนาจและความต่อเนื่องของหน้าที่
พลตำรวจจะมีอำนาจจับกุมในเขตต์ท้องที่ใดบ้าง และเมื่อถูกใช้ไปรักษาการณ์ในที่แห่งหนึ่งแล้ว จะขาดจากอำนาจและหน้าที่ทางสถานีตำรวจเกี่ยวแก่การจับกุมหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องพิจารณาจากพะยานหลักฐาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2486

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นเรื่องคำฟ้องเคลือบคลุม ทำให้จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ในประเด็นนั้นได้
สาลชั้นต้นสั่งว่าฟ้องไม่เคลือบคลุมจำเลยมิได้คัดค้านไว้และมิได้อุธรน์พายไน 1 เดือนเมื่อสาลตัดสินแล้ว จำเลยจะยกขึ้น
อุธรน์ไม่ได้ และสาลอุธรน์จะยกขึ้นวินิฉัยไม่ได้
of 2