พบผลลัพธ์ทั้งหมด 531 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการครอบครองที่ดินโดยไม่เป็นคู่สัญญาเช่า: การฟ้องขับไล่เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุด
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินซึ่งอยู่ตอนหน้าที่ดินโฉนดของโจทก์โดยอ้างว่าจำเลยทำสัญญาเช่า แล้วขัดขืนไม่ยอมทำสัญญาใหม่ แม้จำเลยจะต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะก็ตาม เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าที่พิพาทอยู่หน้าที่ดินของโจทก์จริง และการที่จำเลยเข้าไปอยู่ในที่พิพาทก็โดยภริยาจำเลยขอเช่าที่พิพาทจากโจทก์ จำเลยก็รู้เห็นด้วยแต่มิได้เป็นคู่สัญญาเพราะโจทก์เห็นว่าจำเลยเป็นคนตาบอด ทำสัญญาเช่าแล้วภริยาจำเลยก็ปลูกเรือนขึ้น จำเลยก็มาอยู่ด้วยดังนี้ เมื่อภริยาจำเลยผู้เช่าถูกโจทก์ฟ้องขับไล่ออกจากที่พิพาทแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะอยู่ต่อไปได้ เมื่อจำเลยขัดขืนโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งเปลี่ยนแปลงหน้าที่นำสืบ และอำนาจฟ้องของผู้เช่า
คำสั่งศาลที่สั่งในเรื่องหน้าที่นำสืบนั้น เมื่อสั่งให้ฝ่ายใดเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนแล้วก็ดี ภายหลังก็ย่อมมีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงได้เพราะไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามไว้และเมื่อศาลสั่งแก้แล้ว คู่ความมิได้โต้แย้งไว้ ก็ย่อมอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแก้ไขหน้าที่นำสืบ และผลของการไม่โต้แย้งคำสั่ง
คำสั่งศาลที่สั่งในเรื่องหน้าที่นำสืบนั้น เมื่อสั่งให้ฝ่ายใดเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนแล้วก็ดี ภายหลังก็ย่อมมีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงได้เพราะไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามไว้ และเมื่อศาลสั่งแก้แล้ว คู่ความมิได้โต้แย้งไว้ก็ย่อมอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำสั่งศาล ต้องเป็นไปตามระเบียบกฎกระทรวง ไม่ขัดต่อคำสั่งศาล
การขอจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งได้มาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 นั้นจะต้องผ่านศาลทุกเรื่องและเมื่อศาลมีคำสั่งให้ได้กรรมสิทธิ์ที่ตามนั้นแล้ว ก็มีกฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความใน พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน(ฉบับที่ 7) พ.ศ.2486 วางวิธีปฏิบัติไว้ในอันที่จะให้เกิดผลตามคำสั่งนั้นโดยรอบคอบ
ศาลมีคำสั่งให้หอทะเบียนออกใบแทนโฉนดให้ใหม่ แล้วแก้ทะเบียนใส่ชื่อผู้ร้องเป็นผู้รับมรดกนาโฉนดนั้น ถ้าผู้ร้องไม่ได้นำหนังสือสำหรับที่ดินไปแสดงก็จำต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงมหาดไทยที่กล่าวแล้วตามหมวด1ข้อ1(2)คือจะต้องทำการรังวัดใหม่ แล้วออกโฉนดให้ใหม่ ผู้ร้องจะขอให้ศาลบังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้ออกใบแทนโฉนดไปทีเดียวไม่ได้ และการที่เจ้าพนักงานจะต้องปฏิบัติไปตามกฎกระทรวงดังกล่าวแล้ว ก็หาเป็นการขัดแย้งต่อคำสั่งศาลที่จะให้ผู้ร้องได้รับกรรมสิทธิ์ในนาแปลงนั้นแต่ประการใดไม่ศาลจึงไม่ควรบังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้ปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบตามกฎกระทรวง
ศาลมีคำสั่งให้หอทะเบียนออกใบแทนโฉนดให้ใหม่ แล้วแก้ทะเบียนใส่ชื่อผู้ร้องเป็นผู้รับมรดกนาโฉนดนั้น ถ้าผู้ร้องไม่ได้นำหนังสือสำหรับที่ดินไปแสดงก็จำต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงมหาดไทยที่กล่าวแล้วตามหมวด1ข้อ1(2)คือจะต้องทำการรังวัดใหม่ แล้วออกโฉนดให้ใหม่ ผู้ร้องจะขอให้ศาลบังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้ออกใบแทนโฉนดไปทีเดียวไม่ได้ และการที่เจ้าพนักงานจะต้องปฏิบัติไปตามกฎกระทรวงดังกล่าวแล้ว ก็หาเป็นการขัดแย้งต่อคำสั่งศาลที่จะให้ผู้ร้องได้รับกรรมสิทธิ์ในนาแปลงนั้นแต่ประการใดไม่ศาลจึงไม่ควรบังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้ปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบตามกฎกระทรวง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องการครอบครองที่ดินร่วมกันและมรดก ศาลยกฟ้องการขับไล่ แต่เปิดโอกาสให้ฟ้องแบ่งทรัพย์สิน
คู่ควางตกลงท้ากันว่า มีประเด็นข้อเดียวคือ ข้อที่ว่าที่พิพาทนี้ฝ่ายใดอาศัยอยู่จากอีกฝ่ายกันแน่ ถ้าศาลชี้ขาดว่าโจทก์อาศัยจำเลย โจทก์ก็แพ้ถ้าจำเลยอาศัยโจทก์ จำเลยก็แพ้ ประเด็นนอกนั้นต่างไม่สืบแต่ทางพิจารณาจะฟังว่าฝ่ายใดอาศัยฝ่ายหนึ่งดังที่ต่างอ้างและต่างท้ากันหาได้ไม่ คงฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์และจำเลยด้วยกัน และต่างก็ครอบครองที่รายนี้มาด้วยกัน ดังนี้ โจทก์จะบังคับขับไล่จำเลยโดยถือว่าเป็นของโจทก์ทั้งหมดหาได้ไม่ ทั้งคดีของโจทก์ก็มิได้ตั้งประเด็นในเรื่องขอแบ่งแต่อย่างใด จึงยังไม่สมควรแบ่งให้ ต้องยกฟ้องแต่ไม่ตัดสิทธิคู่ความในอันจะฟ้องร้องขอแบ่งกันต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยครอบครอง แม้ไม่มีหนังสือซื้อขาย และอำนาจศาลในการพิพากษาขัดทรัพย์ของผู้ไม่เป็นคู่ความ
การซื้อขายที่ดินมีโฉนดซึ่งแม้จะมิได้ทำเป็นหนังสือซื้อขายกันให้ถูกต้อง แต่เมื่อฝ่ายผู้ซื้อได้ครอบคอรงมากว่า 10 ปีแล้ว ก็ย่อมได้ที่เป็นสิทธิในฐานะครอบครอง
ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ใช่คู่ความในคดีที่มีคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์จำเลย ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาในเรื่องขัดทรัพย์เป็นอย่างอื่นได้ ไม่อยู่ในบังคับของ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 143 ความในมาตรานี้หมายเฉพาะบังคับคู่ความให้เป็นไปตามคำพิพากษา
ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ใช่คู่ความในคดีที่มีคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์จำเลย ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาในเรื่องขัดทรัพย์เป็นอย่างอื่นได้ ไม่อยู่ในบังคับของ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 143 ความในมาตรานี้หมายเฉพาะบังคับคู่ความให้เป็นไปตามคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งที่ดินโดยการครอบครอง แม้ไม่มีสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือ เมื่อครอบครองเกิน 10 ปี
การซื้อขายที่ดินมีโฉนดซึ่งแม้จะมิได้ทำเป็นหนังสือซื้อขายกันให้ถูกต้อง แต่เมื่อฝ่ายผู้ซื้อได้ครอบครองมากว่า 10 ปีแล้วก็ย่อมได้ที่เป็นสิทธิในฐานะครอบครอง
ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ใช่คู่ความในคดีที่มีคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์จำเลย ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาในเรื่องขัดทรัพย์เป็นอย่างอื่นได้ ไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 ความในมาตรานี้หมายเฉพาะบังคับคู่ความให้เป็นไปตามคำพิพากษา
ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ใช่คู่ความในคดีที่มีคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์จำเลย ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาในเรื่องขัดทรัพย์เป็นอย่างอื่นได้ ไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 ความในมาตรานี้หมายเฉพาะบังคับคู่ความให้เป็นไปตามคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งเกี่ยวกับการบังคับคดี ศาลมีอำนาจแก้ไขได้หากไม่ใช่คำวินิจฉัยชี้ขาดคดี
คำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดีนั้น หาใช่เป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดี หรือในประเด็นข้อใดแห่งคดีตามนัยแห่ง มาตรา 143,144 ป.ม.วิ.แพ่งไม่, ศาลอาจแก้ไขคำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดีนี้ได้ตามที่เห็นสมควร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลเกี่ยวกับการบังคับคดีไม่ใช่คำวินิจฉัยชี้ขาด ศาลมีอำนาจแก้ไขได้ตามสมควร
คำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดีนั้น หาใช่เป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดี หรือในประเด็นข้อใดแห่งคดีตามนัยแห่ง มาตรา 143,144 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ไม่ศาลอาจแก้ไขคำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดีนี้ได้ตามที่เห็นสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับมรดกของบุตรบุญธรรมต้องจดทะเบียน และสิทธิทายาทเมื่อมีข้อพิพาทเรื่องมรดก
บุตรบุญธรรมจะมีสิทธิรับมฤดกของผู้รับบุตรบุญธรรมได้ ก็ต่อเมื่อได้จดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้เอาทรัพย์มฤดกของผู้ตายประมูลราคาหรือขายทอดตลาดแบ่งกัน ระหว่างโจทก์ ซึ่งเป็นทายาท เมื่อได้ความว่า จำเลยก็เป็นทายาทมีสิทธิได้รับมฤดกและโจทก์ก็มิได้คัดค้านในการที่ศาลจะแบ่งส่วนให้จำเลยด้วย ดังนี้ ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาแบ่งส่วนให้จำเลยด้วยได้ และในคดีเช่นนี้ค่าฤาชาธรรมเนียมทั้งค่าทนายศาลสั่งให้ชักจากกองมฤดกก่อนแล้วจึงให้แบ่งกันระหว่างทายาท.
โจทก์ฟ้องขอให้เอาทรัพย์มฤดกของผู้ตายประมูลราคาหรือขายทอดตลาดแบ่งกัน ระหว่างโจทก์ ซึ่งเป็นทายาท เมื่อได้ความว่า จำเลยก็เป็นทายาทมีสิทธิได้รับมฤดกและโจทก์ก็มิได้คัดค้านในการที่ศาลจะแบ่งส่วนให้จำเลยด้วย ดังนี้ ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาแบ่งส่วนให้จำเลยด้วยได้ และในคดีเช่นนี้ค่าฤาชาธรรมเนียมทั้งค่าทนายศาลสั่งให้ชักจากกองมฤดกก่อนแล้วจึงให้แบ่งกันระหว่างทายาท.