พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,606 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 59/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า: ความเชื่อเรื่องคงกระพันไม่เป็นเหตุให้ไม่มีความผิด
จำเลยใช้ปืนจ่อยิงผู้ตายที่สบักอันเป็นที่สำคัญ โดยเชื่อว่าเป็นคนอยู่ยงคงกระพัน ถือว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 59/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการใช้ปืน ยิงถูกจุดสำคัญ แม้เชื่อเรื่องอยู่ยงคงกะพันก็ถือว่ามีเจตนา
จำเลยใช้ปืนจ่อยิงผู้ตายที่สบักอันเป็นที่สำคัญโดยเชื่อว่าเป็นคนอยู่ยงคงกะพัน ถือว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การข่มขืนใจทำสัญญาต้องระบุรายละเอียดการขู่เข็ญหรือใช้กำลัง การบรรยายฟ้องไม่ชัดเจนทำให้ไม่เป็นฟ้อง
ฟ้องที่บรรยายความแต่เพียงว่า จำเลยข่มขืนใจบังคับให้โจทก์ยอมทำสัญญากู้เพื่อจำเลยจะได้รับทรัพย์สินจากการขู่เข็ญนั้นโดยไม่ได้ระบุว่าด้วยการใช้กำลังทำร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินหรือขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหายไม่เป็นฟ้องที่จะลงโทษจำเลยตามประมวลอาญา มาตรา 337,338 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การข่มขืนใจทำสัญญาต้องระบุรายละเอียดการขู่เข็ญหรือใช้กำลัง หากไม่ระบุฟ้องไม่ชัดเจน
ฟ้องที่บรรยายความแต่เพียงว่า จำเลยข่มขืนใจบังคับให้โจทก์ยอมทำสัญญากู้เพื่อจำเลยจะได้รับทรัพย์สินจากการขู่เข็ญนั้น โดยไม่ได้ระบุว่าด้วยการใช้กำลังทำร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สิน หรือขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหาย ไม่เป็นฟ้องที่จะลงโทษจำเลยตามประมวลอาญา ม.337,338 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษอาญา: เลือกใช้บทกฎหมายที่มีโทษเบากว่าเพื่อประโยชน์แก่จำเลย
กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 136 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2484มาตรา 3 วางอัตราโทษให้จำคุกตลอดชีวิตหรือตั้งแต่ 1ปี ถึง 20 ปีและปรับตั้งแต่ 500-10,000 บาท ส่วนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาทดังนี้จะเห็นว่าทั้งอัตราโทษจำคุกขั้นสูงและขั้นต่ำของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 เป็นกฎหมายที่มีส่วนเป็นคุณแก่จำเลยเพราะอัตราโทษจำคุกเบากว่า กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 136
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษอาญา: ก.ม.ลักษณะอาญา vs. ประมวล ก.ม.อาญา – เลือกบทลงโทษที่เบากว่า
ก.ม. ลักษณะอาญาม. 136 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2484 ม.3 วางอัตราโทษให้จำคุกตลอดชีวิต หรือตั้งแต่ 1 ปีถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 500 - 10,000 บาท ส่วนประมวล ก.ม. อาญาม.148 มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท ดังนี้ จะเห็นว่าทั้งอัตราโทษจำคุกคั่นสูงและคั่นต่ำของประมวล ก.ม. อาญา ม.148เป็นกฎหมายที่มีส่วนเป็นคุณแก่จำเลยเพราะอัตราโทษจำคุกเบากว่า ก.ม. ลักษณะอาญา ม.136.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1524/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำและขอบเขตคำพิพากษา: ศาลฎีกาอนุญาตฟ้องซ้ำได้หากคำพิพากษาเดิมเปิดช่องไว้ และคำพิพากษาใช้ยันบุคคลนอกคดีได้
แม้คดีนี้จะมีประเด็นเดียวกับคดีก่อน แต่เมื่อมีคำพิพากษาศาลให้อำนาจแก่โจทก์ที่จะเรียกร้องที่พิพาทอีกได้แล้วฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
เมื่อจำเลยที่ 2 ตั้งประเด็นต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของนายเสงี่ยมเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 และศาลฎีกาได้พิพากษาไว้ในคดีก่อนระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ว่าไม่ใช่ของนายเสงี่ยม นายเสงี่ยมไม่ได้เกี่ยวข้องครอบครองที่พิพาทแล้ว คำพิพากษาดังกล่าวซึ่งเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์จึงใช้ยันจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีได้
เมื่อจำเลยที่ 2 ตั้งประเด็นต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของนายเสงี่ยมเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 และศาลฎีกาได้พิพากษาไว้ในคดีก่อนระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ว่าไม่ใช่ของนายเสงี่ยม นายเสงี่ยมไม่ได้เกี่ยวข้องครอบครองที่พิพาทแล้ว คำพิพากษาดังกล่าวซึ่งเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์จึงใช้ยันจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1524/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำและการใช้คำพิพากษาในคดีก่อนยันบุคคลนอกคดีเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดิน
แม้คดีนี้จะมีประเด็นเดียวกับคดีก่อน แต่เมื่อมีคำพิพากษาศาลให้อำนาจแก่โจทก์ที่จะเรียกร้องที่พิพาทอีกได้แล้วฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
เมื่อจำเลยที่ 2 ตั้งประเด็นต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของนายเสงี่ยมเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 และศาลฎีกาได้พิพากษาไว้ในคดีก่อนระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ว่าไม่ใช่ของนายเสงี่ยม นายเสงี่ยมไม่ได้เกี่ยวข้องครอบครองที่พิพาทแล้ว คำพิพากษาดังกล่าวซึ่งเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์จึงใช้ยันจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีได้
เมื่อจำเลยที่ 2 ตั้งประเด็นต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของนายเสงี่ยมเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 และศาลฎีกาได้พิพากษาไว้ในคดีก่อนระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ว่าไม่ใช่ของนายเสงี่ยม นายเสงี่ยมไม่ได้เกี่ยวข้องครอบครองที่พิพาทแล้ว คำพิพากษาดังกล่าวซึ่งเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์จึงใช้ยันจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356-1521/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมคดีหลายสำนวนเพื่อลงโทษและการคำนวณโทษจำคุกที่ถูกต้อง
การกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกันถึง 166 ครั้ง นั้นเพื่อความสะดวกศาลแขวงจะรวมคดีทั้ง 166 สำนวนพิจารณาพิพากษารวมกันก็ได้และเมื่อศาลแขวงลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละสำนวนโดยมีกำหนดโทษซึ่งอยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะลงแล้ว แม้ในที่สุดจำเลยจะต้องรับโทษถึง 2490 วัน ก็ย่อมทำได้
การลงโทษเรียงสำนวนทั้ง 166 สำนวน พึงให้นับโทษติดต่อกันไปไม่จำต้องรวมโทษทุกสำนวนเข้าด้วยกันแล้วคิดทอนจากวันเป็นปีเดือน เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษจริงเกินกว่าโทษที่จะต้องรับโดยการนับโทษติดต่อ
การลงโทษเรียงสำนวนทั้ง 166 สำนวน พึงให้นับโทษติดต่อกันไปไม่จำต้องรวมโทษทุกสำนวนเข้าด้วยกันแล้วคิดทอนจากวันเป็นปีเดือน เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษจริงเกินกว่าโทษที่จะต้องรับโดยการนับโทษติดต่อ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356-1521/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมสำนวนคดีอาญาหลายกรรมต่างวาระและการคำนวณโทษ จำเลยต้องรับโทษตามจำนวนวันจริง ไม่ใช่การทอนเป็นปีเดือน
การกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกันถึง 166 ครั้งนั้น เพื่อความสดวกศาลแขวงจะรวมคดีทั้ง 166 สำนวนพิจารณาพิพากษารวมกันก็ได้ และเมื่อศาลแขวงลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละสำนวนโดยมีกำหนดโทษซึ่งอยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะลงแล้ว แม้ในที่สุดจำเลยจะต้องรับโทษถึง 2490 วัน ก็ย่อมทำได้
การลงโทษเรียงสำนวนทั้ง 166 สำนวน พึ่งให้นับโทษติดต่อกันไปไม่จำต้องรวมโทษทุกสำนวนเข้าด้วยกันแล้วคิดทอนจากวันเป็นปีเดือน เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษจริงเกินกว่าโทษที่จะต้องรับโดยการนับโทษติดต่อ
การลงโทษเรียงสำนวนทั้ง 166 สำนวน พึ่งให้นับโทษติดต่อกันไปไม่จำต้องรวมโทษทุกสำนวนเข้าด้วยกันแล้วคิดทอนจากวันเป็นปีเดือน เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษจริงเกินกว่าโทษที่จะต้องรับโดยการนับโทษติดต่อ