พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,606 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            คดีมโนสาเร่: ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนจากศาลชั้นต้น ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย
                        
                        คดีมโนสาเร่ที่ศาลชั้นตันฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้เช่าเรือนพิพาทอยู่อาศัยมาจากเจ้าของเดิมตั้งแต่ก่อนที่จะตกมาเป็นของโจทก์ และฟังว่าฝ่ายโจทก์ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงว่าจำเลยได้อาศัยอยู่ในเรือนพิพาท จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายที่ชนะคดีตามที่ท้ากันไว้นั้น แต่ศาลอุทธรณ์ กลับฟังว่าจำเลยไม่ได้เช่าจากเจ้าของเดิมคนสุดท้ายที่โอนให้แก่โจทก์ จึงพิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยและบริวารเสียนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนจากคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเช่นนี้ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ก็ไม่ชอบด้วยกฏหมาย เพราะคดีมโนสาเร่คู่ความจะอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฏหมายเท่านั้น.
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2500
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ข้อจำกัดการอุทธรณ์ในคดีมโนสาเร่: ศาลอุทธรณ์ต้องยึดข้อเท็จจริงจากศาลชั้นต้น
                        
                        คดีมโนสาเร่ที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้เช่าเรือนพิพาทอยู่อาศัยมาจากเจ้าของเดิมตั้งแต่ก่อนที่จะตกมาเป็นของโจทก์  และฟังว่าฝ่ายโจทก์ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงว่าจำเลยได้อาศัยอยู่ในเรือนพิพาท  จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายที่ชนะคดีตามที่ท้ากันไว้นั้น  แต่ศาลอุทธรณ์กลับฟังว่าจำเลยไม่ได้เช่าจากเจ้าของเดิมคนสุดท้ายที่โอนให้แก่โจทก์ จึงพิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยและบริวารเสียนั้น  เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนจากคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเช่นนี้ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  เพราะคดีมโนสาเร่คู่ความจะอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466-1467/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อำนาจเจ้าอาวาสในการจัดการทรัพย์สินวัดและการฟ้องขับไล่ผู้เช่า
                        
                        จำเลยทำสัญญาเช่าที่วัดปลูกอาคารอาศัยทำการค้า โดยนายอำเภอท้องที่ ๆ วัดตั้งเป็นผู้ทำสัญญาแทนวัด ต่อมาวัดต้องการที่ดินคืน เจ้าอาวาสมีอำนาจมอบอำนาจให้ไวยาวัจกรฟ้องขับไล่จำเลยได้.
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466-1467/2500
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อำนาจเจ้าอาวาสในการจัดการที่ธรณีสงฆ์และการฟ้องขับไล่ผู้เช่า
                        
                        จำเลยทำสัญญาเช่าที่วัดปลูกอาคารอาศัยทำการค้า โดยนายอำเภอท้องที่ที่วัดตั้งเป็นผู้ทำสัญญาแทนวัด  ต่อมาวัดต้องการที่ดินคืน  เจ้าอาวาสมีอำนาจมอบอำนาจให้ไวยาวัจกรฟ้องขับไล่จำเลยได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2500
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การฎีกาในข้อเท็จจริงต้องพิจารณาจากทุนทรัพย์ ณ วันยื่นฎีกา ไม่ใช่ตอนฟ้อง
                        
                        คดีแพ่งที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินกว่า 5,000 บาทนั้น  จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่  ต้องแล้วแต่ว่าศาลสั่งรับฎีกาเมื่อใดไม่ใช่ถือเอาวันที่โจทก์ฟ้องคดีในศาลชั้นต้น เมื่อจำเลยยื่นฎีกาเมื่อใช้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง  มาตรา 248 ตามที่แก้ไข พ.ศ.2499 แล้ว  ก็ต้องถือทุนทรัพย์ตามประมวลฉบับใหม่ (เทียบคำสั่งคำร้องศาลฎีกาที่ 466/2499)
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การฎีกาในข้อเท็จจริงต้องพิจารณาจากทุนทรัพย์ ณ เวลาที่ยื่นฎีกา ไม่ใช่ตอนฟ้อง
                        
                        คดีแพ่งที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินกว่า 5,000 บาทนั้น จะฏีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่ ต้องแล้วแต่ว่าศาลสั่งรับฏีกาเมื่ดใดไม่ใช่ถือเอาวันที่โจทก์ฟ้องคดีในศาลชั้นต้น เมื่อจำเลยยื่นฎีกาเมื่อใช้ ป.วิ.แพ่ง มาตรา 248 ตามที่แก้ไขพ.ศ. 2499 แล้วก็ต้องถือทุนทรัพย์ตามประมวลฉบับใหม่ (เทียบคำสั่งคำร้องศาลฏีกาที่   466/2499).
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การขาดนัดพิจารณาและการเลื่อนนัดเมื่อผู้ร้องป่วย ศาลต้องพิจารณาเหตุผลและไม่ตัดโอกาสผู้ร้อง
                        
                        ผู้ร้องตั้งผู้รับมอบอำนาจมาขอถอนคำร้องไม่ดำเนินคดีต่อไปได้อ้างเหตุว่าผู้ร้องป่วยมาศาลไม่ได้ ผู้คัดค้านก็มิได้โต้แย้งคัดค้านประการใด เช่นนี้ จะถือว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาตาม ม.201 ไม่ได้ และอาศัย ม.39 ศาลจะให้เลื่อนการพิจารณาไปก็ได้
ผู้ร้องมิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น เพราะศาลชั้นต้นได้สั่งห้ามไม่ยอมรับคำร้อง คำแถลงใด ๆ ของผู้ร้อง จนทำให้ผู้ร้องไม่โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่เป็นการต้องห้ามมิให้ผู้ร้องยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์
(อ้างฎีกาที่ 1587/2494 และ297/2497)
                                    ผู้ร้องมิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น เพราะศาลชั้นต้นได้สั่งห้ามไม่ยอมรับคำร้อง คำแถลงใด ๆ ของผู้ร้อง จนทำให้ผู้ร้องไม่โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่เป็นการต้องห้ามมิให้ผู้ร้องยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์
(อ้างฎีกาที่ 1587/2494 และ297/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2500
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากป่วย และการโต้แย้งคำสั่งศาลที่จำกัดสิทธิในการดำเนินคดี
                        
                        ผู้ร้องตั้งผู้รับมอบอำนาจมาขอถอนคำร้องไม่ดำเนินคดีต่อไปได้อ้างเหตุว่าผู้ร้องป่วยมาศาลไม่ได้  ผู้คัดค้านก็มิได้โต้แย้งคัดค้านประการใด  เช่นนี้ จะถือว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาตาม มาตรา 201 ไม่ได้  และอาศัย มาตรา 39 ศาลจะให้เลื่อนการพิจารณาไปก็ได้
ผู้ร้องมิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น เพราะศาลชั้นต้นได้สั่งห้ามไม่ยอมรับคำร้อง คำแถลงใดๆ ของผู้ร้อง จนทำให้ผู้ร้องไม่โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่เป็นการต้องห้ามมิให้ผู้ร้องยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ (อ้างฎีกาที่ 1587/2494 และ297/2497)
                                    ผู้ร้องมิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น เพราะศาลชั้นต้นได้สั่งห้ามไม่ยอมรับคำร้อง คำแถลงใดๆ ของผู้ร้อง จนทำให้ผู้ร้องไม่โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่เป็นการต้องห้ามมิให้ผู้ร้องยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ (อ้างฎีกาที่ 1587/2494 และ297/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            นายวงแชร์มีสิทธิเรียกเงินจากลูกวงที่ผิดนัดชำระหนี้ได้ คล้ายค้ำประกัน
                        
                        การที่โจทก์ผู้เป็นนายวงแชร์ออกเงินแทนจำเลยลูกวงผู้ประมูลแชร์ไปแล้วและ ไม่ส่งเงินที่ต้องส่งให้ครบ การกระทำเช่นนี้ไม่เข้าลักษณะเป็นการกู้ยืมเงิน ไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ไม่เป็นการเข้าหุ้นส่วนและไม่เป็นการเล่นการพนันขันต่อพฤติการณ์ระหว่างนายวงแชร์กับลูกวงใกล้ไปทางค้ำประกันเมื่อโจทก์ออกเงินแทนจำเลยไป โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องให้จำเลยชดใช้คืนได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2500
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            นายวงแชร์มีสิทธิเรียกเงินจากลูกวงที่ผิดนัดชำระ แม้ไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร
                        
                        การที่โจทก์ผู้เป็นนายวงแชร์ออกเงินแทนจำเลยลูกวงผู้ประมูลแชร์ไปแล้วและไม่ส่งเงินที่ต้องส่งให้ครบ  การกระทำเช่นนี้ไม่เข้าลักษณะเป็นการกู้ยืมเงิน ไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ  ไม่เป็นการเข้าหุ้นส่วนและไม่เป็นการเล่นการพนันขันต่อ  พฤติการณ์ระหว่างนายวงแชร์กับลูกวงใกล้ไปทางค้ำประกัน  เมื่อโจทก์ออกเงินแทนจำเลยไป โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องให้จำเลยชดใช้คืนได้