พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,606 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมจำหน่ายทรัพย์สิน: สิทธิจำหน่ายเฉพาะส่วนตน และผลของการซื้อจากเจ้าของร่วมโดยไม่ได้รับความยินยอม
การที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งมีชื่อเป็นผู้เสียอากรค่านาหรือเงินค่าบำรุงท้องที่นั้น ต้องถือว่าเสียในนามของเจ้าของร่วม
ผู้ที่ซื้อที่ดินทั้งหมดจากเจ้าของร่วมคนหนึ่ง แม้การซื้อขายจะทำต่ออำเภอและเสียค่าตอบแทนก็ดี ก็ไม่เกิด ภาระติดพันแก่ตัวทรัพย์ เพราะเจ้าของร่วมมีสิทธิ จำหน่ายแต่เฉพาะส่วนของตน.
ผู้ที่ซื้อที่ดินทั้งหมดจากเจ้าของร่วมคนหนึ่ง แม้การซื้อขายจะทำต่ออำเภอและเสียค่าตอบแทนก็ดี ก็ไม่เกิด ภาระติดพันแก่ตัวทรัพย์ เพราะเจ้าของร่วมมีสิทธิ จำหน่ายแต่เฉพาะส่วนของตน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของร่วมและการซื้อขายที่ดิน: การซื้อขายเฉพาะส่วนของเจ้าของร่วมไม่ผูกพันทรัพย์ทั้งหมด
การที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งมีชื่อเป็นผู้เสียอากรค่านาหรือเงินค่าบำรุงท้องที่นั้น ต้องถือว่าเสียในนามของเจ้าของร่วม
ผู้ที่ซื้อที่ดินทั้งหมดจากเจ้าของร่วมคนหนึ่งแม้การซื้อขายจะทำต่ออำเภอและเสียค่าตอบแทนก็ดี ก็ไม่เกิดภาระติดพันแก่ตัวทรัพย์เพราะเจ้าของร่วมมีสิทธิ จำหน่ายแต่เฉพาะส่วนของตน
ผู้ที่ซื้อที่ดินทั้งหมดจากเจ้าของร่วมคนหนึ่งแม้การซื้อขายจะทำต่ออำเภอและเสียค่าตอบแทนก็ดี ก็ไม่เกิดภาระติดพันแก่ตัวทรัพย์เพราะเจ้าของร่วมมีสิทธิ จำหน่ายแต่เฉพาะส่วนของตน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำขอท้ายฟ้องและเจตนาของโจทก์ในการแบ่งทรัพย์สินมรดก
คำข้อท้ายฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์ของหุ้นส่วนที่มีข้อความว่า "ขอได้โปรดแบ่งที่ดินพร้อมด้วยโรงสีและห้องแถว ............. ให้เป็นของโจทก์ 1 ส่วนเป็นเงิน 40,000 บาท โดยวิธีประมูลหรือขายทอดตลาด" นั้น มิได้หมายความว่าโจทก์ต้องการ เงินค่าทรัพย์สินเพียง 40,000 เท่านั้น การตั้งทุนทรัพย์มาเป็นแต่เพียงเพื่อเสียค่าขึ้นศาล ส่วนการแบ่งทรัพย์ ถ้าไม่ตกลงกันต้องประมูลหรือขายทอดตลาด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความเจตนาในการแบ่งทรัพย์มรดก การประมูลทรัพย์สินต้องทำก่อนการชำระเงินค่าหุ้น
คำขอท้ายฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์ของหุ้นส่วนที่มีข้อความว่า 'ขอได้โปรดแบ่งที่ดินพร้อมด้วยโรงสีและห้องแถว.......... ให้เป็นของโจทก์ 1 ส่วนเป็นเงิน 40,000 บาทโดยวิธีประมูลหรือขายทอดตลาด'นั้นมิได้หมายความว่าโจทก์ต้องการเงินค่าทรัพย์สินเพียง 40,000 เท่านั้นการตั้งทุนทรัพย์มาเป็นแต่เพียงเพื่อเสียค่าขึ้นศาล ส่วนการแบ่งทรัพย์ถ้าไม่ตกลงกันต้องประมูลหรือขายทอดตลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 719/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจออกบัตรประชาชน: ปลัดอำเภอไม่ใช่ผู้รักษาราชการแทน แม้ได้รับคำสั่งจากนายอำเภอ
คำว่า "ผู้รักษาการแทน" ตามกฎกระทรวงมหาดไทยดั่งกล่าว หมายถึงผู้รักษาราชการแทนโดยธรรมดา เช่นไม่มีตัวนายอำเภอหรือนายอำเภอไม่ได้มาปฏิบัติราชการ ผู้มีอาวุโสตามระเบียบแบบแผนทำงานแทน เรียกว่าเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีตัวนายอำเภอและนายอำเภอมาปฏิบัติราชการอยู่ แม้จะมีงานมากและนายอำเภอได้สั่งให้ปลัดอำเภอช่วยทำแทนให้งานสำเร็จลุล่วงไปโดยรวดเร็ว ผู้รับคำสั่งจากนายอำเภอคือ ปลัดอำเภอก็เป็นแต่เพียงผู้ทำงานแทนนายอำเภอ ไม่ใช่เป็นผู้รักษาราชการแทน
เมื่อปลัดอำเภอไม่ใช่เป็นผู้รักษาราชการแทนนายอำเภอ แต่ปลัดอำเภอได้ลงนามออกบัตรประชาชนให้แก่ผู้อื่นไป การกระทำของปลัดอำเภอก็เป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจและหน้าที่ ปลัดอำเภอไม่มีความผิดตามกฎหมายลักษณะ อาญา ม.230.
เมื่อปลัดอำเภอไม่ใช่เป็นผู้รักษาราชการแทนนายอำเภอ แต่ปลัดอำเภอได้ลงนามออกบัตรประชาชนให้แก่ผู้อื่นไป การกระทำของปลัดอำเภอก็เป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจและหน้าที่ ปลัดอำเภอไม่มีความผิดตามกฎหมายลักษณะ อาญา ม.230.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 719/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจออกบัตรประชาชน: ปลัดอำเภอไม่ใช่ผู้รักษาราชการแทนหากนายอำเภอยังปฏิบัติหน้าที่
คำว่า 'ผู้รักษาการแทน' ตามกฎกระทรวงมหาดไทยดั่งกล่าวหมายถึงผู้รักษาราชการแทนโดยธรรมดา เช่นไม่มีตัวนายอำเภอหรือนายอำเภอไม่ได้มาปฏิบัติราชการผู้มีอาวุโสตามระเบียบแบบแผนทำงานแทน เรียกว่าเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีตัวนายอำเภอและนายอำเภอมาปฏิบัติราชการอยู่ แม้จะมีงานมากและนายอำเภอได้สั่งให้ปลัดอำเภอช่วยทำแทนให้งานสำเร็จลุล่วงไปโดยรวดเร็วผู้รับคำสั่งจากนายอำเภอคือปลัดอำเภอก็เป็นแต่เพียงผู้ทำงานแทนนายอำเภอไม่ใช่เป็นผู้รักษาราชการแทน
เมื่อปลัดอำเภอไม่ใช่เป็นผู้รักษาราชการแทนนายอำเภอแต่ปลัดอำเภอได้ลงนามออกบัตรประชาชนให้แก่ผู้อื่นไป การกระทำของปลัดอำเภอก็เป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจและหน้าที่ปลัดอำเภอไม่มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา230
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2500)
เมื่อปลัดอำเภอไม่ใช่เป็นผู้รักษาราชการแทนนายอำเภอแต่ปลัดอำเภอได้ลงนามออกบัตรประชาชนให้แก่ผู้อื่นไป การกระทำของปลัดอำเภอก็เป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจและหน้าที่ปลัดอำเภอไม่มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา230
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 712/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองเครื่องหมายการค้าจำกัดเฉพาะประเภทสินค้าที่จดทะเบียน แม้คล้ายคลึงกันก็ไม่อาจอ้างสิทธิเหนือผู้ขอจดทะเบียนก่อน
ผู้ใดจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าใดสำหรับสินค้าจำพวกหนึ่งตามรายการท้าย พ.ร.บ.แล้วจะถือว่าคุ้มครองไปทั่วทุกจำพวกไม่ได้ ถ้ามีผู้ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าอันมีลักษณะคล้ายคลึงกันบ้างในสินค้าจำพวกอื่นไว้ก่อนแล้ว ตนจะมาขอให้ศาลสั่งว่าตนมีสิทธิดีกว่าในการที่จะขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าจำพวกหลังไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 712/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองเครื่องหมายการค้าจำกัดเฉพาะประเภทสินค้าที่จดทะเบียน แม้เครื่องหมายคล้ายคลึงกัน
ผู้ใดจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าใดสำหรับสินค้าจำพวกหนึ่งตามรายการท้าย พ.ร.บ.แล้วจะถือว่าคุ้มครองไปทั่วทุกจำพวกไม่ได้ถ้ามีผู้ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าอันมีลักษณะคล้ายคลึงกันบ้างในสินค้าจำพวกอื่นไว้ก่อนแล้ว ตนจะมาขอให้ศาลสั่งว่าตนมีสิทธิดีกว่าในการที่จะขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าจำพวกหลังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 703/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดวางเพลิงทำให้ทรัพย์สินเสียหาย: การเปรียบเทียบอัตราโทษตามกฎหมายลักษณะอาญาและประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยจุดไฟเผากิ่งไม้แห้งในไร่ของจำเลยและไฟได้ลุกลามไปไหม้ทรัพย์ของผู้เสียหาย ทั้งยังน่ากลัวจะไหม้โรงข้าวของผู้เสียหายอีกด้วย ความผิดของจำเลยขณะทำผิดต้องด้วยกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา187 วรรคสอง ไฟที่จำเลยจุดเผาขึ้นได้ไหม้เอาต้นมะพร้าวอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายตามข้อ (5) แห่ง มาตรา186 ด้วย โทษที่ควรลงแก่จำเลยจึงต้องเอาโทษที่กำหนดไว้ใน มาตรา186 เป็นเกณฑ์แต่ขณะนี้ กฎหมายลักษณะอาญาได้ถูกยกเลิกไปแล้วใช้ประมวลกฎหมายอาญาแทน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตรงตามมาตรา 220 วรรคแรกแห่งประมวลกฎหมายอาญาแต่วรรค 2 ของมาตรานี้บัญญัติว่าถ้าเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 218 ให้ลงโทษดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 218 แต่ในมาตรา218ข้อ 1 ถึง 6 มิได้บัญญัติไว้ถึงเรื่องวางเพลิงเผาต้นมะพร้าวอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ไว้เลย ฉะนั้นจะลงโทษตามวรรคสองของ มาตรา 220ประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้คงลงโทษจำเลยตาม มาตรา 220 วรรคแรกซึ่งมีอัตราโทษจำคุกเบากว่า มาตรา 187 วรรคแรกของ กฎหมายลักษณะอาญา ตาม มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 703/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วางเพลิงเผาต้นมะพร้าวผู้อื่น: การเปรียบเทียบโทษตามกฎหมายอาญาเดิมและประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยจุดไฟเผากิ่งไม้แห้งในไร่ของจำเลยและไฟได้ลุกลามไปไหม้ทรัพย์ของผู้เสียหาย ทั้งยังน่ากลัวจะไหม้โรงข้าวของผู้เสียหายอีกด้วย ความผิดของจำเลยขณะทำผิดต้องด้วย ก.ม.ลักษณะอาญา ม.187 วรรค 2 ไฟที่จำเลยจุดเผาขึ้นได้ไหม้เอาต้นมะพร้าว อันเป็นอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายตามข้อ (5) แห่ง ม.186 ด้วย โทษที่ควรลงแก่จำเลยจึง ต้องเอาโทษที่กำหนดไว้ใน ม.186 เป็นเกณฑ์ แต่ขณะนี้ ก.ม.ลักษณะอาญาได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ใช้ประมวล ก.ม.อาญาแทน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตรงตาม ม.220 วรรคแรกแห่งประมวล ก.ม.อาญา แต่วรรค 2 ของมาตรานี้บัญญัติว่า ถ้าเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ใน ม.218 ให้ลงโทษดังที่บัญญัติไว้ใน ม.218 แต่ใน ม.218 ข้อ 1 ถึง 6 มิได้บัญญัติไว้ถึงเรื่องวางเพลิงเผาต้นมะพร้าวอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ไว้เลย ฉะนั้นจะลงโทษตามวรรค 2 ของ ม.220 ประมวล ก.ม.อาญาไม่ได้ คงลงโทษจำเลยตาม ม.220 วรรคแรกซึ่งมีอัตราโทษจำคุกเบากว่า ม.187 วรรคแรกของ ก.ม.ลักษณะอาญา ตาม ม.3 ประมวล ก.ม.อาญา.