คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุลยการณ์โกวิท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,606 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม หลังศาลล่างวินิจฉัยข้อเท็จจริงในคดีอาญาแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปล้นทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์บาดเจ็บ ขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัยพ์ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายตาม ก.ม.อาญา ม.254 จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อเท็จจริงไม่พอฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดทั้งสองฐานพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ เช่นนี้โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง(ขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์) ต่อไปไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม หากศาลล่างวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปล้นทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์บาดเจ็บขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายตาม กฎหมายอาญา มาตรา254 จำคุก 2 ปีศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อเท็จจริงไม่พอฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดทั้งสองฐานพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์เช่นนี้โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง (ขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์) ต่อไปไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินสมรส: เจ้าของร่วมไม่สามารถขอถอนการยึดได้ แต่มีสิทธิเรียกร้องส่วนแบ่งในทางบังคับคดี
ได้ความว่าผู้ร้องขัดทรัพย์เป็นภรรยาจำเลย โจทก์นำยึดทรัพย์ซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยและผู้ร้อง แม้ผู้ร้องจะเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย ผู้ร้องขัดทรัพย์จะขอให้ถอนการยึดทรัพย์รายพิพาททั้งหมดหรือให้ถอนเพียงกึ่งหนึ่งหาได้ไม่แต่ไม่ตัดสิทธิในการที่จะขอให้แบ่งส่วนของตนในทางบังคับคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินสมรส: เจ้าของร่วมไม่สามารถขอถอนยึดได้ แต่มีสิทธิเรียกร้องส่วนแบ่งในทางบังคับคดี
ได้ความว่าผู้ร้องขัดทรัพย์เป็นภรรยาจำเลย โจทก์นำยึดทรัพย์ซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยและผู้ร้องแม้ผู้ร้องจะเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย ผู้ร้องขัดทรัพย์จะขอให้ถอนการยึดทรัพย์รายพิพาททั้งหมดหรือให้ถอนเพียงกึ่งหนึ่งหาได้ไม่แต่ไม่ตัดสิทธิในการที่จะขอให้แบ่งส่วนของตนในทางบังคับคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงทรัพย์: การรับว่าจะจัดหาเสาแต่ไม่สามารถส่งมอบได้ และมีเจตนาทุจริตตั้งแต่แรก
การที่จำเลยไม่มีอาชีพในทางค้าเสาไม่เคยขออนุญาตตัดฟันไม้ แต่รับจะจัดการตัดเสาอ้างว่ามีโควต้าทำไม้ ผู้เสียหายยอมให้เงิน 3,600 บาท ค่าลูกจ้างและค่าเข็นโดยจำเลยว่าเสาตามที่สั่งตัดไว้ครบแล้ว หลังจากนั้นอีกนานก็ไม่มีเสามา เมื่อถูกจับก็บอกตำรวจว่าหาเสาไม่ได้ แต่กลับปฏิเสธต่อผู้เสียหายว่าไม่รู้เรื่องไม่ได้รับเงิน พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมแสดงว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดฉ้อโกงทรัพย์ของผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การติดตามทรัพย์สินคืน vs. การฟ้องเรียกค่าเสียหาย: อายุความต่างกัน
โจทก์ฟ้องเรียกเรือนครัวพิพาท++ เมื่อฟังว่าเรือนครัวพิพาทจำเลย++ให้โจทก์ ดังนี้คดีของโจทก์ที่เกี่ยวกับอายุความต้องบังคับตาม ป.พ.พ. ม.1336 เพราะเป็นการติดตามทรัพย์ของตนคืน มิใช่เป็นการเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดตาม ป.พ.พ. ม.446.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกทรัพย์คืน: ไม่ใช่ละเมิด แต่เป็นการติดตามทรัพย์
โจทก์ฟ้องเรียกเรือนครัวพิพาทคืน เมื่อฟังว่าเรือนครัวพิพาทจำเลยยกให้โจทก์ ดังนี้คดีของโจทก์ที่เกี่ยวกับอายุความต้องบังคับตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1336 เพราะเป็นการติดตามทรัพย์ของตนคืน มิใช่เป็นการเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา446

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกาศเป็นศัตรูและการหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน: การกระทำนอกอำนาจหน้าที่และการแสดงอาฆาตมาดร้าย
เพียงแต่จำเลยแสดงกิริยาวาจาต่อผู้เสียหายว่า 'พี่ณรงค์เรามาจับมือประกาศเป็นศัตรูกันตั้งแต่วันนี้ไปจนตลอดชีวิต 'พร้อมกับยื่นมือไปขอจับด้วยดังนี้ เป็นแต่เพียงจำเลยประกาศตัวเป็นศัตรูคือเลิกความเป็นมิตร ยังเรียกไม่ได้ว่าแสดงอาฆาตมาดร้าย
ผู้เสียหายเป็นนายกเทศมนตรีเกี่ยวกับทางหลวงผู้เสียหายคงมีหน้าที่ระวังไม่ให้รุกล้ำถนนหลวงและคูเมืองเท่านั้นเมื่อส่งคนงานไปวัดที่ดินของผู้อื่นอันเป็นเหตุให้จำเลยโกรธกล่าวคำหมิ่นประมาท ดังนี้จำเลยหามีความผิดฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานไม่เพราะที่ผู้เสียหายสั่งไปนั้นเป็นการนอกอำนาจและหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงกิริยาประกาศเป็นศัตรูไม่ถึงขั้นอาฆาตมาดร้าย และการหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานที่กระทำนอกอำนาจหน้าที่
เพียงแต่จำเลยแสดงกิริยาวาจาต่อผู้เสียหายว่า "พี่ณรงค์เรามาจับมือประกาศเป็นศัตรูกันตั้งแต่วันนี้ไปจนตลอดชีวิต" พร้อมกับยื่นมือไปขอจับด้วยดังนี้ เป็นแต่เพียงจำเลยประกาศตัวเป็นศัตรูคือเลิกความเป็นมิตร ยังเรียกไม่ได้ว่าแสดงอาฆาตมาดร้าย
ผู้เสียหายเป็นนายกเทศมนตรี,เกี่ยวกับทางหลวงผู้เสียหายคงมีหน้าที่ระวังไม่ให้รุกล้ำถนนหลวงและคูเมืองเท่านั้น เมื่อส่งคนงานไปวัดที่ดินของผู้อื่นอันเป็นเหตุให้จำเลยโกรธกล่าวคำหมิ่นประมาทดังนี้จำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานไม่เพราะที่ผู้เสียหายสั่งไปนั้นเป็นการนอกอำนาจและหน้าที่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 367/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำเรื่องกรรมสิทธิที่ดินเมื่อศาลเคยชี้ขาดแล้วว่าผู้ซื้อได้มาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน
ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 ได้เกี่ยวเป็นคู่ความในคดีพิพาทเรื่องที่ดินรายนี้มาครั้งหนึ่งแล้วและศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดในดคีนั้นไว้แล้วว่าจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ได้ซื้อที่พิพาทไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนทั้งได้จดทะเบียนสิทธิแล้วโจทก์ทั้งสองจะหยิบยกเอาการครอบครองโดยปรปักษ์มาต่อสู้ใช้ยันจำเลยที่ 1 ไม่ได้ แต่มาในคดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างถึงกรรมสิทธิที่โจทก์ควรมีควรได้ตาม ป.พ.พ. ม.1300 ซึ่งในมาตราเดียวกันนี้วางข้อยกเว้นไว้และศาลได้ชี้ขาดในคดีก่อนตามประเด็นที่โต้เถียงกันตามข้อยกเว้นนี้ว่าจำเลยที่ 1 ได้รับโอนที่พิพาทมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เห็นได้ชัดว่เพื่อประสงค์นำสืบถึงเหตุผลซึ่งโจทก์นำสืบไว้ในคดีก่อนไม่สมบูรณ์เท่านั้น การที่จำเลยที่ 2 มิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีก่อนไม่เป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องคดีนี้ได้เพราะต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.144.
of 161